
The Cave(2019) เป็นหนังที่พยายามเก็บรายละเอียดให้ถูกต้องตรงตามเหตุการณ์จริงมากจนรู้สึกเหมือนเกินความจำเป็น คงต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ช่วยเหลือหมูป่าต่างคนต่างฝ่ายต่างก็มีบทบาทมีคุณค่าจนยากที่จะตัดตัวละครใดๆออกไป สิ่งที่ควรจะเป็นรีสอร์ทชั้นดีเลยกลายเป็นการสร้างความจนตรอกไป เลยจำเป็นต้องเดินหน้าบอกเล่าทุกส่วนให้หมดไปตามความเป็นจริง แต่มันนำมาซึ่งความขัดแย้ง เพราะมันสะท้อนในเรื่องความติดขัดของราชการมากมาย อันเป็นสิ่งธรรมดาในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เคยมีการเกิดขึ้นมาก่อน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมกมุ่นจับผิดกันไปเพื่ออะไร ตอนผมดูเรื่องนี้จบผมรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ช่วยเหลือหมูป่า มาทำเป็นหนังก็คงทำได้เท่านี้แหล่ะ ไม่ได้รู้สึกว่าน่าผิดหวัง หรือขาดความบันเทิงแต่อย่างใด เพราะเขาก็ทำได้รายละเอียดครบถ้วนอยู่

- Thirteen Lives(2022) ผมดูจบไป3รอบติดต่อกัน3วัน เพราะมันบันเทิง ขนาดตอนเด็กติดถ้ำผมยังติดตามนับสิบๆวัน ทั้งวันทั้งคืน ผมรู้สึกทึ่งที่ฝรั่งสร้างหนังที่เต็มไปด้วยบรรยากาศไทยได้อย่างไร้ที่ติ แถมมารู้ว่าแทบทั้งหมดถ่ายทำที่ออสเตรเลีย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งไปอีก มีฉากเหตุการณ์ อารมณ์ คำพูด หน้าตาผู้คนตัดไปตัดมานับเป็นพันช็อตอย่างกลมกลืนแนบเนียน จังหวะเวลามันช่างลงตัว นักแสดงนับร้อยๆต่างดำรงค์บทบาทตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้าอารมณ์ตัวละคนทุกตัวเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมด ในความหมกมุ่นจริงจังในความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆก็ตาม ผมเชื่อว่าถ้ากรรมการตัดสินรางวัลออสการ์เป็นคนไทยจะรู้สึกได้ว่าผู้กำกับคนที่สามารถทำในสิ่งที่ไม่ควรเป็นไปได้ เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่างเป็นเอกฉันท์
- เรื่องนี้สามารถลบจุดอ่อนต่างๆของThe Caveไปได้จนหมดสิ้น เหมือนเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากความล้มเหลวของผู้อื่น กล้าที่จะตัดส่วนที่เกินความจำเป็นออกไปทั้งหมด แล้วเน้นเฉพาะสิ่งที่ควรโดดเด่น เพิ่มเต็มส่วนที่ขาดหาย มันคือความบันเทิง ความมัน และความดราม่า ฉากดำน้ำทำได้อย่างเร้าใจและจุใจ รู้สึกถึงความยากลำบากอันตราย เพิ่มบทบาทของผู้เป็นแม่ที่ห่วงหาอาวรณ์ต่อลูกที่ตกอยู่ในความเป็นความตาย โดยโฟกัสแค่เพียงแม่ของหมูป่าคนหนึ่ง แค่นี้ก็เพียงพอ ได้รู้สึกว่าหนังมีความสมบูรณ์ ในองค์ประกอบที่ควรมีนางเอกที่ดูแล้วรู้สึกเจริญหูเจริญตา รู้สึกอยากเอาใจช่วย
- ดาราไทยทุกคนแสดงได้อย่างไร้ที่ติ ยกเครดิตให้ผู้กำกับ เสียงใต้น้ำ ถังอ็อกซิเจนกระทบหิน เสียงหายใจ มีมิติที่เป็นธรรมชาติ ภาพมุมกล้องล้วนสมกับความเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าหนังเรื่องนี้สามารถเข้าชิงออสการ์ได้หลายรางวัล โดยเฉพาะผู้กำกับ และการตัดต่อภาพเสียง รวมไปถึงหนังยอดเยี่ยม

