เรื่องสั้น กับ พิปป้าสมายล์ เรื่อง แม่ผู้มีพระคุณทั้งสอง

เรื่อง แม่ผู้มีพระคุณทั้งสอง

          แอนจอดรถตรงถนนปลายสวนผักแห่งหนึ่ง เธอก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอก้าวลงมาเป็นคนที่สอง ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

          "จอดไว้ตรงนี้ดีกว่านะบอล แล้วเราเดินเข้าไปที่บ้านกัน วันนี้วันที่สิบสาม พวกแม่คงนึกว่าเราไม่มาแล้ว เข้าไปเซอร์ไพรส์กันดีกว่า"

          ทั้งสองหนุ่มสาวเดินไปตามถนนปลายสวนผักที่มีแปลงผักกาดขาวที่กำลังโตเต็มที่ แปลงหนึ่งครึ่งแปลงโดนตัดขายไปแล้วก่อนหน้าที่เธอจะมาอย่างแน่นอน เพราะเห็นมีใบที่ไม่สวยหนอนกินถูกเด็ดออกวางอยู่ในเข่งเต็มทั้งสามเข่ง

          "พี่แอนดูนั่นสิเข่งทำเงินของเราเลยนะ เด๋วเรานั่งคุยไปทำเงินไปด้วยกัน ย้อนอดีตสักหน่อยนะพี่"

          ภาพสมัยเด็กแจ่มชัดขึ้นมาทันทีเพราะแอนกับน้องสาวและน้องชายจะนำก้านผักกาดขาวในเข่งพวกนี้มาแล้วรูดใบออกให้เหลือแต่ก้านขาวล้างน้ำให้สะอาดแยกไว้ จะมีเถ้าแก่โรงงานทำตั้งฉ่ายมารับซื้อไป แอนกับน้องๆ ก็จะได้เงินส่วนนี้ไว้ซื้อขนมกิน

          มาเรียมนั่งอยู่ข้างอาม่าที่กำลังฟังงิ้วอยู่ใกล้กับจิลลูกสาวคนโตของเธอที่กำลังง่วนกับการทำบัญชีพืชผลในสวน ลูกคนนี้เรียนเกษตรเพราะชอบทำสวนแต่เด็ก และอยากทำงานอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่และอาม่า มาเรียมมองอาม่าแบบรักและนับถือ เธอและลูกทุกคนมีชีวิตที่ดีได้ก็เพราะอาม่าผู้ใจบุญรับเธอกับลูกเข้ามาอยู่ด้วย

          วันนั้นเธอกับลูกไร้ที่ซุกหัวนอนไม่มีอะไรจะกินหิวโหยจนแทบจะไม่มีแรงเดิน หลังจากสามีตายเธอและลูกก็อยู่ในบ้านแบบไร้ตัวตน ทำงานบ้านทุกอย่างแค่ได้ข้าวกินสามมื้อ เงินที่สามีและพี่น้องของสามีทุกคนทำงานได้ต้องรวมไว้ในธนาคารเป็นกงสีและเงินสดเก็บในเซฟเพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว ทุกคนจะเบิกมาใช้จ่ายได้เท่าที่จำเป็น

          แต่ในที่สุดมาเรียมก็ถูกพ่อแม่ของสามีไล่ออกจากบ้านพร้อมยัดเยียดข้อหาขโมยเงินกงสีเซฟทั้งที่เธอไม่เคยรู้รหัสเซฟเลย สะใภ้คนรองที่ไม่เคยนับถือว่าเธอเป็นสะใภ้คนโตชี้หน้ามาเรียมและตะโกนไล่

          "ออกไปจากบ้านนี้ทุกคนเอาลูกแกไปด้วยเลือดไม่ดีไม่ต้องทิ้งไว้ แกขโมยเงินกงสีไปแล้ว ก็เอาไปแค่นั้น"

          แม้มาเรียมจะร้องไห้อ้อนวอนอย่างไร ก็ไม่ได้รับความเมตตา ครอบครัวสามีมองว่าเธอเป็นลูกของสาวไทยใจง่ายฝรั่งได้แล้วทิ้ง เธอทำให้ครอบครัวสามีถูกหัวเราะเยาะ ทุกคนจึงต่างพากันรังเกียนเธอและลูก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า รวบรวมภาพถ่ายและเอกสารใบเกิดและเอกสารสำคัญติดตัวไปด้วย โชคดีที่ลูกยังไม่ได้เข้าโรงเรียน สองมือแม่จะดูแลลูกเอง

          มาเรียมไปขอข้าวแม่ชีที่วัดกิน ตอนนั้นอาม่าอยู่กับแม่ชีด้วย อาม่าซักไซร้ถามความเป็นมาของเธออย่างละเอียด เธอก็รู้สึกไว้วางใจและเล่าให้ฟังทั้งหมด อาม่าบอกว่า

