8 ปีประยุทธ์ อดีต รมว.คลัง หวั่นวิกฤตการเมือง อ.รัฐศาสตร์ ชี้ ขนาดคนเคยหนุน ยัง 'มูฟออน' แล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506822
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดเสวนาหัวข้อ “
วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นาย
อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นาย
พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการ สตง., นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ผศ.
วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, นาย
นิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.
เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นาย
ธีระชัย อดีต รมว.การคลัง กล่าวว่า วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีความสำคัญต่อบ้านเมือง ทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการวางกรอบกติกาในรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะช่วยสร้างและส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง ตนเชื่อว่าศาลจะสร้างระบบการเมือง และขจัดความขัดแย้ง
“พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ใครก็รู้ว่า ท่านทำหน้าที่บริหาร และจัดการแผ่นดินมาบัดนี้เกิน 8 ปีแล้ว การดำเนินการของ พล.อ.ประยุทธ์เกรงว่าจะนำไปสู่วิกฤตทางการเมือง ดังนั้น กระบวนการตรวจสอบจึงจำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาสูงสุด ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้วิจารณญาณของตนเองพิจารณาว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพื่อให้ประชาชนมีความสุข” นายธีระชัยกล่าว
ขณะที่ ผศ.
วันวิชิต กล่าวว่า จุดยืนที่ตนร่วมลงชื่อไล่นายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาให้โอกาสในการบริหารบ้านเมืองหลายอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และอยากให้เป็นบรรทัดฐาน เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งนี้ ในอดีตนายทหารรุ่นพี่ของท่านทุกคนมีสปิริต เช่น พล.อ.
สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ไม่ไปต่อ, พล.อ.
ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นนายกฯ 10 เดือน เมื่อเจอวิกฤตต่างๆ ก็รับผิดชอบ และเริ่มรู้ว่าพอ
“เชื่อว่าทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหลือพื้นที่ไว้วางใจ และส่วนตัวเชื่อว่าประเทศอยู่ได้ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ หรือ 3 ป. เพราะยังมีคนเก่งและมีความสามารถมาทำหน้าที่ได้
ประเด็น 8 ปี จุดยืนความรู้สึกของผู้ใหญ่และนักวิชาการหลายคน เราต้องมีหลักการให้เด็กๆ เห็นว่าเป็นทางเลือกว่าไปต่อได้หรือไม่ ถ้าท่านอยากจะเป็นวีรบุรุษ ต้องเป็นบรรทัดฐานให้สังคมเห็นว่าตัวอย่างที่ดีต้องมียางอายของตัวเองและมีความรับผิดชอบ มีสปิริตของผู้นำ” ผศ.วันวิชิตกล่าว
ผศ.
วันวิชิตกล่าวว่า ในประเทศพัฒนาแล้วจะจำกัดอำนาจของผู้บริหารประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ให้ประธานาธิบดีเป็นสมัยเดียว การเมือง 8 ปี ที่เคยสัญญากับประชาชนไม่เคยสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปตำรวจ วันนี้สังคมตั้งคำถาม ขณะนี้ความรู้สึกประชาชนไปก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีการวินิจฉัย คิดออกไปเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย การเมือง 8 ปี จะนับจากเมื่อไหร่ หากนับแบบเด็ก 2565-2557 ก็เท่ากับ 8 ปี ไม่รู้ว่าท่านจะวางอนาคตทางการเมืองอย่างไร หลายคนได้ให้โอกาส เวลาในการบริหารประเทศ แต่ได้เห็นแล้วทั้งทักษะ ความชัดเจน ความรอบรู้ว่าเป็นอย่างไร
“ถ้ามีสักเรื่องที่อยากทำให้เกิด อยากเป็นวีรบุรุษ รัฐบุรุษ ต้องมีบรรทัดฐานที่ดี ไปดูนายทหารรุ่นพี่หลายๆ คน ยังมีระยะเวลา มีความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างสูง ในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศจะอยู่ 15 เดือน ทั้งที่ด้วยอำนาจประกาศว่าจะไปต่อก็ได้ ในปี 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็อยู่ในเวลาจำกัด เพราะไม่อยากให้มีวิกฤตการเมือง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านก็รู้จักพอ เขาได้ทำสปิริตให้ดู ขอถามต่อมจริยธรรมทางการเมือง ทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุนท่าน มูฟออนไปแล้ว ไม่เหลือพื้นที่ที่จะไว้วางใจ มิตรที่เคยคบหา ลดทอนความเชื่อมั่นประชาชนไปเรื่อยๆ ระบบการตรวจสอบ ทุกอย่างก็ยังเป็นปริศนา ทุกคนใช้มาตรฐานตรงไปตรงมา แต่ฝ่ายตัวเองเป็นข้อยกเว้น ตรงนี้ถือว่าอันตราย” ผศ.