The Rescue(2021) เพิ่งได้ดูเมื่อวานในบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งใจ รู้สึกว่าอยู่ระดับน่าพอใจ ผมรู้สึกได้ว่าถ้าไม่ได้ดูเรื่องThirteen Livesมา3รอบก่อนหน้านี้ จะรู้สึกดีกับเรื่องนี้มาก ถ้าไม่ได้ดูคลิปต่างๆเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็จะยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก The Rescue ถือเป็นสารคดีที่เน้นนำภาพข่าวลำดับเหตุการณ์สำคัญมาอาศัยชั้นเชิงในการบอกเล่า โดยอาศัยบทสัมภาษณ์บุคคลหลักๆ และบุคคลที่3 เพื่อให้เข้าใจในเหตุการณ์จนรู้สึกว่านี่แหล่ะคือสิ่งที่แท้จริง มีการถ่ายภาพใหม่ในตัวละครหลักที่ใครไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อให้ดูเป็นเหมือนภาพยนตร์กึ่งสารคดี การใช้เสียงพูดเล่าเรื่องของผู้มีส่วนร่วมภาพเหตุการณ์ คู่ขนานมากับภาพเหตุการณ์ที่ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เสียดายที่คลิปเหล่านี้ส่วนใหญ่ผมรู้มาหมดแล้ว ตอนสุดท้ายที่เหมือนจะเป็นจุดClimaxที่เป็นภาพของHero กลับประเทศต่างได้รับการเชิดชูเกียรติ์ เช่นได้รับเครื่องราชฯจะพระหัตถ์จากสมเด็จฯราชินีอังกฤษ นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมรู้มาแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกเข้าถึงในจุดที่เหมือนเป็นความยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่หนังเรื่องนี้จะนำเสนอ สิ่งที่รู้สึกเหมือนดีไปหมดในเรื่องนี้ก็คือเพลงประกอบตอนจบ ที่ไม่คุ้นหูแต่มันไพเราะเข้ากับอารมณ์บรรยากาศเอามาก
- สิ่งที่เป็นสิ่งดีงามที่สุดของ The Rescure คือการนำเสนอบทบาท เบื้องหลัง ของจ่าแซมได้อย่างโดดเด่น ให้เห็นชัดว่าเขามีบทบาทมากมายในเหตุการณ์นี้อย่างไร รู้สึกว่าไม่สูญเปล่า และนำเสนอมุมต่างๆที่เป็นความจริงที่เราไม่เคยรู้มากก่อน เข้าใจได้ว่าทำไมหนังเชิงสารคดีนี้ถึงได้รับความชื่นชมสูง
- ต้องบอกว่าลำดับการรับชมมันเป็นส่วนสำคัญที่หนังที่เราดูดี หรือดูไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ แต่บอกได้ว่า The Cave ทำให้เรื่องอื่นๆดูดีได้ไปหมด
- หากผมได้ดู The Rescue ก่อน Thirteenฯ จะรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์หมูป่าเหมาะสมทำได้แค่สารคดี ดีกว่าทำเป็นหนัง และทำให้ดู Thirteenฯจืดจางลงได้เหมือนกัน
- การที่สถาบันฯวิจารณ์ภาพยนตร์ ให้คะแนนหนังThe Rescue สูงกว่า Thirteenฯ น่าจะมีเหตุผลจากลำดับก่อนหนังของการรับชม
- ผมรู้สึกได้ว่า The Rescue สามารถทำได้ดีไปกว่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากขนาดนี้ แค่เอาคลิปที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์มากมายในโซเชียลมาตัดต่อ โดยอาศัยชั้นเชิงที่สูงกว่า ที่ต้องทำเพิ่มคือAnimation ให้ใกล้เคียงกับสภาพจริง The Rescue ทำภาพAnimateดูเว่อไปเยอะ ระยะดำน้ำดูเหมือนไกลเกินมนุษย์หน้าไหนจะดำไปถึง คนส่วนใหญ่รับได้ แต่ผมรู้สึกมันไม่ค่อยมีเหตุผล
สุดท้ายขอให้คะแนนหนังทั้ง3เรื่องโดยไม่อาศัยความมีอคติในเรื่องลำดับการดูก่อน-หลัง
- The Cave 60%
- Thirteen Lives 92%
- The Rescue 88%
[CR] ความรู้สึกหลังดู Thirteen lives (2022) , The Rescue (2021) , The Cave (2019)
