แชร์ประสบการณ์ยุติการตั้งครรภ์ 21 weeks เมื่อลูกมีภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดรุนแรง

·     วันที่แม่รู้ว่ามีลูก
            หลังจากที่แม่กับป๊าตัดสินใจร่วมกันว่าจะมีลูก แม่ก็ใช้ Apps นับวันไข่ตก โดยใส่วันที่มีประจำเดือนลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากเก็บข้อมูลประมาณ 6 เดือน Apps มีความแม่นยำมากขึ้น หลังจากที่ประจำเดือนไม่มา 2-3 วัน แม่ก็ซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจดู พบว่าลูกมาอยู่ในท้องของแม่แล้ว ความรู้สึกดีใจมันท่วมท้นออกมา 

แม่รีบไปฝากครรภ์ที่รพ. แห่งหนึ่ง ได้รับการตรวจอย่างดี หมอนัดตรวจครรภ์ทุกเดือน แม่ก็ไปไม่เคยขาด ความรู้สึกในตอนนั้นคืออยากจะดูแลลูกให้ดีที่สุด ระมัดระวังในการทำกิจกรรมทุกๆอย่าง หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านเพื่อไม่ให้ติดโควิด กินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงให้ลูกแข็งแรง แม่ตรวจ NIPT ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองโครโมโซมคู่หลักที่มักมีปัญหา พบว่ามีความปกติดี แม่ก็วางใจ 

·     ความจริงที่ไม่อยากรับรู้
            หมอนัดไปตรวจครรภ์อีกครั้ง แต่คราวนี้หมออัลตราซาวด์แล้วมีท่าทางตกใจ และบอกกับเราว่า ลูกมีความผิดปกติทางด้านหัวใจ หัวใจห้องล่างซ้ายของลูกมีขนาดเล็กมากและเส้นเลือดที่ส่งเลือดออกมาก็ตีบด้วย แม่เสียใจและเป็นห่วงลูกมาก ไม่รู้จะทำยังไง หมอส่งเคสไปยังทีมที่เชี่ยวชาญ ซึ่งมีทั้งทีมหมอสูติและหมอหัวใจเด็ก ทีมหมอผู้เชียวชาญบอกว่า เคสของลูกเป็นเคสที่หนักหนา หัวใจลูกทำหน้าที่อย่างเต็มที่ได้แค่ 2 ห้อง 

หมอบอกว่าถ้าแม่ตั้งครรภ์ต่อไปแล้ว เวลาลูกออกมา ลูกจะต้องเจาะท่อใส่สายเต็มไปหมด เพราะหัวใจลูกต้องทำงานเอง ไม่เหมือนตอนอยู่ในท้องของแม่ ลูกต้องอยู่ ICU ไประยะหนึ่ง และต้องผ่าตัดใหญ่อย่างน้อย 3 ครั้ง ซึ่งโอกาสรอดชีวิตต่ำมาก การผ่าตัดครั้งแรกยากที่สุดเพราะลูกต้องผ่าตัดทั้งๆที่ร่างกายยังไม่พร้อม จึงมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 10-20% เท่านั้น นอกจากนี้ ลูกจะเป็นเด็กที่เหนื่อยง่าย วิ่งไม่ได้ อาจมีตัวเขียวบ้างบางที และมีความเป็นไปได้ที่ระบบอื่นๆ เช่น พัฒนาการทางสมองไม่เป็นไปตามปกติ

หมอแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซม ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการตรวจอย่างละเอียดของโครโมโซมทุกคู่ เพื่อหาสาเหตุของโรค แม่ตกลงเจาะน้ำคร่ำในวันนั้น เข็มที่เจาะลงไปตรงท้องไม่เจ็บเท่าไหร่ เพราะร่างกายของแม่ชาไปหมดแล้วหลังจากที่ได้รับรู้ความจริงจากหมอ พยาบาลเข้ามาดูแลว่าเจ็บแผลที่เข็มเจาะลงไปไหม ความรู้สึกในตอนนั้นไม่เจ็บแผลเลย มันเจ็บจี้ดที่หัวใจมากกว่า  หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ หมอนัดมาบอกว่าผลตรวจโครโมโซมออกมาปกติดีทุกคู่ ความผิดปกติที่เกิดกับลูกไม่ได้มีสาเหตุมาจากโครโมโซมของพ่อหรือแม่ แต่เกิดจากกระบวนการสร้างเซลของลูก 