วันวิชิตกล่าว และว่า สังคมบางส่วนอาจจะถามว่า หาก พล.อ.
ประยุทธ์ไม่เป็นนายกฯ ใครจะเป็นต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าคนเก่งยังมี แต่อาจติดกลไกรัฐธรรมนูญ ไม่มีเสียง ส.ว.สนับสนุน ซึ่งเท่ากับปิดประตู ไม่ให้เกิดผู้นำทางการเมือง
เจษฎ์ ตีความละเอียด 8 ปีประยุทธ์ ยก ‘สมรสโมฆะ’ เทียบ เชื่อศาลรธน.ไม่ยื้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506592
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดสวนา หัวข้อ “
วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นาย
อดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นาย
พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส. อดีตผู้ว่า สตง. , นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , ผศ.
วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ,นาย
นิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.
เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าวว่า การตีความกฎหมายวันนี้ เราต้องตีความว่า พล.อ.
ประยุทธ์ จะครบวาระ 8 ปีเมื่อไหร่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ว่า ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีรวมกัน ครม.ที่เป็นก่อนประกาศให้ถือเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ด้วย วิธีคำนวณวาระ 8 ปี หากตีความตรงไปตรงมาคือครบวาระวันที่ 24 ส.ค.2565 หากตีความอีกแบบ คือ มาตรา 158 จะบังคับใช้ย้อนหลังไม่ได้ หากนับเช่นนี้จะต้องเริ่มนับเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 แต่การคิดแบบนี้จะเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะเท่ากับว่าการดำรงตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ปี 2557-2560 จะถือเป็นการใช้อำนาจอะไร ในทัศนะของตน หากไม่นับวาระตั้งแต่ปี 2557 ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก
รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าวว่า สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับเรื่องแล้วดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค. แม้วันที่ 24 ส.ค.จะยังสามารถดำรงตำแหน่งได้ตามนิตินัย แต่ในทางพฤตินัยแล้ว จะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะในวันที่ 26 ส.ค.ที่จะมีการประชุมกำหนดผู้บัญชาการเหล่าทัพ หากท่านไปนั่งเป็นประธานการประชุมแล้วแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญจะทำได้หรือไม่
“เปรียบเสมือนการสมรสกัน หากตามกฎหมายให้การสมรสเป็นโมฆะ แม้จะสามารถย้อนไปได้ทางนิตินัยว่าเป็นโมฆะ แต่ทางพฤตินัยสามารถย้อนไปได้หรือไม่ เพราะสมรสกันไปแล้ว อยู่กินกันไปแล้ว หรือมีลูกกันไปแล้ว ทั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคืนเงินเดือนในช่วงหลังจากวันที่ 24 ส.ค. จะเป็นการลดความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ และช่วยลดแรงกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ คงจะไม่ยื้อเวลาการพิจารณาออกไปนานอย่างแน่นอน” รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าว
รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าวว่า หากยุติปฏิบัติหน้าที่ นายกฯจะไปวิ่งเล่น เที่ยว หรือไลฟ์มาบอกว่าไม่ได้ทำงานแล้ว ก็ได้ แต่ในแง่ของครม.จะมีปัญหา 2 ลักษณะ แม้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อ แต่เมื่อรัฐมนตรีเชื่อมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯพ้นสภาพ รัฐมนตรีก็ต้องพ้นสภาพไปด้วย อาจจะเกิดปัญหา นำมาสู่ซึ่งคำถาม รัฐมนตรียังนั่งอยู่ในตำแหน่งได้หรือ
“ขณะที่นายกฯมารักษาการ ก็เป็นประเด็นอีกจะเลือกใคร และรักษาการไปถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อมีกลไกล การได้มาซึ่งนายกฯ คนมีรายชื่ออยู่ จะยอมรักษาการยาวเลยหรือ โดยเฉพาะคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้ามีการลงมติในสภาฯ เป็นนายกฯได้เลย แล้วจะรักษาการไปทำไม เรื่องนี้ สมมุติฝ่ายค้านยื่น คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่17ส.ค. ท่านคงไม่รอช้า คงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเลย เวลานี้ ตำบลกระสุนตกอยู่ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์, รัฐมนตรี และสภาฯด้วย โดยสภาฯหากไม่ทำอะไรเลย จะมีคนนำไปยื่นปปช. ทำให้พ้นตำแหน่งไปได้ เงื่อนงำนี้ ให้จบไปก่อนได้หรือไม่ เมื่อฝ่ายค้านยื่น ก็มีเวลาให้วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์” รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าว
รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าวว่า ทั้งนี้มองได้ 2 แบบ หากพิจารณาโดยรูปธรรมคือ รอเมื่อเกิดเหตุก่อน แล้วไปยื่น แต่มีอีกแบบ พิจารณาเชิงนามธรรม คือ มีโอกาสเกิดเหตุเป็นรูปธรรม ที่เมื่อเกิดแล้วจะเกิดความเสียหาย เยียวยาไม่ได้ ก่อนหน้า ศาลเคยรับเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดมาแล้ว ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีคนแก้ จะเอา สว.สรรหาทั้งหมด ตอนนั้นมีคนไปยื่นและศาล ทำไมรับ และพิจารณา ทั้งที่ปัญหายังไม่เกิด
“หากพ้นวันที่ 24 ส.ค.ไปแล้ว มีคนไปแจ้งความได้หรือไม่นั้น ผมคิดว่าแจ้งได้ แต่ตำรวจจะรับหรือไม่ เมื่อไม่รับ ก็จะมีคนไปแจ้งเอาผิดตำรวจอีก จะพันเป็นลูกโซ่ แต่ที่น่าห่วง เรื่องนี้จะกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม จะมีคนชุมนุม เรื่องนี้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายด้วย” รศ.ดร.เจษฎ์
รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนพล.อ.
ประยุทธ์ ยังมีอีกตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม ยังคงทำหน้าที่ได้หรือไม่นั้น รมว.รักษาการ จะเสนอชื่อ ผบ.เหล่าทัพได้หรือไม่ ยังเป็นประเด็น คนถึงบอก ให้จบ ณ วันนั้น หรือ จบก่อนวันนั้น ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนลิงแก้แห ไปหมด
“การชุมนุมไล่พล.อ.ประยุทธ์ ชุมนุมไปเลย แต่อย่าลุกลามไปเรื่องอื่น เพราะพลังจะถูกลดทอน เมื่อรู้ว่าเป้า 3 เป้า ถ้าทำลายเป้ากลางได้ ค่อยไปคุยอีก 2 เป้า ทำไมไปแยกพลัง ไปอีก 2 ส่วน เลยเหลือพลังเพียง 1 ส่วน ที่พูดไปอาจขัดใจใคร แต่ผมมองว่า ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสถาบัน ตอนนี้ให้ไล่ ประยุทธ์อย่างเดียว เชื่อว่าจะเกิดผลเหมือนยุคไล่พล.อ.สุจินดา” รศ.ดร.