The Cave(2019) เป็นหนังที่พยายามเก็บรายละเอียดให้ถูกต้องตรงตามเหตุการณ์จริงมากจนรู้สึกเหมือนเกินความจำเป็น คงต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ช่วยเหลือหมูป่าต่างคนต่างฝ่ายต่างก็มีบทบาทมีคุณค่าจนยากที่จะตัดตัวละครใดๆออกไป สิ่งที่ควรจะเป็นรีสอร์ทชั้นดีเลยกลายเป็นการสร้างความจนตรอกไป เลยจำเป็นต้องเดินหน้าบอกเล่าทุกส่วนให้หมดไปตามความเป็นจริง แต่มันนำมาซึ่งความขัดแย้ง เพราะมันสะท้อนในเรื่องความติดขัดของราชการมากมาย อันเป็นสิ่งธรรมดาในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เคยมีการเกิดขึ้นมาก่อน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมกมุ่นจับผิดกันไปเพื่ออะไร ตอนผมดูเรื่องนี้จบผมรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ช่วยเหลือหมูป่า มาทำเป็นหนังก็คงทำได้เท่านี้แหล่ะ ไม่ได้รู้สึกว่าน่าผิดหวัง หรือขาดความบันเทิงแต่อย่างใด เพราะเขาก็ทำได้รายละเอียดครบถ้วนอยู่
- Thirteen Lives(2022) ผมดูจบไป3รอบติดต่อกัน3วัน เพราะมันบันเทิง ขนาดตอนเด็กติดถ้ำผมยังติดตามนับสิบๆวัน ทั้งวันทั้งคืน ผมรู้สึกทึ่งที่ฝรั่งสร้างหนังที่เต็มไปด้วยบรรยากาศไทยได้อย่างไร้ที่ติ แถมมารู้ว่าแทบทั้งหมดถ่ายทำที่ออสเตรเลีย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งไปอีก มีฉากเหตุการณ์ อารมณ์ คำพูด หน้าตาผู้คนตัดไปตัดมานับเป็นพันช็อตอย่างกลมกลืนแนบเนียน จังหวะเวลามันช่างลงตัว นักแสดงนับร้อยๆต่างดำรงค์บทบาทตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้าอารมณ์ตัวละคนทุกตัวเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมด ในความหมกมุ่นจริงจังในความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆก็ตาม ผมเชื่อว่าถ้ากรรมการตัดสินรางวัลออสการ์เป็นคนไทยจะรู้สึกได้ว่าผู้กำกับคนที่สามารถทำในสิ่งที่ไม่ควรเป็นไปได้ เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่างเป็นเอกฉันท์
- เรื่องนี้สามารถลบจุดอ่อนต่างๆของThe Caveไปได้จนหมดสิ้น เหมือนเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากความล้มเหลวของผู้อื่น กล้าที่จะตัดส่วนที่เกินความจำเป็นออกไปทั้งหมด แล้วเน้นเฉพาะสิ่งที่ควรโดดเด่น เพิ่มเต็มส่วนที่ขาดหาย มันคือความบันเทิง ความมัน และความดราม่า ฉากดำน้ำทำได้อย่างเร้าใจและจุใจ รู้สึกถึงความยากลำบากอันตราย เพิ่มบทบาทของผู้เป็นแม่ที่ห่วงหาอาวรณ์ต่อลูกที่ตกอยู่ในความเป็นความตาย โดยโฟกัสแค่เพียงแม่ของหมูป่าคนหนึ่ง แค่นี้ก็เพียงพอ ได้รู้สึกว่าหนังมีความสมบูรณ์ ในองค์ประกอบที่ควรมีนางเอกที่ดูแล้วรู้สึกเจริญหูเจริญตา รู้สึกอยากเอาใจช่วย
- ดาราไทยทุกคนแสดงได้อย่างไร้ที่ติ ยกเครดิตให้ผู้กำกับ เสียงใต้น้ำ ถังอ็อกซิเจนกระทบหิน เสียงหายใจ มีมิติที่เป็นธรรมชาติ ภาพมุมกล้องล้วนสมกับความเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าหนังเรื่องนี้สามารถเข้าชิงออสการ์ได้หลายรางวัล โดยเฉพาะผู้กำกับ และการตัดต่อภาพเสียง รวมไปถึงหนังยอดเยี่ยม
