ควรจะทำยังไงดี???

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ ขอปรึกษาถามความเห็นค่ะว่า ถ้าเป็นเพื่อนๆเจอปัญหานี้จะทำยังไง 
เราคบกับแฟนมา 3ปีกว่าๆแล้วเกือบ 4 ปี เรากับแฟนอายุห่างกันประมาณ 5 ปี เรารู้จักกันผ่านSocial พวก Dating app ตอนที่คุยกัน เรารู้สึกว่าเค้ามีความเป็นผู้นำ เป็นคนมีความคิด และเป็นตัวของตัวเอง เราคุยเเล้วรู้สึกเค้าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและถูกชะตา เราเลยไม่ได้ถามอายุตอนคุยกัน ผู้รู้สึกเค้าดูโต  แล้วก็นัดเจอ นัดกินข้าว นัดเจอกันสักพัก แล้วก็เป็นแฟนกัน แล้วเราก็ถามอายุเค้าตอนหลัง ก็รู้ว่าเค้าอายุห่างกับเราประมาณ 5 ปี ยังเรียนอยู่ ตอนที่คุยกัน เค้าเรียนอยู่อีกประมาณเทอมนึงจบ แต่เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องอายุ เพราะแฟนคนเก่าเราก็อายุน้อยกว่า พอคุยกันกันไปเรื่อยๆก็คบกัน เหตุผลที่คบเพราะว่าเค้าดูเป็นผู้ชายที่น่าจะมีความคิด ดูแลเราได้  เป็นผู้นำจากการที่ลองคุยมาสักพัก

 เราขอท้าวความแหนคนเก่าของเราก่อนนะ แฟนคนเก่าเราคบมา 7 ปีอายุห่างเราปีนึง และที่เราเลิกกับคนเก่าเพราะว่า ว่าเรารู้สึกกว่าเค้าไม่ทีความเป็นผู้นำ ถามอะไร ก็ตอบแล้วแต่เรา อะไรก็ได้  ไม่ค่อยมีความคิดเห็นอะไรให้เรา เช่น ตอนคบกับคนเก่า คนเก่าขับมอไซค์ก็ขับไม่ค่อยแข็ง  เรานั่งเรารู้สึกไม่ปลอดภัย  เราเลยต้องขับให้เค้านั่งทุกครั้ง  หลายอย่าง เราเป็นผู้นำ หรือคิดเองเกือบหมด เรารู้สึกเหนื่อย ปล. เรากับแฟนเก่าตอนคบกันเราเรียนกันคนละที่ เราก็ให้โอกาสเค้า  เพราะคิดว่า ถ้าเค้าเรียนจบก็คงน่าจะเปลี่ยนได้ น่าจะเป็นผู้นำ เราได้ มีความคิด เเต่ เราก็รู้สึกว่า เค้าก็เป็นผู้นำให้เราไท่ได้เหมือนเดิม อะไรก็แล้วแต่เรา เราเลยตัดสินใจเลือกกับคนเก่า

