เอาแล้ว! สมาคม ไม่ต้องรอศาลสั่ง อย่าโกงอำนาจปชช.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7207936
สมาคมทนายฯ เรียกร้อง ประยุทธ์ ลาออกหลังเป็นนายกฯ ครบ 8 ปี โดยไม่ต้องรอศาลสั่ง ซัดก่อนเข้ามาอ้างเหตุผลปฏิรูปเเต่กลับไม่สนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565 นาย
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
“ครบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไปต่อหรือไม่?”
เหตุผลสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ใช้เป็นข้ออ้างยึดอำนาจจากประชาชน คือ เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 โดยมีหลักการสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายกฯ ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมือง เพราะ การที่บุคคลใดอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองนานเกินไป จะก่อให้เกิดการสะสมอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตได้
แม้จะมีการถกเถียงถึงการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะรวมกันแล้วครบ 8 ปี เมื่อใด ได้แก่
1. เริ่มนับตั้งแต่ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังยึดอำนาจ เมื่อปี 2557 (วันที่ 24 ส.ค. 2557) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565
2. เริ่มนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ (วันที่ 6 เม.ย.2560) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 6 เม.ย. 2568
3. เริ่มนับตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 (วันที่ 9 มิ.ย.2562) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 9 มิ.ย.2570
แต่การนับระยะเวลาดังกล่าว ต้องพิจารณาจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคท้าย ที่กำหนดว่า นายกฯ จะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินกว่า 8 ปี ไม่ได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ประกอบกับในบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ที่มีบทบัญญัติรับรองและสนับสนุนกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ (วันที่ 6 เม.ย.2560) เป็นครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่า ครม. ที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่
ดังนั้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่บริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557 (ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้) จึงถือเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ภายใต้บังคับการนับระยะเวลาตาม มาตรา 158 วรรคท้ายและบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ด้วย ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 นี้
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนี้ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นระยะเวลานานเกินไปนั้น ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 171 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสะสมและผูกขาดอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ นำไปสู่การสร้างเครือข่ายและพวกพ้อง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุนำมาสู่การทุจริต และเกิดวิกฤติทางการเมือง ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติได้
ฉะนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ มีเจตนาเข้ามาเพื่อปฏิรูปการเมืองตามที่อ้างจริง เมื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมิต้องให้ประชาชนร้องเรียน หรือให้ศาลพิจารณา มิฉะนั้น วาทกรรมการปราบโกง ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจจากประชาชน โดยอ้างว่า จะเข้ามาเพื่อปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็จะแค่ข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองและพวกพ้องให้อยู่ในอำนาจต่อไป เสมือนโกงอำนาจของประชาชนในทุกรูปแบบ โดยไม่สนแม้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0CmT3UWpR7ZxeDakmbj63CpdAz163bd5UWDNYXw1vWJgQ9dwVNDYSURimmPUv2Weul
"อัยการธนฤต"ชี้หาก"บิ๊กตู่"พ้นนายกฯ ครบ 8 ปี นั่งรักษาการต่อไมได้
https://siamrath.co.th/n/372826
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.65 ดร.
ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กถึงขั้นตอนกรณีนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะเหตุดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ว่า
เปิดกฎหมาย หากนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะเหตุดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป
กรณีที่จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าครบกำหนดเวลา 8 ปี ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 170 วรรคสอง หรือไม่นั้น
มีประเด็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนดเวลา 8 ปี ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป
บทความนี้จึงจะเสนอข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ เพื่อเป็นความรู้ทางกฎหมายแก่ผู้สนใจ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะคาดการณ์หรือเกี่ยวข้องกับผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด และไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองไม่ว่าในกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
1.นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาการ
เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 ด้วยเหตุที่ดำรงตำแหน่งครบกำหนดเวลา 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย (รัฐธรรมนูญ มาตรา 167 (1) )