          "เธอเป็นผู้หญิงยังสาวและก็มีลูกสาวอีกสองคนลูกอ่อนอีกหนึ่งคน จะเร่ร่อนแบบนี้ไม่ได้มันอันตรายมาก ที่จริงถ้าเธอตัวคนเดียวฉันจะฝากให้อยู่กับแม่ชีที่นี่ แต่มีเด็กเล็กด้วยคิดว่าไม่เหมาะ เธอไปอยู่กับฉันที่สวนแล้วกัน ฉันอยู่กับลูกน้องผู้หญิงอีกสองคน"

          มาเรียมรับคำทันที เธอไปอยู่สวนกับอาม่าได้ห้องพักหนึ่งห้อง ช่วยอาม่าทำงานทุกอย่างทั้งงานบ้านและงานในสวน จากที่ทำสวนไม่เป็นก็กลายเป็นว่าทำสวนเก่ง เธอไม่รับเงินจากอาม่าขอแค่ข้าวกินกับลูกสามมื้อ และก็ไม่รับเงินจริง ๆ

          อาม่ารักในความขยัน ความเป็นแม่ที่รักลูกอบรมลูกดี คิดเสมือนเธอเป็นญาติ พอเด็กโตต้องเข้าโรงเรียนอาม่าก็ให้มาเรียมและลูกย้ายขึ้นไปอยู่บนบ้านกับเธอ บอกว่าเป็นเพื่อนกัน มีเด็กอยู่ด้วยไม่เหงา

          อาม่ามักยืนมองมาเรียมทำงานในสวน ฝนตก แดดออก ถ้างานไม่เสร็จเป็นไม่กลับเข้าบ้าน ลูกน้องสองคนยังทำงานได้ไม่เท่ามาเรียมคนเดียว และมาเรียมเป็นคนสวย พูดจาดี มีความฉลาดไม่ให้ใครมาเอาเปรียบอาม่าด้วยการตีราคาผักให้ต่ำ บางอย่างที่ปลูกน้อยมีผลิตผลไม่มากมาเรียมกับลูกน้องอีกคนก็จะไปขายกันเองที่ตลาดซึ่งได้เงินมากกว่าขายส่ง

          อาม่าส่งเด็กทั้งสามคนเรียนจนถึงระดับปริญญาตรี ใครอยากเรียนอะไรอาม่าไม่ขัด เด็ก ๆ ก็เรียนเก่งได้ทุนเรียนกันทุกคน จนอาม่าปลื้มในความรักดีและขยันหมั่นเรียนของเด็ก

          อาม่ามองจิลที่ทำบัญชีอยู่ เงินทั้งหมดอยู่ในบัญชีอาม่า จิลเอาไว้ใช้ส่วนตัวเพียงของจำเป็นในสวน นี่จิลกำลังทำโรงเรือนปลูกผักปลอดสารพิษ เห็นว่ามีคนมาซื้อถึงสวน และมีส่งทางออนไลน์อีก กำไรงามน่าดู เงินไม่ได้ไปไหนอยู่ในบัญชีอาม่า อาม่าแอบทำพินัยกรรมให้จิล โดยที่ไม่ให้ใครรู้เธอไม่มีญาติที่ไหน สวนนี้น้ำพักน้ำแรงของเธอกับสามี ถ้าให้กับคนที่รักมันอย่างจิล อาม่าไม่เสียดายเลย

          "อาม่า แม่ พี่จิล หวัดดีค่ะ"

          "อาม่า แม่ พี่จิล หวัดดีครับ"

          "อ้าว แอนกับบอล ไหว้พระลูก มาให้อาม่ากอดหน่อย"

          แอนกับบอลตรงเข้าไปสลับกันสวมกอดผู้มีพระคุณทั้งสอง แม่ผู้ให้กำเนิดและแม่ผู้อุปภัมภ์ วันแม่ทุกปีมาก่อนบ้าง ตรงบ้าง เลยบ้าง ยังไงก็ต้องมากราบให้ได้ และทุกปีทั้งแอนแลบอล จะนำเงินโบนัสแบ่งเป็นสองส่วนให้แม่กับอาม่า และทั้งแม่และอาม่าไม่สามารถปฏิเสธได้ ด้วยคำพูดที่ว่า

          "รับไว้นะแม่อาม่า ลูก ๆ จะได้เจริญก้าวหน้า นะครับ นะคะ"

          ปีนี้อาม่าและแม่ดูแก่ขึ้นไปตามวัย แต่ผิวพรรณสดใสเพราะไม่ต้องกรำแดด ด้วยดูแลผักอยู่ในโรงเรือน แอนเข้าไปกอดพี่สาวที่ยืนยิ้มอยู่ พี่สาวที่ดูแลเธอกับน้องและยังดูแลแม่กับอาม่า พี่ที่เสียสละทุกสิ่งอย่างที่แอนมียกให้พี่ได้หมด พี่จิลก็เหมือนแม่คนที่สามต่อจากอาม่า

          "บอลกับพี่แอนอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้ จะกลับเช้าวันจันทร์ คืนนี้ผมกับพี่แอนขอรูดก้านผักนะครับ เตรียมจ่ายด้วยนะพี่จิล ฮ่า ๆ ๆ"