เจษฎ์ กล่าว
อดีตผู้ว่า สตง. ชี้ หลัง 23 สิงหา ประยุทธ์ไม่ใช่นายกฯ หากยุ่งเกี่ยวเงินแผ่นดิน เสียหายแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506879
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดเสวนา หัวข้อ “
วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นาย
อดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นาย
พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ผศ.
วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, นาย
นิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.
เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นาย
พิศิษฐ์ อดีตผู้ว่า สตง. กล่าวว่า หากหลังวันที่ 23 สิงหาคม พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำหน้าที่ต่อจะมีปัญหามาก ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินแผ่นดิน ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินเดือน ผลประโยชน์ที่รัฐให้ในตำแหน่ง นายกฯ ควรคิดได้ ไม่ใช่มาหาเหตุ ตีความขยายเวลาเพื่อจะอยู่ต่อ หากมีความพยายามยื้อกันต่อไป ไม่รู้ว่าท่านเสียสละจริงหรือไม่ หรือยังยึดติดในอำนาจ อย่าถลำไป จนรับผิดชอบไม่ได้ ความเสียหายจะเกิดกับประชาชน ที่เป็นเจ้าของเงินแผ่นดิน
“นายกฯ จะอยู่เกิน 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้ หากไปดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน การคลัง จะทำให้เสียหาย และจะฉวยโอกาสที่มีการตีความเพื่อยื้อต่อไป ผมเป็นห่วงว่าหลังจากวันที่ 23 สิงหาคม ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะ นายกรัฐมนตรีเพราะฉะนั้นท่าน ก็ไม่สามารถที่จะเบิกจ่ายเงินเดือน หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่รัฐจะให้ในฐานะตำแหน่งนั้น เรื่องอย่างนี้นายกฯ น่าจะคิดออกและคิดได้ ด้วยความสำนึกตัวเอง ไม่ควรนำเหตุนี้มาตีความ เพื่อขยายเวลาการดำรงอยู่ของตัวเอง อย่าถลำไป เพราะความเสียหายจะตกอยู่กับประชาชนและแผ่นดิน” นาย
พิศิษฐ์กล่าว
JJNY : 5in1 ชี้ขนาดคนเคยหนุนยัง‘มูฟออน’│เจษฎ์ยก‘สมรสโมฆะ’│อดีตผู้ว่าสตง.ชี้หลัง23สิงหา│ปราศรัย8ปี│บะหมี่นัดแถลงขึ้นราคา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506822
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดเสวนาหัวข้อ “วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการ สตง., นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, นายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นายธีระชัย อดีต รมว.การคลัง กล่าวว่า วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีความสำคัญต่อบ้านเมือง ทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการวางกรอบกติกาในรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะช่วยสร้างและส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง ตนเชื่อว่าศาลจะสร้างระบบการเมือง และขจัดความขัดแย้ง
“พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ใครก็รู้ว่า ท่านทำหน้าที่บริหาร และจัดการแผ่นดินมาบัดนี้เกิน 8 ปีแล้ว การดำเนินการของ พล.อ.ประยุทธ์เกรงว่าจะนำไปสู่วิกฤตทางการเมือง ดังนั้น กระบวนการตรวจสอบจึงจำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาสูงสุด ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้วิจารณญาณของตนเองพิจารณาว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพื่อให้ประชาชนมีความสุข” นายธีระชัยกล่าว