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (1) ดังกล่าวข้างต้น ยังสามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ (รัฐธรรมนูญมาตรา 168 (1) )
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันเว้นแต่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ โดยผู้ที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการในช่วงเปลี่ยนถ่ายไปสู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 41 ซึ่งกำหนดว่าในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ซึ่งหากพิจารณาตามลำดับแล้ว รองนายกรัฐมนตรีที่จะทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีก็คงจะเป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
นอกจากนี้ เมื่อรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งครบกำหนดเวลา 8 ปี ดังกล่าว จะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ตามมาตรา 158 และมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 (รัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคสอง) ดังจะกล่าวต่อไปนี้
2.นายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้
การให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ ซึ่งประกอบไปด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอนุทิน ชาญวีระกูล นายชัยเกษม นิติสิริ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ โดยต้องใช้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 และมาตรา 272)
3.นายกรัฐมนตรีนอกบัญชี
หากไม่สามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ดังกล่าวข้างต้นได้ สามารถดำเนินการขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองได้ โดยสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา
ในกรณีนี้ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และรัฐสภาจะต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้
จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อบุคคลอื่นที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ ให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (รัฐธรรมนูญ มาตรา 272)
อนึ่ง มีข้อสังเกตว่า หาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุบสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้จะทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะซึ่งรวมทั้งพลเอกประยุทธ์เองด้วยพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (2) แต่พลเอกประยุทธ์ยังคงสามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ แต่หากพลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งเพราะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนดเวลา 8 ปี พลเอก ประยุทธ์จะไม่สามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 168 (1))
https://www.facebook.com/thanakrit.vorathanatchakul/posts/pfbid07vnAERWXMyBQuggQs2DrjvRvyjm8B3E6npQeBqUnESifm5LwRErUTEMBa9A5mhiXl
'ดอกมะลิวันแม่' แพงขึ้นเกินเท่าตัว สวนราคาหน้าสวน ยังได้เท่าเดิม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3500645
‘ดอกมะลิวันแม่’ แพงขึ้นเกินเท่าตัว สวนราคาหน้าสวน ยังได้เท่าเดิม
เกษตรกรผู้ปลูกมะลิใน จ.ตรัง ได้รับผลกระทบจากการที่ฝนตกเป็นระยะทำให้ออกดอกไม่เต็มที่ ในขณะที่ราคาจำหน่ายดอกมะลิยืนพื้นที่ 300 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ว่าดอกมะลิจะมีราคาถูกหรือราคาแพง
นาง
บำเพ็ญ มาจิตตา เกษตรกรที่ใช้พื้นที่หลังบ้านปลูกต้นมะลิกว่า 150 ต้น โดยเกษตรกรกำลังเก็บดอกมะลิเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับพ่อค้า แม่ค้า ที่ต้องการดอกมะลิ โดยเฉพาะใกล้เทศกาลวันแม่ ความต้องการของดอกมะลิเพิ่มขึ้น แต่สวนทางกับดอกมะลิ ออกดอกไม่เพียงพอต่อความต้องการของพ่อค้าแม่ค้า
นาง
บำเพ็ญกล่าวว่า ต้นมะลินั้นชอบสภาพอากาศในช่วงฤดูแล้ง จะให้ผลผลิตได้มากกว่าช่วงฤดูฝน เนื่องจากการที่ฝนตกลงมาทำให้ดอกมะลิหลุดร่วงจากนั้น ผลผลิตได้ไม่ดีเท่ากับช่วงฤดูแล้ง และในช่วงนี้จังหวัดตรังเข้าสู่ฤดูฝน มีฝนตกเป็นระยะ ดอกมะลิจึงออกมาน้อยกว่าปกติ ถึงแม้ว่าดอกมะลิจะมีมากหรือมีน้อย ราคาที่ขายอยู่นั้นได้แค่ 300 บาทต่อกิโลกรัม ทางพ่อค้า แม่ค้า ไม่ยอมปรับขึ้นราคา แม้ว่าขณะนี้ราคาดอกมะลิมีการปรับราคาขึ้น 1 พันกว่าบาทต่อกิโลกรัม แต่ได้แค่ 300 บาทต่อกิโลกรัม และยังต้องนำไปส่งให้พ่อค้า แม่ค้า ที่ตลาดอีกด้วย รายได้จากการเก็บดอกมะลิ มีรายได้แค่วันละ 100-300 บาท เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงตรวจสอบร้านขายส่งดอกมะลิและร้านดอกไม้ที่ร้อยพวงมาลัยขายในพื้นที่ของต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่า ราคาดอกมะลิที่ร้อยเป็นพวงมาลัยคล้องมือราคาบวกเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว จากราคาปกติก่อนถึงวันแม่ขายส่งที่ลิตรละ (7 ขีด) 300-400 บาท แต่ขณะนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 750-800 บาทต่อลิตร
จากการสอบถามเจ้าของร้านอรจิรา forest ได้กล่าวว่า ราคาของดอกมะลิจะขึ้นทุกๆ ปีในช่วงของวันแม่หรือในช่วงของเทศกาลสำคัญต่างๆ ปกติราคาดอกมะลิจะขายอยู่ที่ 400 กว่าบาท แต่ปัจจุบันนี้กระโดดขึ้นมาที่ 750 บาท โดยเดินทางไปรับซื้อดอกมะลิที่ปากคลองตลาดโดยซื้ออยู่ที่ลิตรละ 7 ขีด ราคาตกท
JJNY : ส.ทนายฯแถลงจี้ตู่ลาออก│"อัยการธนฤต"ชี้หาก"ตู่"พ้นนายกฯ│‘ดอกมะลิวันแม่’แพง│ยูเอ็นระบุมีหลักฐานรบ.พม่าก่ออาชญกรรม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7207936
สมาคมทนายฯ เรียกร้อง ประยุทธ์ ลาออกหลังเป็นนายกฯ ครบ 8 ปี โดยไม่ต้องรอศาลสั่ง ซัดก่อนเข้ามาอ้างเหตุผลปฏิรูปเเต่กลับไม่สนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
“ครบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไปต่อหรือไม่?”
เหตุผลสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ใช้เป็นข้ออ้างยึดอำนาจจากประชาชน คือ เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 โดยมีหลักการสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายกฯ ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมือง เพราะ การที่บุคคลใดอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองนานเกินไป จะก่อให้เกิดการสะสมอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตได้
แม้จะมีการถกเถียงถึงการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะรวมกันแล้วครบ 8 ปี เมื่อใด ได้แก่
1. เริ่มนับตั้งแต่ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังยึดอำนาจ เมื่อปี 2557 (วันที่ 24 ส.ค. 2557) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565
2. เริ่มนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ (วันที่ 6 เม.ย.2560) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 6 เม.ย. 2568
3. เริ่มนับตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 (วันที่ 9 มิ.ย.2562) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 9 มิ.ย.2570
แต่การนับระยะเวลาดังกล่าว ต้องพิจารณาจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคท้าย ที่กำหนดว่า นายกฯ จะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินกว่า 8 ปี ไม่ได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ประกอบกับในบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ที่มีบทบัญญัติรับรองและสนับสนุนกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ (วันที่ 6 เม.ย.2560) เป็นครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่า ครม. ที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่
ดังนั้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่บริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557 (ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้) จึงถือเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ภายใต้บังคับการนับระยะเวลาตาม มาตรา 158 วรรคท้ายและบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ด้วย ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 นี้
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนี้ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นระยะเวลานานเกินไปนั้น ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 171 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสะสมและผูกขาดอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ นำไปสู่การสร้างเครือข่ายและพวกพ้อง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุนำมาสู่การทุจริต และเกิดวิกฤติทางการเมือง ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติได้
ฉะนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ มีเจตนาเข้ามาเพื่อปฏิรูปการเมืองตามที่อ้างจริง เมื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมิต้องให้ประชาชนร้องเรียน หรือให้ศาลพิจารณา มิฉะนั้น วาทกรรมการปราบโกง ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจจากประชาชน โดยอ้างว่า จะเข้ามาเพื่อปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็จะแค่ข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองและพวกพ้องให้อยู่ในอำนาจต่อไป เสมือนโกงอำนาจของประชาชนในทุกรูปแบบ โดยไม่สนแม้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0CmT3UWpR7ZxeDakmbj63CpdAz163bd5UWDNYXw1vWJgQ9dwVNDYSURimmPUv2Weul
"อัยการธนฤต"ชี้หาก"บิ๊กตู่"พ้นนายกฯ ครบ 8 ปี นั่งรักษาการต่อไมได้
https://siamrath.co.th/n/372826
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.65 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กถึงขั้นตอนกรณีนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะเหตุดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ว่า
เปิดกฎหมาย หากนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะเหตุดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป
กรณีที่จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าครบกำหนดเวลา 8 ปี ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 170 วรรคสอง หรือไม่นั้น
มีประเด็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนดเวลา 8 ปี ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป
บทความนี้จึงจะเสนอข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ เพื่อเป็นความรู้ทางกฎหมายแก่ผู้สนใจ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะคาดการณ์หรือเกี่ยวข้องกับผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด และไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองไม่ว่าในกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
1.นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาการ
เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 ด้วยเหตุที่ดำรงตำแหน่งครบกำหนดเวลา 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย (รัฐธรรมนูญ มาตรา 167 (1) )