แม่เหมือนมี 2 คนในร่างเดียว คนหนึ่งเป็นคนที่มีเหตุผล รับรู้ความจริงและพยายามหาทางแก้ไข แต่ไม่ว่าจะพยายามหาทางออกแค่ไหน ก็ไม่เจอสิ่งที่แม่จะทำเพื่อช่วยลูกได้เลย แม่ต้องยอมรับความจริงและเลิกตั้งความหวังว่ามันจะดีขึ้น อีกคนหนึ่งเป็นฝั่งอารมณ์ที่ไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น อยากจะกางแขนปกป้องลูกไว้ในอ้อมกอดของแม่ อยากจะหนีจากความจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากจะตัดสินใจอะไรทั้งนั้น แม่ร้องไห้บ่อยมาก รู้สึกเสียใจเหมือนใจจะขาด แต่แล้วแม่ก็ไตร่ตรองทุกๆแง่มุมและตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ แม่ต้องกำหนดวันที่จะไปบอกหมอ เพราะใจแม่ไม่มีทางพร้อมสำหรับเรื่องนี้ ป๊าบอกกับแม่ว่า หาคนเข้มแข็งในตัวเองให้เจอ แม่ต้องใช้คนนั้นเพื่อก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้

·     กระบวนการยุติการตั้งครรภ์
            หมอให้แม่กินยาเพื่อทำให้มดลูกอ่อนนุ่มและกลับบ้านไปพัก 1 วัน หลังจากนั้นกลับมาเริ่มกระบวนการยุติการตั้งครรภ์ที่ รพ. ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ซึ่งอยู่ติดกับแผนกคุณแม่หลังคลอด แม่ก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง มันสะกิดใจแบบอธิบายไม่ถูก แม่ทำใจมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ ลึกๆแล้วก็ยังอยากอุ้มท้องต่อไปจนครบกำหนด เจอกับลูกรักของแม่ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน แม่ต้องทำใจให้เข้มแข็งและยินดีกับคุณแม่ท่านอื่นที่เค้ามีลูกน้อยมานอนอยู่ข้างๆ

หมอเข้ามาแจ้งว่า การให้ยาในแต่ละวันจะมีทั้งหมด 5 โดส โดยเริ่มจากหมอจะเหน็บยาทางช่องคลอดให้ 1 โดส และอมใต้ลิ้น 4 โดส แต่ละโดสห่างกันทุก 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะมา รพ. แม่หาข้อมูลมาพอสมควรว่ากระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน โดยที่มีหลายคนได้รับยาช่วงเช้าแล้วก็คลอดลูกออกมาในช่วงดึกของวันนั้น แต่ก็มีบางคนที่ใช้เวลามากกว่านั้น ไปคลอดอีกวันหนึ่ง แม่ถามคนที่นอนเตียงข้างๆ ซึ่งเค้าก็มายุติการตั้งครรภ์เหมือนกัน เค้าเล่าว่าของเค้าเริ่มให้ยาตอนเช้าแล้วก็คลอดประมาณเที่ยง ใช้เวลาประมาณครึ่งวันเท่านั้น 

หลังจากที่หมอเหน็บยาให้ แม่ก็เริ่มปวดท้องเล็กน้อย ความเจ็บปวดค่อยๆเพิ่มขึ้นหลังจากที่รับยาโดสถัดไป แม่ถูกย้ายไปนอนในห้องคลอด ประมาณโดสที่ 3 ของวันแรก แม่ก็มีอาการหนาวสั่น ไข้ขึ้น 38 องศา ต้องขอผ้าห่มเพิ่ม สักพักอาการเป็นไข้ก็หายไป แม่ปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากที่สุดประมาณตีสอง แม่ขอยาแก้ปวดและหลับไป อาการปวดท้องก็ค่อยๆทุเลาลงจนแทบจะหมดสิ้นในตอนเช้า
   