ขณะที่ ผศ.วันวิชิต กล่าวว่า จุดยืนที่ตนร่วมลงชื่อไล่นายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาให้โอกาสในการบริหารบ้านเมืองหลายอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และอยากให้เป็นบรรทัดฐาน เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งนี้ ในอดีตนายทหารรุ่นพี่ของท่านทุกคนมีสปิริต เช่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ไม่ไปต่อ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นนายกฯ 10 เดือน เมื่อเจอวิกฤตต่างๆ ก็รับผิดชอบ และเริ่มรู้ว่าพอ
“เชื่อว่าทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหลือพื้นที่ไว้วางใจ และส่วนตัวเชื่อว่าประเทศอยู่ได้ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ หรือ 3 ป. เพราะยังมีคนเก่งและมีความสามารถมาทำหน้าที่ได้
ประเด็น 8 ปี จุดยืนความรู้สึกของผู้ใหญ่และนักวิชาการหลายคน เราต้องมีหลักการให้เด็กๆ เห็นว่าเป็นทางเลือกว่าไปต่อได้หรือไม่ ถ้าท่านอยากจะเป็นวีรบุรุษ ต้องเป็นบรรทัดฐานให้สังคมเห็นว่าตัวอย่างที่ดีต้องมียางอายของตัวเองและมีความรับผิดชอบ มีสปิริตของผู้นำ” ผศ.วันวิชิตกล่าว
ผศ.วันวิชิตกล่าวว่า ในประเทศพัฒนาแล้วจะจำกัดอำนาจของผู้บริหารประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ให้ประธานาธิบดีเป็นสมัยเดียว การเมือง 8 ปี ที่เคยสัญญากับประชาชนไม่เคยสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปตำรวจ วันนี้สังคมตั้งคำถาม ขณะนี้ความรู้สึกประชาชนไปก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีการวินิจฉัย คิดออกไปเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย การเมือง 8 ปี จะนับจากเมื่อไหร่ หากนับแบบเด็ก 2565-2557 ก็เท่ากับ 8 ปี ไม่รู้ว่าท่านจะวางอนาคตทางการเมืองอย่างไร หลายคนได้ให้โอกาส เวลาในการบริหารประเทศ แต่ได้เห็นแล้วทั้งทักษะ ความชัดเจน ความรอบรู้ว่าเป็นอย่างไร
“ถ้ามีสักเรื่องที่อยากทำให้เกิด อยากเป็นวีรบุรุษ รัฐบุรุษ ต้องมีบรรทัดฐานที่ดี ไปดูนายทหารรุ่นพี่หลายๆ คน ยังมีระยะเวลา มีความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างสูง ในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศจะอยู่ 15 เดือน ทั้งที่ด้วยอำนาจประกาศว่าจะไปต่อก็ได้ ในปี 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็อยู่ในเวลาจำกัด เพราะไม่อยากให้มีวิกฤตการเมือง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านก็รู้จักพอ เขาได้ทำสปิริตให้ดู ขอถามต่อมจริยธรรมทางการเมือง ทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุนท่าน มูฟออนไปแล้ว ไม่เหลือพื้นที่ที่จะไว้วางใจ มิตรที่เคยคบหา ลดทอนความเชื่อมั่นประชาชนไปเรื่อยๆ ระบบการตรวจสอบ ทุกอย่างก็ยังเป็นปริศนา ทุกคนใช้มาตรฐานตรงไปตรงมา แต่ฝ่ายตัวเองเป็นข้อยกเว้น ตรงนี้ถือว่าอันตราย” ผศ.วันวิชิตกล่าว และว่า สังคมบางส่วนอาจจะถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นนายกฯ ใครจะเป็นต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าคนเก่งยังมี แต่อาจติดกลไกรัฐธรรมนูญ ไม่มีเสียง ส.ว.สนับสนุน ซึ่งเท่ากับปิดประตู ไม่ให้เกิดผู้นำทางการเมือง
เจษฎ์ ตีความละเอียด 8 ปีประยุทธ์ ยก ‘สมรสโมฆะ’ เทียบ เชื่อศาลรธน.ไม่ยื้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506592
