[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในปุพพโกตสูตร...ชัดเจนครับ..
พระสารีบุตร..และ..พระผู้มีพระภาครับรองคือ
" ดีละๆ สารีบุตร ด้วยว่าอมตะนั้น
ชนเหล่าใดยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่กระทำให้แจ้ง ไม่พิจารณาเห็นแล้วด้วยปัญญา
ชนเหล่านั้น พึงถึงความเชื่อต่อชนเหล่าอื่น ในอมตะนั้นว่า สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมหยั่ง ลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด
ก็แล อมตะนั้น ชนเหล่าใดรู้แล้ว เห็นแล้วทราบแล้ว กระทำให้แจ้งแล้ว พิจารณาเห็นแล้วด้วยปัญญา
ชนเหล่านั้น...หมดความเคลือบแคลงสงสัย ในอมตะนั้นว่า สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วย่อมหยั่ง ลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด. "
สรุป...คือ ถ้ายังไม่รู้..ยังทำได้ได้ ก็ต้องเขื่อผู้อื่น...
ถ้ารู้แล้ว..ถึงแล้ว ก็หมดความสงสัย
ตัวอย่างเช่น มีใครมาถามผมว่า ผมเชื่อหรือไม่? ว่า 1+1 = 2
ผมจะบอกว่า...ผมไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ผมไม่ต้องใช้ความเชื่อ
ก็เพราะว่า " ผมรู้ - ผมเห็น - ผมบวกเลขเป็น " ว่า 1+1=2 แน่นอน...โดยที่ผมไม่ต้องถึงความเชื่อต้อผู้อื่น..นะ
- บริบทปัจจุบัน... ไม่สามารถ...ไปวิเคราะห์...บริบทในพุทธกาล ต้องรู้บริบทในพุทธกาล...จึงจะเข้าใจ
...
- อย่าเชื่อเพราะว่า " แปลตามๆกันมา "....
- เปิดดิก..พบว่า " การแปล..อาจจะมีปัญหา "...
- มีการเปรียบเทียบกับ...การแปลของ..พระสูตรอังกฤษ..โดยภันเตโพธิ..และ...สมาคมบาลีปกรณ์อังกฏษ
- สหิตํ <---นักแปล...ชอบแปลแบบแยกศัพท์...แต่ได้ความหมายผิดไปคนละแบบ..ไปไกล
- นักแปลพวกวิเคราะห์คำศัพท์... ผลออกมา...ไปกัน 180องศา...แบบกลับหลังหันเลย
“ตถาคต” รากศัพท์มาจาก ตถา (คำอุปสรรค = อย่างนั้น, เช่นนั้น) + คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต ปัจจัย,
ลบ มฺ ที่สุดธาตุ (คมฺ > ค): ตถา + คมฺ = ตถาคมฺ + ต = ตถาคมฺต >
ตถาคต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ถึงความเกิดแก่ตายเหมือนสัตวโลกในอดีต”
(สัตวโลกในอดีตคือที่เกิดมาแล้วก็ตายไปแล้ว ที่เกิดอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดในอนาคตก็จะต้องตายเช่นเดียวกัน)
☝
☝--..ผิดครับ..ตถาคตพ้นไปแล้วจาก..การเกิดแก่เจ็บตาย.. ถึงความไม่ตาย
ที่ตายนะ...ขันธ์๕... ตถาคตเป็นอมตะ...ไม่ตาย...เที่ยงแท้
9ล9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
==== การบรรยานี้...ไม่มีใครยก "
หลักมหาปเทส๔ "...เอามาตีความพระสูตรเลย... นี้เป็น tool ที่ขาดไม่ได้เลย
ฟังประดับความรู้...ครับ, มีทั้งถูก...และ...ผิด, แต่ได้ความรู้...ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- บริบทปัจจุบัน... ไม่สามารถ...ไปวิเคราะห์...บริบทในพุทธกาล ต้องรู้บริบทในพุทธกาล...จึงจะเข้าใจ
...
- อย่าเชื่อเพราะว่า " แปลตามๆกันมา "....
- เปิดดิก..พบว่า " การแปล..อาจจะมีปัญหา "...
- มีการเปรียบเทียบกับ...การแปลของ..พระสูตรอังกฤษ..โดยภันเตโพธิ..และ...สมาคมบาลีปกรณ์อังกฏษ
- สหิตํ <---นักแปล...ชอบแปลแบบแยกศัพท์...แต่ได้ความหมายผิดไปคนละแบบ..ไปไกล
- นักแปลพวกวิเคราะห์คำศัพท์... ผลออกมา...ไปกัน 180องศา...แบบกลับหลังหันเลย
“ตถาคต” รากศัพท์มาจาก ตถา (คำอุปสรรค = อย่างนั้น, เช่นนั้น) + คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต ปัจจัย,
ลบ มฺ ที่สุดธาตุ (คมฺ > ค): ตถา + คมฺ = ตถาคมฺ + ต = ตถาคมฺต >
ตถาคต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ถึงความเกิดแก่ตายเหมือนสัตวโลกในอดีต”
(สัตวโลกในอดีตคือที่เกิดมาแล้วก็ตายไปแล้ว ที่เกิดอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดในอนาคตก็จะต้องตายเช่นเดียวกัน)
☝
☝--..ผิดครับ..ตถาคตพ้นไปแล้วจาก..การเกิดแก่เจ็บตาย.. ถึงความไม่ตาย
ที่ตายนะ...ขันธ์๕... ตถาคตเป็นอมตะ...ไม่ตาย...เที่ยงแท้
9ล9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
==== การบรรยานี้...ไม่มีใครยก " หลักมหาปเทส๔ "...เอามาตีความพระสูตรเลย... นี้เป็น tool ที่ขาดไม่ได้เลย