วันที่สองเริ่มต้นขึ้น หมอเริ่มเหน็บยาให้เหมือนเดิม อาการปวดท้องค่อยๆเพิ่มขึ้นเหมือนเมื่อวาน หมอหลายคนให้ความเห็นว่าลูกน่าจะออกมาวันนี้ แม่มีความหวังว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นในวันนี้ จะได้ไม่ต้องนอนในห้องคลอดแล้ว คนไข้เตียงข้างๆถูกโยกย้ายไปมาหลายคน หลายครั้งที่หมอใช้เครื่องมือวัดหัวใจเด็กในครรภ์และได้ยินเหมือนเสียงควบม้าดังลั่น แม่ต้องตั้งสติอีกครั้ง ยินดีกับคุณแม่เตียงข้างๆที่กำลังปวดท้องใกล้คลอด แต่อีกเดี๋ยวเค้าก็จะได้เจอกับลูกน้อย ช่างเป็นความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความหวัง ส่วนแม่ต้องปวดท้องและทำใจ ให้คนที่เข้มแข็งที่สุดในตัวเราคอยบังคับตัวเองไว้ หลังจากที่อมยาใต้ลิ้นโดสที่ 4 แม่เจอยาที่เหน็บทางช่องคลอดในตอนเช้าหลุดออกมา ยายังไม่ละลายสักนิด ต่อมาแม่ก็ได้รับยาโดสสุดท้าย ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม่ตั้งใจว่าจะไม่ขอยาแก้ปวด จะอดทนเพื่อรอคลอดในคืนนั้น แต่แล้วหลังจากที่อาการปวดท้องไต่ขึ้นระดับสูงสุด มันก็ค่อยๆหายไป

วันที่สามยังเหมือนเดิม เริ่มนับหนึ่งใหม่กับยาโดสแรกไปจนถึงโดสที่ห้า ความเจ็บไล่ระดับไปเรื่อยๆจนไปพีคราวตีสอง เริ่มมีเลือดปนน้ำคร่ำออกมา แม่เลิกคาดหวังว่าจะคลอดลูกในวันนี้ แม่อ่อนแรงหลังจากปวดท้องและไม่ค่อยได้นอนมาหลายวัน บางครั้งหมอจะมาจับคอนแทรคชั่น คือ เวลาปวดท้องจะปวดแบบเป็นลูกคลื่น เราจะจับเวลาเมื่อ1) คลื่นนั้นมาและจบลง และ 2) จับเวลาความห่างระหว่างคลื่น ถ้าใกล้คลอดจะมีอาการคือปวดท้องมากและปวดท้องถี่ แต่อาการปวดท้องของแม่นั้นเวลาปวดท้องมากจะไม่ถี่ แต่เวลาปวดท้องถี่ ระดับความปวดกลับไม่มาก จึงไม่เข้าใกล้การคลอดลูกสักที แม่สงสัยในวิธีการรักษาของหมอว่า ร่างกายของแม่ไม่ตอบสนองต่อยาที่หมอให้ พอเช้ามาก็เริ่มนับ 1 ใหม่ทุกวัน 

วันที่สี่มาถึงกับวิธีการให้ยาแบบใหม่ หมอทีมใหม่เข้ามาดูอาการ โดยเปลี่ยนวิธีเป็นเหน็บยาทางช่องคลอดทั้ง 5 โดส และก่อนเหน็บผสมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ยาละลาย แม่ปวดท้องมากขึ้นหลังจากเหน็บยา แต่ก็ยังไม่เข้าใกล้การคลอดเลย ทุกครั้งที่หมอมาเหน็บยาหมอก็จะวัดความกว้างของปากมดลูก และบอกกับแม่ว่า ปากมดลูกยังไม่เปิด แม่ต้องรอต่อไป อาการปวดท้องรุนแรงขึ้นในช่วงประมาณตีสองเหมือนทุกวัน แต่รอบนี้ความปวดไม่ได้หายไปหลังจากที่พีค ยังคงปวดต่อเนื่อง แม้ระดับความปวดลดลง  

วันที่ห้ามาถึงในวันที่ร่างกายล้าลงมาก หมอเริ่มเหน็บยาเม็ดแรกพร้อมกับใช้มือถ่างปากมดลูกให้เปิดกว้าง แม่เจ็บสุดๆ ร้องลั่น หมอบอกว่าวันนี้แหละที่คุณแม่จะคลอด แต่แม่ไม่ตั้งความหวังอีกแล้ว เช้านี้ปวดท้องมากกว่าทุกวัน ปวดจนร้องออกมาแบบไม่อายเตียงข้างๆ ร้องเป็นรอบๆตามคลื่นของการปวดท้อง แต่คลื่นที่เข้ามาทุกๆ 3-4 นาทีทำให้แม่ร้องจนไม่มีเสียง แม่ตั้งสติเปลี่ยนจากการร้องออกมาเป็นการอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้าลึก ออกยาว น้อมรับคลื่นของความเจ็บปวดที่เข้ามา นอกจากปวดท้องแล้ว ก็มีอาการปวดร้าวลงหลังช่วงล่าง นอนตะแครงจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีกว่าท่านอนหงาย
เย็นวันนั้นแม่ลุกไปเข้าห้องน้ำเลือดไหลออกมาเต็มผ้าอนามัย ไหลลงขาเป็นทาง  ปวดท้องไม่ไหวแล้ว บอกพยาบาลให้ไปตามหมอมา หมอคนแรกเข้ามาวัดปากมดลูก บอกว่าปากมดลูกยังไม่เปิด มีแค่ถุงน้ำดัน ไม่มีมูกเลือด และคอนแทรคชั่นยังไม่ถี่ ให้รอต่อไป แต่เมื่อหมออีกคนเข้ามา แม่บอกว่าไม่ไหวแล้ว อยากเบ่ง หมอคนนี้ให้แม่เบ่ง แล้วปากมดลูกก็เปิดเต็มที่ หายใจเข้าลึกๆ และเบ่งตอนที่คลื่นปวดท้องเริ่มขึ้น ถ้าคลื่นปวดท้องยังไม่มาให้พักเอาแรงก่อน แม่ใช้กำลังทั้งหมดที่มีเบ่งสักสามสี่ทีก็ออกมา แม่เลือกที่จะไม่ดูลูกและให้ทางโรงพยาบาลรับไปทำพิธี แม่ทำใจไม่ไหวจริงๆ และตั้งใจว่าจะไปทำบุญให้ลูกในภายหลัง