แล้วก็ใช้ชีวิตโสดมาสักพักเกือบๆหนึ่งปี ทำงานตามปกติไปเรื่อยๆจนตอนนั้นเรารู้สึกเบื่อๆ เลยลองโหลดแอพหาเพื่อนคุย หาคู่ลองเล่นดูไม่ได้ซี้เรียสอะไร ก็เล่นคุยๆไปเรื่อยสักพัก จนคนนี้ทักมา(แฟนปัจจุบัน) เราก็คุยไปสักพัก ตอนนั้นเรามีไปงานออกบูธที่ต่างประเทศ ก็คุยกันมาเรื่อยๆ จนกลับมาไทย ปล.ตอนนั้นเราทำงานด้านอสังหา กับ งานProduct สินค้า พอเรากลับมาไทยกผ้คุยกันมาเรื่อยๆ จากที่คุยในแอพก็แลกไลน์ กัน คุยกันมาเรื่อนๆ สารทุกสุขดิบ เวลามีปัญหาก็ปรึกษา เราอยากรู้Mindset ของเค้า พอคุยดันมาสักพักก็รู้สึกถูกชะตา เลยนัดคุยกัน เจอกัน กินข้าวกัน เราทารู้ตอนที่นัดเจอกันว่าเค้าอายุน้อยกว่าเรา ยังเรียนอยู่อีกเทอมนึงจบ ตอนที่นัดกินข้าวกัน ตอนกินเสร็จเค้าก็บอกเราตรงๆว่ายังเรียนอยู่นะ  ให้เราจ่ายเลี้ยงก่อนนะ เราโอเคไม้ รับได้ไม้ เพราะยังเรียนอยู่ ตอนนั้นเราก็เข้าใจไมได้ซีเรียสอะไร ในใจก็มีเอะใจนิดหน่อย ้เพราะปกติ แฟนเราคนก่อนๆ เราจะหารครึ่ง ไม่ก็เค้าเลี้ยงเรา แต่คนนี้เราก็ทำใจเข้าใจว่า โอเคเค้าเรียนอยู่นะ ก็มีเหตุผลของเค้า เราก็ไม่อะไร เพราะรู้สึกว่าคุยถูกชะตา ดูมีความคิด แล้วอีกเทอมเดียวก็จบ แล้วเค้าก็พาเราไปรู้จักกับที่บ้านเค้า ครอบครัวเค้า พ่อ เค้า ครอบครัวเค้า เอ็นดูเรามาก ชอบเรามาก  พ่อเค้าบอกว่า เราเป็นคนเก่ง ดูมีความคิด คบกันไปสักพัก ทางครอบครัวแฟนเราก็ให้เรามาอยู่บ้านเค้า เรากับแฟนก็อยู่ด้วยกัน แฟนก็เรียนเราก็ทำงาน ตอนเเหนเราหยุด เค้าก็มาช่วยเราทำงาน งานเราทำอสังหาอิสระ เค้าเลยมาช่วยเราวิ่งงานได้ ก็เป็นแบบนี้มาสักพัก จนเรากับแฟนตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัว เรากับแฟนเราก็ช่วยกันทำงาน เรื่องค่าอาหารก็ครึ่งไปบ้าง เค้าเลี้ยงเราบ้าง เพราะเราทำงานด้วยกัน ช่วยกันทำงานแล้ว ถ้าเค้าหาได้ก็ให้เราหมด ประเด็นเรื่องที่เราเคยเลี้ยงข้าวเค้าตอนเเรกก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะพอเค้าเรียนจบแล้วมาทำงาน เค้าก็ช่วยเราทำงาน ทำงานบ้าน ทำงานบ้านส่วนใหญ่แฟนเราเป็นคนทำ เราทำบ้าง ถ้าเราว่าง แต่แฟนเราเค้าชอบทำงานบ้าน เค้าค่อนข้างเป็นคนเรียบ ส่วนเราชอบทำงานข้างนอก ชอบทำงานที่ได้เงิน เรากับแฟนก็ช่วยกันทำงาน ช่วงแรกๆรายได้ต่อเดือนก็ 15,000-50,000 โดยเฉลี่ยจนมาพีคเมื่อปีที่แล้ว เรากับแฟนช่วยกันทำงาน ปิดดีลใหญ่ได้ เดือนนั้รทำรายได้ได้ 6 หลัก ก็แฮปปี้ ใช้ชีวิตกันตามปกติ 

ชีแต่หลังจากนี้จะเริ่มพีคแล้ว เมื่อมีตัวละครใหม่มา นั่นคือ แม่เรา ก่อนที่เราทำรายได้ได้ 6 หลัก แม่เราทักเรา หลักจากที่ไม่ได้คุยกันนานมาก ครอบครัวเราแตกแยก พ่อกับแม่เราเลิกกันตั้งแต่เราเรียนมหาลัยปี 1 พ่อมีเมียใหม่ ไม่ได้ส่งเสียเรา เราต้องทำงานส่งตัวเองเรียน แม่เราส่งเราบ้าง พอแม่เรามีผัวใหม่ เป็นชาวต่างชาติ เราก็ไท่ได้คุยกันเลย เพราะเค้าไม่ให้เราทัก ไม่ให้เราไปหา ไม่ให้ไปเจอ พอเราไปเจอโดยไม่ได้บอกเค้า เค้าก็บอกกับคนที่ทำงาน บอกผัวเค้าว่าเราเป็นน้องสาว  เวลาเจอกันก็จะด่าเรา ตีเรา ปารีโมดใส้เรา เคยจะเอามีดแทงเราหลายครั้ง เอาไม้หน้าสามตีเรา สารพัด เราเลยเลือกที่จะไม่ไปยุ่งกับแม่ไม่ไปอะไรกับไม่คุยกับเค้า เพราะไม่อยากทะเลาะและเจ็บตัว  เราเรียนสายสุขภาพ  ประมาณนี้ เราเรียนมาสักพัก เราเครียดมาก ค่าเทอม ครอบครัว สังคมมหาลัย ปัญหาพวกนี้เราคุยกับใครไม่ได้  พ่อมีเมียใหม่ ส่วนแม่ติดผัวหลงผัวต่างชาติมาก เราเลยเลือกออกจากมหาลัยมาทำงาน เราเป็นคนเก่งมีทักษะหลายอย่าง สื่อสารภาษาอังกฤษได้ เราเลยได้ลองไปออกบูธทำงานที่ต่างประเทศ แปปนึง แล้วเราก็กลับมาไทย มาทำงานอสังหาที่เราคิดว่าเราชอบมัน เราทำเป็นงานอิสระ เพราะเราไม่ค่อยชอบทำงานประจำเราทำมาหลายปีทำกับแฟนเราคนปัจจุบัน