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดสวนา หัวข้อ “วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นายอดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส. อดีตผู้ว่า สตง. , นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ,นายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า การตีความกฎหมายวันนี้ เราต้องตีความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะครบวาระ 8 ปีเมื่อไหร่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ว่า ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีรวมกัน ครม.ที่เป็นก่อนประกาศให้ถือเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ด้วย วิธีคำนวณวาระ 8 ปี หากตีความตรงไปตรงมาคือครบวาระวันที่ 24 ส.ค.2565 หากตีความอีกแบบ คือ มาตรา 158 จะบังคับใช้ย้อนหลังไม่ได้ หากนับเช่นนี้จะต้องเริ่มนับเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 แต่การคิดแบบนี้จะเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะเท่ากับว่าการดำรงตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ปี 2557-2560 จะถือเป็นการใช้อำนาจอะไร ในทัศนะของตน หากไม่นับวาระตั้งแต่ปี 2557 ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับเรื่องแล้วดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค. แม้วันที่ 24 ส.ค.จะยังสามารถดำรงตำแหน่งได้ตามนิตินัย แต่ในทางพฤตินัยแล้ว จะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะในวันที่ 26 ส.ค.ที่จะมีการประชุมกำหนดผู้บัญชาการเหล่าทัพ หากท่านไปนั่งเป็นประธานการประชุมแล้วแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญจะทำได้หรือไม่
“เปรียบเสมือนการสมรสกัน หากตามกฎหมายให้การสมรสเป็นโมฆะ แม้จะสามารถย้อนไปได้ทางนิตินัยว่าเป็นโมฆะ แต่ทางพฤตินัยสามารถย้อนไปได้หรือไม่ เพราะสมรสกันไปแล้ว อยู่กินกันไปแล้ว หรือมีลูกกันไปแล้ว ทั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคืนเงินเดือนในช่วงหลังจากวันที่ 24 ส.ค. จะเป็นการลดความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ และช่วยลดแรงกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ คงจะไม่ยื้อเวลาการพิจารณาออกไปนานอย่างแน่นอน” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า หากยุติปฏิบัติหน้าที่ นายกฯจะไปวิ่งเล่น เที่ยว หรือไลฟ์มาบอกว่าไม่ได้ทำงานแล้ว ก็ได้ แต่ในแง่ของครม.จะมีปัญหา 2 ลักษณะ แม้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อ แต่เมื่อรัฐมนตรีเชื่อมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯพ้นสภาพ รัฐมนตรีก็ต้องพ้นสภาพไปด้วย อาจจะเกิดปัญหา นำมาสู่ซึ่งคำถาม รัฐมนตรียังนั่งอยู่ในตำแหน่งได้หรือ
“ขณะที่นายกฯมารักษาการ ก็เป็นประเด็นอีกจะเลือกใคร และรักษาการไปถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อมีกลไกล การได้มาซึ่งนายกฯ คนมีรายชื่ออยู่ จะยอมรักษาการยาวเลยหรือ โดยเฉพาะคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้ามีการลงมติในสภาฯ เป็นนายกฯได้เลย แล้วจะรักษาการไปทำไม เรื่องนี้ สมมุติฝ่ายค้านยื่น คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่17ส.ค. ท่านคงไม่รอช้า คงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเลย เวลานี้ ตำบลกระสุนตกอยู่ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์, รัฐมนตรี และสภาฯด้วย โดยสภาฯหากไม่ทำอะไรเลย จะมีคนนำไปยื่นปปช. ทำให้พ้นตำแหน่งไปได้ เงื่อนงำนี้ ให้จบไปก่อนได้หรือไม่ เมื่อฝ่ายค้านยื่น ก็มีเวลาให้วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ทั้งนี้มองได้ 2 แบบ หากพิจารณาโดยรูปธรรมคือ รอเมื่อเกิดเหตุก่อน แล้วไปยื่น แต่มีอีกแบบ พิจารณาเชิงนามธรรม คือ มีโอกาสเกิดเหตุเป็นรูปธรรม ที่เมื่อเกิดแล้วจะเกิดความเสียหาย เยียวยาไม่ได้ ก่อนหน้า ศาลเคยรับเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดมาแล้ว ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีคนแก้ จะเอา สว.สรรหาทั้งหมด ตอนนั้นมีคนไปยื่นและศาล ทำไมรับ และพิจารณา ทั้งที่ปัญหายังไม่เกิด
