ไหนบอกโตเเล้วเข้าใจเรื่องแบบนี้แล้วเปลี่ยนไปทำไมอะ? …

เรื่องมีอยู่ว่า ผมพึ่งเรียนจบเเล้วได้ที่ทำงานต่อจากนั้นโดยบังเอิญ ผมเจอกับพี่สาวคนหนึ่งที่เป็นทั้งคนสัมภาษณ์งานแล้วก็เป็นเจ้าของบริษัท เขาเสนอให้มาทำงานด้วยกันในตำแหน่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเลย ผมก็ตอบไปตรงๆว่า ผมไม่เคยทำงานตำแหน่งนี้มาก่อน เขาก็ตอบกลับมาว่า เขายินดีเทรนงานให้ แต่เราเองก็ต้องมีความอยากรู้อยากศึกษาด้วย ก็รับปากพี่สาวคนนี้ไปว่าจะมาลองงานก่อนที่ร้านของเขาจะเปิด พอมาทำงานวันเเรก ทุกอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างปกติ โดยที่มีพี่สาวคนนี้คอยเดินมาสอนอยู่บ่อยๆ พอวันถัดไปๆ จนถึงวันที่ร้านเปิดจริง เราเริ่มเจออุปสรรคในการทำงานที่ไม่ว่าเราจะแก้ยังไงมันก็เหมือนย้ำอยู่กับที่ พี่สาวคนนี้ก็พยายามสอนอย่างใจเย็น จนมันหลายครั้งมากๆ เขาเลยเสนอเราว่า อยากให้เราขยันเข้าไปเขามากกว่านี้ เพราะเราต้องทำงานด้วยกันเเละเขาก็ต้องการผลงานจากเรา เราก็รับปากปนถามเพื่อความปลอดภัยไว้ว่าถามได้หมดจริงๆไม่มีรำคาญแน่นะ เขาก็บอกให้เข้ามาถามได้เลย
จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจว่า จะจ้างเราทำต่อแบบเซ็นสัญญาผูกมัด เเล้วก็ให้เรากลับไปอ่านทบทวนเเล้วค่อยเซ็นส่งให้เขาวันหลัง ผมก็กลับไปอ่านปรากฏว่ามีอยู่ข้อนึง ที่เรากับเขาตกลงกันไม่ได้ก็คือ สิ้นปีเราต้องไปจับใบดำใบแดง แต่สัญญาจ้างครอบคลุมนานกว่านั้น
ยิ้ม! เซ็นสัญญาไม่ได้ ก็เลยปรึกษาหลายคนเลย เเล้วก็ลองไปคุยกับพี่สาวคนนั้นอีกที ปรากฏว่า ไม่ได้จริงๆ เขาก็เสียใจ เราก็เสียดายที่จะอดทำงานกับคนนี้ต่อ ตอนเเรกผมตัดใจจะออกเเล้วละ แต่เเล้วพี่สาวคนนี้ก็ขอให้อยู่ช่วยต่อสักอาทิตนึง ซึ่งเราอยากทำงานกับพี่คนนี้จริงๆ ก็เลยคิดหาเหตุผลที่จะอยู่ ก็คุยกัน สรุปว่า ช่วงที่อยู่ต่อ เขาจะปั้นให้ทำงานเก่งขึ้นอีก ผมก็ไปทำช่วงนี้ดีจขึ้นมากจนครบ อาทิตนึง เราก็ถามเขาว่าจะยังไงต่อดี เขาก็บอกว่ามาทำงานต่อก็ได้ จนผ่านไปจะครบเดือน ฟิลเดิมกลับมาอีกแล้ว เขาโทรมาบอกว่าสิ้นเดือนอาจจะต้องให้ออกแบบเสียงเศร้าพอสมควรเราก็คุยกัน ก็จบการสนทนาที่เราก็จะออกตามที่เขาขอแหละอย่สงน้อยตอนนี้ก็จบกันด้วยดีอยู่ …
แต่!เรื่องนี้ยังมีต่ออะดิ ถึงวันที่ต้องจากกัน ผมกลับถึงบ้านพี่สาวคนนี้เขาโทรมาหาพร้อมเสนอว่า เขาจะให้ทำต่อยาวๆ พร้อมแก้สัญญาให้เอาไหม ผมนี่งงเลย! ผมก็ตอบกลับไปว่าจอคิดดูก่อน เดี่ยวให้คำตอบ ขอพิจารณาด้วยเหตุผลก่อน เพราะตอบด้วยอารมณ์ดีใจตอนนั้นอะ ทำต่ออยู่เเล้ว
แต่สุดท้าย ก็โทรกลับไปบอกว่าทำต่ออยู่ดีนั่นแหละ!