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (1) ดังกล่าวข้างต้น ยังสามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ (รัฐธรรมนูญมาตรา 168 (1) )
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันเว้นแต่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ โดยผู้ที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการในช่วงเปลี่ยนถ่ายไปสู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 41 ซึ่งกำหนดว่าในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ซึ่งหากพิจารณาตามลำดับแล้ว รองนายกรัฐมนตรีที่จะทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีก็คงจะเป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
นอกจากนี้ เมื่อรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งครบกำหนดเวลา 8 ปี ดังกล่าว จะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ตามมาตรา 158 และมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 (รัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคสอง) ดังจะกล่าวต่อไปนี้
2.นายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้
การให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ ซึ่งประกอบไปด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอนุทิน ชาญวีระกูล นายชัยเกษม นิติสิริ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ โดยต้องใช้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 และมาตรา 272)
3.นายกรัฐมนตรีนอกบัญชี
หากไม่สามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ดังกล่าวข้างต้นได้ สามารถดำเนินการขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองได้ โดยสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา
ในกรณีนี้ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และรัฐสภาจะต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้
จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอชื่อบุคคลอื่นที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ ให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (รัฐธรรมนูญ มาตรา 272)
อนึ่ง มีข้อสังเกตว่า หาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุบสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้จะทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะซึ่งรวมทั้งพลเอกประยุทธ์เองด้วยพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 167 (2) แต่พลเอกประยุทธ์ยังคงสามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ แต่หากพลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งเพราะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนดเวลา 8 ปี พลเอก ประยุทธ์จะไม่สามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 168 (1))
https://www.facebook.com/thanakrit.vorathanatchakul/posts/pfbid07vnAERWXMyBQuggQs2DrjvRvyjm8B3E6npQeBqUnESifm5LwRErUTEMBa9A5mhiXl
'ดอกมะลิวันแม่' แพงขึ้นเกินเท่าตัว สวนราคาหน้าสวน ยังได้เท่าเดิม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3500645
‘ดอกมะลิวันแม่’ แพงขึ้นเกินเท่าตัว สวนราคาหน้าสวน ยังได้เท่าเดิม
เกษตรกรผู้ปลูกมะลิใน จ.ตรัง ได้รับผลกระทบจากการที่ฝนตกเป็นระยะทำให้ออกดอกไม่เต็มที่ ในขณะที่ราคาจำหน่ายดอกมะลิยืนพื้นที่ 300 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ว่าดอกมะลิจะมีราคาถูกหรือราคาแพง
นางบำเพ็ญ มาจิตตา เกษตรกรที่ใช้พื้นที่หลังบ้านปลูกต้นมะลิกว่า 150 ต้น โดยเกษตรกรกำลังเก็บดอกมะลิเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับพ่อค้า แม่ค้า ที่ต้องการดอกมะลิ โดยเฉพาะใกล้เทศกาลวันแม่ ความต้องการของดอกมะลิเพิ่มขึ้น แต่สวนทางกับดอกมะลิ ออกดอกไม่เพียงพอต่อความต้องการของพ่อค้าแม่ค้า
นางบำเพ็ญกล่าวว่า ต้นมะลินั้นชอบสภาพอากาศในช่วงฤดูแล้ง จะให้ผลผลิตได้มากกว่าช่วงฤดูฝน เนื่องจากการที่ฝนตกลงมาทำให้ดอกมะลิหลุดร่วงจากนั้น ผลผลิตได้ไม่ดีเท่ากับช่วงฤดูแล้ง และในช่วงนี้จังหวัดตรังเข้าสู่ฤดูฝน มีฝนตกเป็นระยะ ดอกมะลิจึงออกมาน้อยกว่าปกติ ถึงแม้ว่าดอกมะลิจะมีมากหรือมีน้อย ราคาที่ขายอยู่นั้นได้แค่ 300 บาทต่อกิโลกรัม ทางพ่อค้า แม่ค้า ไม่ยอมปรับขึ้นราคา แม้ว่าขณะนี้ราคาดอกมะลิมีการปรับราคาขึ้น 1 พันกว่าบาทต่อกิโลกรัม แต่ได้แค่ 300 บาทต่อกิโลกรัม และยังต้องนำไปส่งให้พ่อค้า แม่ค้า ที่ตลาดอีกด้วย รายได้จากการเก็บดอกมะลิ มีรายได้แค่วันละ 100-300 บาท เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงตรวจสอบร้านขายส่งดอกมะลิและร้านดอกไม้ที่ร้อยพวงมาลัยขายในพื้นที่ของต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่า ราคาดอกมะลิที่ร้อยเป็นพวงมาลัยคล้องมือราคาบวกเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว จากราคาปกติก่อนถึงวันแม่ขายส่งที่ลิตรละ (7 ขีด) 300-400 บาท แต่ขณะนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 750-800 บาทต่อลิตร
จากการสอบถามเจ้าของร้านอรจิรา forest ได้กล่าวว่า ราคาของดอกมะลิจะขึ้นทุกๆ ปีในช่วงของวันแม่หรือในช่วงของเทศกาลสำคัญต่างๆ ปกติราคาดอกมะลิจะขายอยู่ที่ 400 กว่าบาท แต่ปัจจุบันนี้กระโดดขึ้นมาที่ 750 บาท โดยเดินทางไปรับซื้อดอกมะลิที่ปากคลองตลาดโดยซื้ออยู่ที่ลิตรละ 7 ขีด ราคาตกท