“หากพ้นวันที่ 24 ส.ค.ไปแล้ว มีคนไปแจ้งความได้หรือไม่นั้น ผมคิดว่าแจ้งได้ แต่ตำรวจจะรับหรือไม่ เมื่อไม่รับ ก็จะมีคนไปแจ้งเอาผิดตำรวจอีก จะพันเป็นลูกโซ่ แต่ที่น่าห่วง เรื่องนี้จะกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม จะมีคนชุมนุม เรื่องนี้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายด้วย” รศ.ดร.เจษฎ์
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอีกตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม ยังคงทำหน้าที่ได้หรือไม่นั้น รมว.รักษาการ จะเสนอชื่อ ผบ.เหล่าทัพได้หรือไม่ ยังเป็นประเด็น คนถึงบอก ให้จบ ณ วันนั้น หรือ จบก่อนวันนั้น ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนลิงแก้แห ไปหมด
“การชุมนุมไล่พล.อ.ประยุทธ์ ชุมนุมไปเลย แต่อย่าลุกลามไปเรื่องอื่น เพราะพลังจะถูกลดทอน เมื่อรู้ว่าเป้า 3 เป้า ถ้าทำลายเป้ากลางได้ ค่อยไปคุยอีก 2 เป้า ทำไมไปแยกพลัง ไปอีก 2 ส่วน เลยเหลือพลังเพียง 1 ส่วน ที่พูดไปอาจขัดใจใคร แต่ผมมองว่า ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสถาบัน ตอนนี้ให้ไล่ ประยุทธ์อย่างเดียว เชื่อว่าจะเกิดผลเหมือนยุคไล่พล.อ.สุจินดา” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
อดีตผู้ว่า สตง. ชี้ หลัง 23 สิงหา ประยุทธ์ไม่ใช่นายกฯ หากยุ่งเกี่ยวเงินแผ่นดิน เสียหายแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3506879
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และกลุ่มสภาที่ 3 จัดเสวนา หัวข้อ “วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นายอดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, นายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นายพิศิษฐ์ อดีตผู้ว่า สตง. กล่าวว่า หากหลังวันที่ 23 สิงหาคม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำหน้าที่ต่อจะมีปัญหามาก ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินแผ่นดิน ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินเดือน ผลประโยชน์ที่รัฐให้ในตำแหน่ง นายกฯ ควรคิดได้ ไม่ใช่มาหาเหตุ ตีความขยายเวลาเพื่อจะอยู่ต่อ หากมีความพยายามยื้อกันต่อไป ไม่รู้ว่าท่านเสียสละจริงหรือไม่ หรือยังยึดติดในอำนาจ อย่าถลำไป จนรับผิดชอบไม่ได้ ความเสียหายจะเกิดกับประชาชน ที่เป็นเจ้าของเงินแผ่นดิน
“นายกฯ จะอยู่เกิน 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้ หากไปดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน การคลัง จะทำให้เสียหาย และจะฉวยโอกาสที่มีการตีความเพื่อยื้อต่อไป ผมเป็นห่วงว่าหลังจากวันที่ 23 สิงหาคม ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะ นายกรัฐมนตรีเพราะฉะนั้นท่าน ก็ไม่สามารถที่จะเบิกจ่ายเงินเดือน หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่รัฐจะให้ในฐานะตำแหน่งนั้น เรื่องอย่างนี้นายกฯ น่าจะคิดออกและคิดได้ ด้วยความสำนึกตัวเอง ไม่ควรนำเหตุนี้มาตีความ เพื่อขยายเวลาการดำรงอยู่ของตัวเอง อย่าถลำไป เพราะความเสียหายจะตกอยู่กับประชาชนและแผ่นดิน” นายพิศิษฐ์กล่าว