ถ้าพม่าใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และอยู่ฝ่ายสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเย็น ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปจากนี้มากหรือไม่

อยากถามความเห็นว่า ถ้าพม่าใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และอยู่ฝ่ายสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเย็น ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปจากนี้มากหรือไม่ เพราะอย่างที่เรารับรู้กันมา พม่าในช่วงหลังอาณานิคมมีความเจริญทางวัตถุพอสมควร เป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวลำดับต้นๆ ของเอเชีย มีมหาวิทยาลัยย่างกุ้งที่มีคุณภาพเทียบเท่ามหาวิทยาลัยในมลายาและสิงคโปร์ เจริญกว่าไทยในช่วงเดียวกัน ทว่าพม่าเปลี่ยนไปในช่วงระบอบทหารของนายพลเนวินที่ปิดประเทศ ดำเนินนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (เคยอ่านมาว่าเป็นเพราะพม่าไม่ต้องการไปพัวพันกับเรื่องต่างประเทศที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียเอกราชอีก) และดำเนินนโยบายหนทางสู่สังคมนิยของพม่า ที่ต่อมาทำให้พม่ากลายเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย พัฒนาการด้านต่างๆ ชะงัก และมีการปราบปรามประชาชนและชนกลุ่มน้อยทำให้ถูกตะวันตกคว่ำบาตร กลายเป็นปัญหาที่ยังตกค้างมาจนถึงทุกวันนี้

กลับกัน ถ้ารัฐบาลทหารพม่าดำเนินนโยบายอยู่ฝ่ายเสรีนิยม ไม่ปิดประเทศ และใช้เศรษฐกิจแบบทุนนิยม รวมทั้ง (อาจ) ใช้วิธีของไทยในการพัฒนาพื้นที่ชนกลุ่มน้อย (อันนี้เคยอ่านจากเพจ Wild Chronicles มาว่าในช่วงเดียวกันขณะที่รัฐบาลไทยใช้นโยบายยุทธศาสตร์พัฒนาชนบทเพื่อต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเนวินใช้นโยบาย "สี่ตัด" กับชนกลุ่มน้อย คือตัดกำลังพล, ตัดการสื่อสาร, ตัดเสบียงอาหารและตัดเงินพัฒนา)  สถานะของพม่าจะเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันหรือไม่ แล้วประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรครับ คหสต. มองว่าพม่าอาจจะยังมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นบ้างแม้ไม่มากนัก ปัญหาชนกลุ่มน้อยอาจน้อยลงและการถูกคว่ำบาตรจากตะวันตกอาจไม่รุนแรงมากแบบที่เป็นอยู่

รบกวนช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ หากมีส่วนใดที่เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
หมายเหตุ: กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดทั้งสิ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่