          อาม่ากับมาเรียม นั่งมองเด็ก ๆ รูดก้านผักไปคุยและหัวเราะกันไป บอลคุยเก่งมากและเรียกเสียฮาตลอด สมัยเด็กอย่างไรก็อย่างนั้น บุญของอาม่าและบุญของแม่ลูกที่ได้มาเจอกันและอยู่แบบเกื้อกูลกัน ตั้งแต่รับแม่ลูกพวกนี้มาอยู่บ้าน บ้านก็ไม่เงียบเหงา สวนก็ได้ผลดี มีแต่เรื่องดีดีเข้าบ้านตลอด แอนกับบอลช่วยกันผ่อนบ้านเพราะทั้งสองทำงานที่กรุงเทพ อาม่าเป็นคนดาวน์บ้านให้และให้ทั้งสองช่วยกันผ่อนเอง

          หลังจากทุกคนจัดการกับก้านผักเสร็จก็อาบน้ำและมานั่งล้อมวงกินข้าวกัน พอกินข้าวเสร็วทุกคนก็ต้องแปลกใจ เพราะอาม่าบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟัง

          "เมื่อเดือนที่แล้วอามาไปนั่งสมาธิที่วัดในจังหวัดบ้านเกิดของเด็กๆ อาม่าจำเรื่องราวของญาติข้างพ่อพวกเธอได้แม่น จำชื่อ จำแซ่ ได้หมด เพราะอาม่าเห็นในเอกสารทะเบียนบ้านตอนไปย้ายพวกเธอมาอยู่บ้านนี้เพื่อเข้าเรียน อาม่าอยากเล่าถึงชีวิตพวกเขาให้พวกเธอฟังพร้อม ๆ กัน" อาม่าเล่าว่า

          "คนที่มานั่งปฏิบัติธรรมเขาคุยกันเรื่องสะใภ้กับหลานโดนไล่ออกจากบ้านเพราะถูกใส่ร้าย อาม่าฟังแล้วรู้เลยว่าเป็นมาเรียมกับลูก จึงตั้งใจฟังรู้ว่าหลังจากแม่มาเรียมพาพวกเธอออกมาจากบ้านนั้น ปู่ย่า ก็ลำบาก สะใภ้ผู้ดีไม่ยอมทำงานบ้าน ไม่ปรนนิบัติ เอาแต่ออกเที่ยว กลับบ้านดึกดื่น และเงินกงสีในเซฟก็ยังหายอยู่เรื่อยๆ และเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนในที่สุดก็จับได้ว่าสะใภ้คนนั้นขโมยไปแล่นการพนันที่บ่อน ทุกคนเลยรู้ว่าแม่มาเรียมบริสุทธิ์"

          "สะใภ้เถียงว่าเพราะเงินสามีทำได้เข้ากงสีหมดเขาเลยต้องขโมย ถ้าทุกคนหาเงินได้และต่างเก็บใช้จ่ายเองจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ พี่น้องทุกคนเห็นด้วยเลยขอแบ่งเงินกงสีและย้ายครอบครัวออกไปอยู่ต่างหาก ทิ้งให้ปู่ย่าอยู่ตามลำพังไม่มีใครดูแล ลูกหลานก็ไม่พามาเยี่ยม บางคนทิ้งกิจการของปู่ไปเปิดกิจการแข่งกันเองซะอีก ในที่สุดกิจการของปู่ก็ไปไม่รอด ต้องขายต่อให้คนอื่นไป ปู่กับย่าตามหาพวกเธออยู่นะ"

          แม่มาเรียมร้องไห้สงสารปู่ย่า แต่ก็บอกกับอาม่าว่าไม่สามารถทิ้งอาม่าไปหาปู่ย่าได้ แต่จะไม่กีดกันลูกๆ เพราะเขาเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน อาม่ากอดมาเรียมซาบซึ้งน้ำใจ อาม่าคงอยู่ไม่ได้ถ้าเสียทุกคนไป เด็กทั้งสามคนก็เข้าไปกอดอาม่ากับแม่มาเรียม และก็พูดว่า

          "แม่ผู้มีพระคุณทั้งสองของพวกเราคือแม่มาเรียมกับอาม่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป หากจะมีคนแก่อีกสองคนมาอยู่ด้วยอาม่าจะรังเกียจไหม"
"อาม่าไม่รังเกียจแน่นอน รักหลานของเขาแล้วนี่"

          อาม่าหัวเราะทั้งน้ำตา แม่กราบอาม่าเป็นคนแรก จิล แอน และบอล ก็เข้าไปกราบและกอดอาม่ากับแม่ อาม่ายิ้มแล้วทวนคำพูดของเด็ก ๆ อย่างมีความสุข

          "แม่ผู้มีพระคุณทั้งสอง อาม่าก็ได้เป็นแม่ด้วย"
   
          เขียนโดย PippaSmile พิปป้าสมายล์
          เขียนวันที่ 13 สิงหาคม 2565

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่