ช่วงนี้ก็ไปทำงานกับเขาเจอกันทุกวันคุยกันทุกวันเหมือนเดิม บางวันเขาก็น่ารักมากๆเลย สอนงานตอนเช้า ตอนเย็นเหนื่อยก็ของอแงใส่ ผมก็ยอมรับตรงๆ ว่าผมเองก็พยายาม เข้าไปอยู่ในโซนที่อยู่ใกล้พี่สาวคนนี้ จากผมในเดือนแรกๆ ที่พยายามทำงานเเบบย้ำอยู่กับที่ไม่มีอะไรดีมากมายเริ่มเข้าตาพี่สาวบอกเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นเยอะ ช่วงนี้เริ่มคุยกันบ่อยมาก คุยแชท เราตะพิมแต่เขาตะอีดเสียงส่งมา เราชอบอะไรแบบนี้มากจนมันกลายเป็นความรู้สึกที่ต้องเจอพี่คนนี้หนักขึ้นๆๆ พยายามเจอให้ได้ทุกครั้งที่มีโอกาส จนถึงวันๆนึงที่ผมเริ่มหนักไปจนล้ำเส้นเขาแบบไม่ตั้งใจ ทำให้พี่สาวรู้ตัว เขาก็แชทมาหาเราวันรุ่งขึ้น ว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย ซึ่งเรารีบติดต่อกลับทันทีที่ตื่นนอน พี่สาวก็เข้าประเด็นทันที เขาถามเราว่า ผมรู้สึกกับพี่เขาเกินพี่น้องใช่มั้ย … ผมนิ่งเงียบไปพักนึง ก่อนที่พี่เขาจะพูดต่อว่าเขายอมรับเรื่องแบบนี้ได้เพราะเขาโตเเล้ว พอฟังจบ ผมก็ตอบเขาไปว่า รู้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ .. ผมอะจะไม่มีวันบอกเรื่องนี้จริงๆนะ แต่จังหวะนี้อะ ผมก็โกหกความรู้สึกตัวเองไม่ได้จริงๆ ก็คือ ชอบพี่สาวคนนี้นี่เเหละ ชอบขนาดที่ เคยคุยกันครั้งนึงเเล้วเขาเสียงเศร้าๆ เราก็ถามไปด้วยความหวังดีว่าเป็นอะไร คำตอบที่พี่สาวคนนี้ตอบมาก็คือ .. คิดถึงแฟนเก่า
ผมถึงกับเงียบไปพักนึง แล้วกดวางสาย จากนั้นตัวเองก็ใจพังมากๆ ทั้งๆที่ ตัวผมเองก็ขีดเส้นความสัมพันธ์นี้กับตัวเองนะว่าตะไม่ล้ำเข้าไปเป็นคนนั้นของเขาแน่ๆ แต่ยิ้มเจ็บมากเจ็บจนหลับตื่นมาตอนเช้ายิ้มก็ยังเจ็บอะ เเล้วหลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มเบลอผม เจอกันน้อยลงแชทกันเป็นตัวอักษรเหมือนคนปกติ ลดสถานะทางอ้อมด้วยการคุยเเต่งาน สายโทรสัพไม่รับ ผมเป็นคนที่เวลามีปัญหาจะต้องเคลียร์! ตอนนั้นเดี่ยวนั้นได้ยิ่งดี ผมพยายามใช้โอกาสที่มีติดต่อเขาจากช่วงเวลาสั้นๆตอนส่งงาน พยายามจะคุยเพื่อเคลียใจ เอื้อเหตุผลให้ดีกัน เพื่อให้เราทั้งคู่อึดอัดน้อยลง แต่สุดท้าย การเจรจาก็ไม่เคยสำเร็จ พี่สาวคนนี้ยังคงเบลอผมต่อไป ผมก็ยังคงพยายามเคลียร์ใจด้วยวิธีเดิมต่อไป จนเขาเริ่มบอกว่าอึดอัดผมก็ได้แต่อธิบายเหตุผลที่ทำไมถึงต้องยื้อขนาดนี้ จนวันนึงที่ผมไปเคลียใจกับเขาอีกครั้งนึง น่าจะรอบที่3 รอบนี้ผมกลับมาคิดถึงเเต่บะคำที่คุยกันตอนอยู่ในห้องพยายามเคลียใจกัน ก็เริ่มรู้ว่าเขาโดนคนรอบตัวบอกมาหลายทางแต่พูดไม่ได้  ผมก็เลยพยายามมูพออนตากเขาด้วยการโฟกัสงานให้หนักขึ้น จนมูพได้จริงๆ แต่ปรากฏว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องแลกกันคือ … ผมไม่มีเเรงถีบจะทำงานให้เขาอีกต่อไป ผมมาทำงานแบบเหมือนสูดอากาศทิ้งไปวันๆ จนผมต้องกลับไปเคลียร์ใจกับพี่สาวอีกรอบ ซึ่งผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิม หลังจากผมพูดว่า ผมแค่ต้องการเป้าหมายในการทำงานของผมลับมาก็แค่นั้น ไ่ม่งั้นผมจะทำงานนี้เพื่ออะไรต่อ พี่สาวใส่ผมกลับมาว่า ถ้าคิดได้แค่นี้ จะออกก็ออก… วินาทีนั้นผมหัวร้อนแบบหนักกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ ผมเก็บกระเป๋า เเละกำลังจะกลับบ้านไปเลย ผมเบรคตัวเอง ยืนคิดอยู่พักนึง ก่อนเดินไปเรียกชื่อพี่สาว แล้ว บอกไปว่า ต่อจากนี้ผมลาได้เลยใช่มั้ย  พี่สาวทำหน้าเศร้าตอบกลับมาคำเดียว ว่า อือ… ใช่ครับผมพูดกับพี่สาวว่าจะลาออกแบบโคตรใจพังเลยจังหวะนั้น ผมรักพี่สาวคนนี้มากกก มากจนจะไม่มีวันเอาตัวเองเข้าไปจีบหรืออยู่ในความสัมพันธ์ที่มันพร้อมพังแล้วไม่เจอกันอีกแน่ๆ ถึงได้ไม่มีวันบอกชอบเขาไงครับ ผมกลับบ้านไปทันที หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ตั้งใจพิมเซพข้อมูลทุกอย่างเพื่อจะลาออกให้ชัดเจน หลังจากนั้นก็กดส้งข้อความไป .. เพียงเเค่2วิเท่านั้น ผมกด unsend ข้อความทิ้งแล้วรีบพิมแชทไปใหม่ ทันทีว่าขอคุยเรื่องลาออกจากตำแหน่งงานแบบชัดเจน เเล้วก็โทรไปทันที แต่ดันโชคดีไม่พี่สาวติดสายพอดี ก็เลยแชทไปบอกสะดวกคุยเมื่อไหร่รบกวนคุยกันด้วย แต่เป็นผมที่ทนไม่ไหว รีบกลับไปหาพี่สาวที่ออฟฟิศทันที แต่ปรากฏว่าเขาไม่อยู่ เขากลับบ้านไปแล้ว… ผมก็ได้เเต่เสียใจกับสิ่งที่พลาด ถ่ายรูปออฟฟิศส่งไปให้เขาดูว่าผมมาหาจริงๆ แล้วก็ขอโทษส่งแชทไปบอก แบบคนเสียใจจริงๆ ผ่านไปสักพัก พี่สาวเเชทกลับมาบอก ไว้เราค่อนคุยกัน .. ก็พอเข้าใจได้ เพราะจากที่ผิดพลาดในการคุยกันหลายครั้ง เขาน่าจะมูพจากเรื่องแย่ๆได้ด้วยวิธีที่ต่างจากผม ก็คงจะปล่อยให้ใจเย็นลง ผมก็ขอโทษ ส่งแชทไปอีกครั้งก่อนจะไปทำอย่างอื่นให้เย็นตามไป
วันรุ่งขึ้น พี่สาวส่งแชทมาถาม ขอโทษเรื่องอะไรก่อน ผมก็ตอบไปตรงๆว่า เรื่องที่พยายามจะขอให้เข่กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยวิธียื้อหลายต่อหลายครั้งจนเขาอึดอัดไม่ไหวจนเหตุการณ์ล่าสุดนี่เเหละ เเล้วก็เปิดใจพิมเจตนาทุกอย่างตรงๆเป็นครั้งเเรก ว่าอยากให้เขาเลิกทำตัวเบลอแบบนี้สักที นอกจ่กตัวผมจะไม่มีเป้าหมายในการทำงานถีบตัวเองเเล้ว ผมยังต้องอึดอัดใจทั้งวันด้วย ก่อนหน้านี้มันเคยดีจนเหมือนเสพติดความสุข แต่ตอนนี้ผมเหมือนคนขาดยา รับเเต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวในที่ทำงาน พี่สาวก็อ่าน เเล้วก็สรุปมาทีละอย่าง เขาให้ใจเรามาจริงๆ แต่หลังจากเกิดเรื่องทุกอย่างที่ว่ามาทำให้เขาต้องเปลี่ยนในแบบที่ วันก่อนดีวันต่อมา เป็นอีกคนทันที ไวมาก ไวยิ้ม ผมอึดอัดกับหิลที่เขาเปลี่ยนหนักมากๆ สรุปแชทนี้ก็เปิดใจคุยกัน จนเขาบอกให้ผมพิสูจการกระทำว่าสามารถแยกความรู้สึกกับงานได้จริงๆ ในเดือนนี้ จึงเป็นเหตุให้มาทำงานต่อซึ่งมาถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันเเล้ว ในวินาทีนี้เลย พี่สาวยังเบลอผมเหมือนเดิม ส่วนผมก็ห้ามใจไม่เจอพี่สาว ทำงานกันแบบ คุยแชทตอบแชทส่งงานรับงานไปทำแค่นั้น เพื่อที่จะได้อยู่เจอพี่เขาต่อ … อึดอัดมากๆครับ สิ่งที่ถามตัวเองตอนนี้คือ มันดีเเล้วใช่มั้ยที่รับโอกาสนี้มา..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่