กลับมาตอนที่ก่อนเรากับแฟนจะทำรายได้ได้ 6 หลักนะ แม่เราทักมาว่าขอยืมเงินจะทำวีซ่าไปต่างประเทศ เราถามไปว่าเท่าไร มันไม่เท่าไรก็เลยให้ยืมไป นานสักพักแกก็คืนเรามา แล้วก็หายไป พอสักพักก็ทักเรามาฝากเลี้ยงแมวที่ได้จากผัวต่างชาติคนเก่า ปล.ฝากเราเลี้ยง เพราะเลิกกันมั้ง แล้วไปอยู่กับผัวต่างชาติคนใหม่ คิดยังงั้เพราะว่าวานให้เราเอาเอกสารไปแปลทำเรื่องย้ายไปต่างประเทศไปอยู่กับผัวใหม่ และยืมเงินเรา เเล้วพอเอามามากฝากเราเลี้ยง แล้วแมวนางป่วย ค่ารักษานางยืมเราก่อน ปล.ค่าวีซ่ารอบใหม่ที่ยืมยังไม่คืน อ้างว่าโควิด ยังไม่มีเงิน พอค่ารักษา แมวมา เกือบแสน  แมวเข้าโรงพยาบาลสัตว์ แอดมิต 2 อาทิตย์ ค่ารักษาวันละ หมื่นกว่าบาท แม่เราบอกว่า ให้เราออกไปก่อน เราสองจิตสองใจ เพราะจำนวนเงินมนเยอะ แล้วเป็นเงินที่เรากับแฟนหามาด้วยกัน แฟนเราแล้วเเต่เรา เพราะรู้ว่าเราเป็นคนรักสัตว์ ขี้สงสาร เราเลยออกค่ารักษาให้ก่อน เพราะว่าเดี๋ยวเค้า(แม่)ก็คงคืน สรุปว่าพอจ่ายเรียบร้อย เราก็ทวงไป กลับมาบอกเราว่า ไม่ให้ ไม่มี ไม่คืน เราเครียดมาก กับแฟน จนเราเคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะจำนวนเงินมันเยอะ แล้วเราก็เป็นซึมเศร้าทำงานไม่ค่อยได้ ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากคิดทำไรทั้งนั้น 