The Rescue(2021) เพิ่งได้ดูเมื่อวานในบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งใจ รู้สึกว่าอยู่ระดับน่าพอใจ ผมรู้สึกได้ว่าถ้าไม่ได้ดูเรื่องThirteen Livesมา3รอบก่อนหน้านี้ จะรู้สึกดีกับเรื่องนี้มาก ถ้าไม่ได้ดูคลิปต่างๆเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็จะยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก The Rescue ถือเป็นสารคดีที่เน้นนำภาพข่าวลำดับเหตุการณ์สำคัญมาอาศัยชั้นเชิงในการบอกเล่า โดยอาศัยบทสัมภาษณ์บุคคลหลักๆ และบุคคลที่3 เพื่อให้เข้าใจในเหตุการณ์จนรู้สึกว่านี่แหล่ะคือสิ่งที่แท้จริง มีการถ่ายภาพใหม่ในตัวละครหลักที่ใครไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อให้ดูเป็นเหมือนภาพยนตร์กึ่งสารคดี การใช้เสียงพูดเล่าเรื่องของผู้มีส่วนร่วมภาพเหตุการณ์ คู่ขนานมากับภาพเหตุการณ์ที่ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เสียดายที่คลิปเหล่านี้ส่วนใหญ่ผมรู้มาหมดแล้ว ตอนสุดท้ายที่เหมือนจะเป็นจุดClimaxที่เป็นภาพของHero กลับประเทศต่างได้รับการเชิดชูเกียรติ์ เช่นได้รับเครื่องราชฯจะพระหัตถ์จากสมเด็จฯราชินีอังกฤษ นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมรู้มาแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกเข้าถึงในจุดที่เหมือนเป็นความยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่หนังเรื่องนี้จะนำเสนอ สิ่งที่รู้สึกเหมือนดีไปหมดในเรื่องนี้ก็คือเพลงประกอบตอนจบ ที่ไม่คุ้นหูแต่มันไพเราะเข้ากับอารมณ์บรรยากาศเอามาก
- สิ่งที่เป็นสิ่งดีงามที่สุดของ The Rescure คือการนำเสนอบทบาท เบื้องหลัง ของจ่าแซมได้อย่างโดดเด่น ให้เห็นชัดว่าเขามีบทบาทมากมายในเหตุการณ์นี้อย่างไร รู้สึกว่าไม่สูญเปล่า และนำเสนอมุมต่างๆที่เป็นความจริงที่เราไม่เคยรู้มากก่อน เข้าใจได้ว่าทำไมหนังเชิงสารคดีนี้ถึงได้รับความชื่นชมสูง
- ต้องบอกว่าลำดับการรับชมมันเป็นส่วนสำคัญที่หนังที่เราดูดี หรือดูไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ แต่บอกได้ว่า The Cave ทำให้เรื่องอื่นๆดูดีได้ไปหมด
- หากผมได้ดู The Rescue ก่อน Thirteenฯ จะรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์หมูป่าเหมาะสมทำได้แค่สารคดี ดีกว่าทำเป็นหนัง และทำให้ดู Thirteenฯจืดจางลงได้เหมือนกัน
- การที่สถาบันฯวิจารณ์ภาพยนตร์ ให้คะแนนหนังThe Rescue สูงกว่า Thirteenฯ น่าจะมีเหตุผลจากลำดับก่อนหนังของการรับชม
- ผมรู้สึกได้ว่า The Rescue สามารถทำได้ดีไปกว่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากขนาดนี้ แค่เอาคลิปที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์มากมายในโซเชียลมาตัดต่อ โดยอาศัยชั้นเชิงที่สูงกว่า ที่ต้องทำเพิ่มคือAnimation ให้ใกล้เคียงกับสภาพจริง The Rescue ทำภาพAnimateดูเว่อไปเยอะ ระยะดำน้ำดูเหมือนไกลเกินมนุษย์หน้าไหนจะดำไปถึง คนส่วนใหญ่รับได้ แต่ผมรู้สึกมันไม่ค่อยมีเหตุผล
สุดท้ายขอให้คะแนนหนังทั้ง3เรื่องโดยไม่อาศัยความมีอคติในเรื่องลำดับการดูก่อน-หลัง
- The Cave 60%
- Thirteen Lives 92%
- The Rescue 88%
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้