หลังจากที่คลอดลูกออกมาแล้ว หมอก็อัลตราซาวด์เจอเศษชิ้นส่วนที่ยังตกค้างในมดลูก แม่ต้องไปขูดมดลูก หมอให้ยาแก้ปวด Pethidine ที่ทำให้ง่วงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ เจ็บมากๆทั้งตอนที่ใส่ปากเป็ดและตอนขูด แม่รับรู้ทุกนาที ร้องเสียงดัง ขณะที่เจ้าหน้าที่ในห้องคลอดหลายคนก็พากันปลอบใจว่า อีกนิดนึงนะคะ หมอใช้เวลาในการขูดประมาณ 10 นาที แต่แม่รู้สึกเหมือนมันนานกว่านั้นมาก หลังจากที่ขูดเสร็จหมอก็ใช้เครื่องดูดสูญญากาศดูดชิ้นส่วนออกไปจดหมด แม่นอนพักฟื้นประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ในห้องคลอดก็มาถามอาการ ปลอบใจและให้กำลังใจ บอกให้แม่คิดซะว่าลูกลืมของ เค้ากลับไปเอาของ เดี๋ยวก็กลับมาใหม่ 

อาการหลังขูดมดลูก แม่ไม่ปวดท้องเลย นอนให้น้ำเกลืออีก 1 คืน ก็ได้กลับบ้าน หมอให้พักประมาณ 1 สัปดาห์ก็ให้กลับไปทำงานได้ 

·     ช่วงเวลาของการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
            พอกลับบ้านก็รู้สึกตัวเบา หวิวๆ เหนื่อยง่าย ระหว่างนี้แม่มีเลือดออกมาเล็กน้อยประมาณ 1-2 สัปดาห์ ช่วงแรกเป็นสีสด ช่วงหลังๆเป็นสีน้ำตาล และค่อยๆหายไป ช่วงนี้ต้องระวังอาหารการกินไม่ให้ท้องเสีย เพราะจะปวดท้องมาก มดลูกที่ยังเป็นแผลกับระบบขับถ่ายคงจะอยู่ใกล้ๆกัน 

ด้านจิตใจก็ค่อยๆดีขึ้น ยังร้องไห้เวลาคิดถึงลูก ตอนมองท้องฟ้าช่วงเย็นๆหรือเวลาฝนตก ก็คิดถึงลูกว่า ตอนนี้จะเป็นยังไง สบายดีไหม แม่สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนและจะหมั่นทำบุญไปให้นะลูก ขอให้ลูกไปอยู่ในภพภูมิที่ดี สะสมบุญไปเรื่อยๆ ถ้าเรามีบุญต่อกันมากพอ กลับมาเป็นลูกแม่ใหม่นะ คราวนี้กลับมาแบบสมบูรณ์แข็งแรงเลยนะ แม่สัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดี แม่รักลูกนะ  

แม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์จาก Pantip มากมาย เลยตั้งใจไว้ว่า ถ้าผ่านกระบวนการเหล่านี้มาได้ จะมาสมัครสมาชิกเพื่อตั้งกระทู้แบ่งปันประสบการณ์กับคนอื่นๆ สุดท้ายนี้ แม่ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่ที่ต้องยุติการตั้งครรภ์หรือไม่สามารถตั้งครรภ์จนคลอดลูกได้อย่างสมบูรณ์นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่