อยากแต่งงานจนไม่อยากแต่งแล้ว ควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดี?

สวัสดีค่ะเรา อายุ 25  แฟน 27  เรากับแฟนคบกันมา 10 ปี ตลอด 10 ปีมานี้ก็ไม่ได้แย่  แต่ก็ไม่ได้ราบรื่น  จนเราเดินทางมาด้วยกันเข้าปีที่ 10  แม่เราก็อยากให้เราแต่งงานเนื่องจากเราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา 2 เกือบ 3 ปี  ตั้งแต่เราเรียนจบ  เราพูดเรื่องแต่งงานกับแฟนบ่อยมาก   เราบอกว่าเราจะช่วยออกคนละครึ่ง   ช่วยกันหาเงินมาแต่ง   แฟนเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร  แต่พ่อแม่ของแฟนหน่ะสิที่เริ่มมีปัญหาเขาไม่ไปสู่ขอเรากับแม่เรา  จนแม่เราต้องโทรไปหาแม่แฟนเอง  แม่เล่าให้ฟังว่า แม่ของแฟนพูดว่า เด็กมันอยู่ด้วยกันไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะจัดงานใหญ่โตไปทำไม  เศรษฐกิจก็ไม่ดี  โควิดก็ระบาด  จัดเล็กๆก็พอ แค่ในครอบครัว  ส่วนเรื่องสินสอดแม่เราไม่เรียกนะ  เอาตามเห็นสมควร  พอแฟนเราไปถามแม่ว่าเห็นสมควรของแม่คือเท่าไหร่  แม่ก็ถามกลับแล้วให้แฟนเราบอกไปว่าอยากให้วางเท่าไหร่  เลยพูดไปว่า 5 แสน   เท่านั้นแหละ  โวยวายทั้งพ่อทั้งแม่  หาว่าแค่แต่งงาน กะจะเอาพ่อแม่ล้มละลายเลยหรอ  พอเราได้ยินแบบนี้เราเลยรู้สึกไม่ดี  รู้สึกว่าไม่อยากแต่งแล้ว  เรารู้สึกว่างานแต่งของเรามันทำให้เรารู้สึกไม่มีค่าเลย   เราควรทำยังไงกับความรู้สึกและเหตุการณ์แบบนี้ดีคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
นี่ล่ะค่ะ หนึ่งในมิติความเสี่ยงของ “ผู้หญิงใจถึง” ที่มั่นใจไปอยู่กับเขาก่อน #รักเค้า

พ่อแม่ผู้ชายมีแววเห็นแก่ตัว งก ไม่ให้เกียรติตั้งแต่ไม่ยอมมาคุย จนแม่ฝ่ายหญิงต้องบากหน้าโทรไปคุย ไม่สงสารแม่เหรอคะนั่น ต้องโทรไปขอให้ผู้ชายมาแต่งกับลูกสาว

แล้วก็ต้องหน้าม้านเพราะบ้านผู้ชายบอกว่า “เด็กมันก็อยู่กันไปแล้ว..”

ก็นั่นล่ะค่ะ ไปอยู่กับเขาก็เปิดโอกาสให้พ่อแม่เขาเค็มใส่ได้เต็มที่ เพราะรู้ดีว่ายังไงสาวว่าที่สะใภ้ก็ไม่ไปไหน ต้องยอมแต่งแต่โดยดี เพราะต่อให้ไม่แต่งฝ่ายหญิงก็ไม่ไปจากลูกเขาหรอก เขาไม่เดือดร้อน ลูกเขาไม่เดือดร้อน มีแต่ได้กับได้

คนที่เดือดร้อนก็คือฝ่ายหญิง แม่ฝ่ายหญิง ซึ่งทางผู้ชายแสดงออกชัดเจนว่า “ไม่แคร์”

คุณยังจะเลือกผู้ชายคนนี้ที่บ้านเขาเหยียบย่ำเกียรติแม่คุณขนาดนี้เหรอคะ ถ้าทำลงก็เอาเลยค่ะ เก็บเงินสู่ขอตัวเองได้เลย

เป็นเรานะ มันจบตั้งแต่พ่อแม่เขาไม่ยอมมาคุยแล้วล่ะ เราไม่มีวันให้แม่ต้องแบกหน้าไปขอให้ผู้ชายมาขอเราหรอก ต่อให้ชีวิตนี้เราจะหาผู้ชายไม่ได้อีกเลย เราก็จะเป็นลูกที่ดีให้แม่ต่อไป ดีกว่าเอาเขยที่เขาดูถูกบ้านเรา

แต่ก็ว่าไม่ได้ ลูกสาวก็เปิดโอกาสให้บ้านผู้ชายหยามเกียรติแม่เองด้วยนะพูดตรงๆ ซึ่งถ้ามั่นใจว่านี่มันสมัยไหนแล้ว อยู่ด้วยกันไม่ผิด ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน เขาก็ทำมาตั้งนาน ก็ควรทำตัวให้ได้อย่างชาติอื่นทั้งหมดสิคะ จะแต่งงานก็รับผิดชอบเอง หาเงินกันเอง ผู้ชายไม่ยอมแต่งก็เลิก ไม่ใช่ให้แม่ไปง้อบ้านผู้ชาย คนสมัยนี้นี่เหมือนอะไรตามใจตัวเองก็เอาหมดไม่ว่าไทยฝรั่ง แต่เลือกเอาเฉพาะที่ตัวเองอยากทำนะ ผลลัพธ์อื่นๆโทษพ่อแม่ตัวเองบ้าง พ่อแม่แฟนบ้าง ก็รุงรังกันต่อไปค่ะ

ใครจะถามว่า “คุณค่าผู้หญิงวัดที่อะไร” ก็ย้อนนกลับไปอ่านเนื้อกระทู้ค่ะ อย่ามาถามเราเลย แล้วตอบเอาเองว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้บอกว่าผู้ชายทำถูกนะ แต่บอกว่าบางทีผู้หญิงก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายเห็นแก่ตัวได้ชัดเจนขึ้น

ส่วนตัวแนะนำให้เลิก ย้ายออกค่ะ ให้เขารู้ว่าเราก็ไม่ง้อเช่นกัน และถ้ามั่นใจว่าอยู่ด้วยกันมาแล้วไม่ได้เสียหายอะไร ก็ค่อยหาคนใหม่ที่ดึกว่านี้ดีกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
เอิ่ม ไม่เอาสินสอด แต่เรียก5แสน คือ?
กะให้เขาล้มละลายจริงนั่นแหละ 555

แต่งงาน ควรหาเงินกันเอง ไม่ใช่ให้พ่อแม่ฝ่ายชายมาจ่ายให้
แล้วที่สำคัญ พูดหลายคนละ อยากแต่ง อย่าย้ายไปอยู่กินก่อน เพราะมันจะเป็นงี้

สุดท้ายเคลียกันไม่ได้ ฝ่ายเราเสียหายไปแล้ว แต่อีกฝ่ายมองก็อยู่กินกันแล้วจะแต่งทำไม

สรุปก็แยกทาง
ความคิดเห็นที่ 6
แม่เขาพูดถูกนะ
จะจัดทำไม อยู่ด้วยกันแล้ว
จูงมือไปจดทะเบียนก็พอ
อยากมีรูปสวยๆก็พรีเวดดิ้ง ไม่เกินหมื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่