จนสภาพจิตใจเราอ่อนแอ  เมื่อก่อนเราเป็นผู้นำมาตลอด  พอเราไม่ไหว เราอ่อนแอ เราอยากได้ที่พึ่ง  แฟนเราเค้าก็เป็นให้เราได้บางที อ้อเงินที่แม่เรายืมเราไปเเล้วไม่คืน แฟนเราก็เครียด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเรา ก็ช่วยกันทำงานต่อมาเรื่อยๆ จนเราเป็นซึมเศร้าหนักขึ้น เพราะยังMove on ไม่ได้จากปัญหาเก่า เรื่องเงิน เพราะเราอยากได้ของเราคืน ให้ส่วนให้ ยืมส่วนยืม จนเราเลิกทำอสังหา เพราะไม่มีenergy ไม่มีพลังใจ เราเลยมาทำงานที่ไม่ต้องเจอกัน นั่นคือ เทรดหุ้นอยู่บ้าน แต่ หุ้นมีขึ้น ลง ปัญหาเศรษฐกิจต่างไป ปล.เรามีความรู้เรื่องหุ้น เพราะเคยศึกษาตั้งแต่เรียนมหาลัย  พอเราไม่ได้ทำอสังหา เราก็มาเทรดหุ้นอยู่บ้าน ซื้อคริปโต เทรดฟิวเจอร์ เทรดฟอเร็ก แฟนเราทำงานบ้าน  ชีวิตเหมือนจะดีใช่ไหมคะ ใช่ค่ะชีวิตดี 
ดีมากค่ะ แต่หุ้นไม่มีอะไรเเน่นอนค่ะ พอเราเทรดสักพัก เรารู้สึกว่า เราจริงจังมากไป เริ่มมีความเครียด เราเลยหยุดเทรดก่อนแล้ว แล้วว่าจะมาทำงานประจำซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบมากที่สุด เพราะมันไม่ค่อยมีเวลา ว่าจะทำงานประจำสักพัก แล้วไปเทรดหุ้นต่อ คือการที่เเม่เราเอาเงินเราไปในครั้งนั้น ทำให้การเงินสะดุด เราเครียดเป็นซึมเศร้า เริ่มมีปัญหาทะเลาะกันกับแฟนเรา อารมณ์แปรปรวน จิตใจไม่เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน  พอเราเป็นแบบนี้ เราเลยอยากให้แฟนเราเป็นผู้นำให้เราบ้าง  นำเราบ้าง เป็นที่พึ่งทางใจทางกายให้เราบ้าง เเต่เรารู้สึกว่า เค้าทำให้เรา และเป็นให้เราไม่ได้ เมื่อก่อนส่วนใหญ่เราจะนำและตัดสินเองซะส่วนใหญ่ แต่พอในยามเราอ่อนแอ อยากได้ที่พึ่ง อยากให้เค้านำ เป็นผู้นำให้เราบ้าง แต่เค้าก็เป็นให้เราไม่ได้ค่าใช้จ่ายในบ้าน เราต้องคอยคิด คอยจัดแจงเอง ซึ่ง้รารู้สึกว่าเราเหนื่อย เรากับแฟนก็ออกไปทำงานด้วยกัน  อย่างเช่นบางวันเราทำงานเหนื่อยมาก แฟนเราก้ไปทำ มีวันนึงเรากับแฟนไปกินข้าวกัน แล้วเราบอกเค้าว่าที่รักฝากตักน้ำให้เราหน่อย เค้าตอบกลับเรามาว่า เธอก็ไปตักเองสิ วันนี้เค้าเหนื่อยมาก เราก็เลยบอกเค้าไปว่า เธอเป็นผู้ชายนะ เธอควรจะเทคแคร์ผู้หญิงให้มากกว่านี้นะ ไม่ใช่ตอบบแบบนี้ ไม่แมนเลย เราเลยยกตัวอย่างบอกเค้าไปว่า ถ้าเราไม่สบาย เธอควรบอกเราว่า ให้พาไปหาหมอไม้ ไม่ใช่บอกว่า เธอไม่สบายก็ไปหาหมอสิ  มันไม่ใช่อ่ะแบบนี้

เราคิดว่าผู้ชายควรเทคแคร์ผู้หญิง และเป็นผู้นำให้ผู้หญิงในยามอ่อนแอ มีความคิด คอยSupport ระวังหลังให้ผู้หญิงในยามเข้มแข็ง หรือทำอะไร ไม่ใช่เป็นผู้นำให้ไม่ได้ หรือในยามอ่อนเเอ ใจพัง เรายังต้องคอยมาคิดมาจัดแจง มาคอยเป็นผู้นำอีก  

เรารู้สึกว่าตอนนี้เราเหนื่อยมาก ทั้งกาย และใจ เรารู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างใจร้ายกับเรา เราอยากสงบๆ ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น เราควรคบต่อหรือพอแค่นี้ หรือจะทำยังไงดี หลายๆครั้งในยามที่เราอ่อนใจ ใจพังเรื่องงาน หรืออะไรเรื่องอะไรก็ตาม เรารู้สึกว่าแฟนเราเค้าเป็นผู้นำให้เราไม่ได้เลย  ในยามอ่อนแอ เราก็อยากได้คนที่เป็นผู้นำให้เรา เป็นความคิดให้เรา 

เราควรทำยังไงดี  ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนไอเดีย และคำปรึกษาล่วงหน้านะคะ ขอแลกเปลี่ยนความคิดกันแบบสุภาพนะคะ ช่วงนี้ จิตใจ จขกท.อ่อนแอค่ะ เนื่องจากหลายๆปัญหารุมเร้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่