ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นแฟนละครบุพเพสันนิวาส และอ่านนิยายเรื่องพรหมลิขิตแล้ว พอรู้ว่ามีการสร้างหนังบุพเพสันนิวาส ๒ แถมสร้างโดย GDH ผมก็ยิ่งอยากไปดู และก็ได้ไปดูแล้วในวันนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่คนที่ฟินกับพวกฉากรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรในเรื่อง จะเน้นไปที่แง่มุมประวัติศาสตร์มากกว่า ซึ่งจริง ๆ อาจจะด้วยระยะเวลาของหนังที่มีแค่ ๒ ชั่วโมงกว่า ๆ อาจจะเน้นประเด็นที่เป็นประวัติศาสตร์ไม่ได้มากเท่ากับที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระนารายณ์ในละคร แต่ก็มีจุดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ผมอยากพูดถึง
ในเรื่องนี้จะพูดถึงเหตุการณ์สมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งไม่ค่อยมีหนังหรือละครที่พูดถึงสมัยนี้มากนัก นอกจากบุพเพสันนิวาส ๒ ก็เห็นจะมีแค่ข้าบดินทร์ที่เล่าเรื่องในช่วงเดียวกัน ในหนังก็มีบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยหลายคนที่ไม่ค่อยปรากฏในหนังหรือละครไทยเช่นกัน เช่น สุนทรภู่ สังฆราชปาลเลอกัวซ์ หรือหมอบรัดเลย์ ซึ่งหมอบรัดเลย์หาคนมาเล่นได้ใกล้เคียงกับตัวจริงมาก
พูดถึงการหานักแสดงที่เหมือนหรือคล้ายกับตัวจริง หนังหรือละครไทยยังไม่ค่อยมีแบบนั้น เพราะถ้าพูดถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคตั้งแต่ประมาณรัชกาลที่ ๓ ลงมา ก็เริ่มมีภาพถ่ายแล้ว ได้เห็นหมดว่าหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร อาจจะยากในการหาคนที่หน้าเหมือนหรือคล้ายมาแสดง หรืออาจจะติดขัดด้วยเรื่องบางประการที่ทำให้ไม่สามารถสร้างหนังหรือละครเกี่ยวกับบุคคลนั้น ๆ ได้ แต่ผมว่าอีกสาเหตุหนึ่งคือคนไทยเราติดภาพว่านักแสดงต้องสวย หล่อ แม้ว่าบุคคลบางท่าน ตัวจริงอาจจะไม่ได้สวย หรือหล่ออะไรขนาดนั้น แต่ถ้ารับบทเป็นตัวเอกในเรื่องก็ต้องหาคนหล่อ ๆ สวย ๆ หาคนระดับพระเอกนางเอกมาเล่น อาจจะเพื่อดึงดูดคนดูด้วย แต่ทำให้ความสมจริงน้อยลงไป พอดีไม่นานมานี้ผมดูซีรีส์ THE CROWN เขาหานักแสดงที่เหมือนหรือคล้ายตัวจริงมาเล่นแทบทุกคน ไม่สนใจว่าจะสวยหรือหล่อ เอาแค่เหมือนตัวจริง หรือบางคนปกติอาจจะไม่เหมือนแต่ก็อาศัยการเมกอัพจนเหมือนหรือคล้ายที่สุดเท่าที่จะคล้ายได้ เลยอยากให้หนังหรือละครไทยก้าวข้ามตรงนั้นไปได้บ้างเหมือนกัน
หมอบรัดเลย์ตัวจริง
ส่วนบุคคลอื่น ๆ เสด็จในกรมนี่ผมไม่แน่ใจว่าจะใช่กรมหลวงรักษ์รณเรศรึเปล่า ในเรื่องไม่ได้ระบุพระนาม แต่เห็นว่ามีคณะละคร และในช่วงท้ายเรื่องก็มีการโดนจับในข้อหากบฏ ซึ่งในเรื่องนี้ระบุว่าเป็นการโดนใส่ความ ส่วนเจ้าพระยาพระคลัง ในเวลาต่อมาจะได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) บิดาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแทนรัชกาลที่ ๕
อีกสิ่งที่ผมชื่นชมในเรื่องนี้คือความสมจริงของฉาก สมจริงในที่นี้หมายถึงสภาพของสถานที่ต่าง ๆ สอดคล้องไปกับเวลาในเรื่อง อย่างเจดีย์วัดประยุรวงศาวาสที่ยังสร้างไม่เสร็จ หรือฉากที่เมธัสเพิ่งข้ามเวลามามองออกไปเห็นพระปรางค์วัดอรุณที่กำลังต่อเติม เดิมพระปรางค์วัดอรุณไม่ได้สูงใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน เริ่มมีโครงการต่อเติมในสมัยรัชกาลที่ ๒ แต่มาดำเนินการต่อจนเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๓ หรือฉากพระบรมมหาราชวังก็ยังไม่เห็นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพราะพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทจะมาสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว ชมเพราะละครหรือหนังบางเรื่องไม่ได้ใส่ใจในจุดนี้ แค่เอาสภาพปัจจุบันมาใส่แบบกลัวคนไม่รู้ว่าคือที่ไหน ซึ่งในระยะเวลานั้น สถานที่ดังกล่าวอาจยังไม่ถูกสร้างหรือต่อเติมจนเป็นสภาพปัจจุบัน
จะมีจุดที่ผมติ อาจจะหยุมหยิมไปหน่อยสำหรับคนอื่น แต่ผมว่าจุดเล็ก ๆ ที่เรามองข้ามไปนี่แหละที่จะส่งผลกับความสมจริงของหนัง คือฉากที่ภพวาดรูปแม่หญิงการะเกด จะเห็นว่าแสดงโดยใช้มือขวาวาด แต่ส่วนตัวโป๊ปจะเขียนมือซ้าย แม้แต่ฉากที่ร่างแบบเรือกลไฟจำลองก็เขียนมือซ้าย กับอีกจุดคือเรื่องการสะกดผิดของคำบรรยายไทย พอดีผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการสะกดคำ พอเห็นคำไหนสะกดผิดแล้วมันจะเด่นชัดขึ้นมาทันที ที่เห็นในเรื่องนี้ก็เช่น ดอกปาริชาต ที่สะกดเป็นปาริชาติ หรือคัมภีร์ที่สะกดเป็นคำภีร์
อีกส่วนหนึ่งคือการข้ามเวลา นึกถึงละครเรื่องขุนปราบดาบข้ามภพ ที่ใช้อาวุธเป็นสื่อในการข้ามภพเหมือนกัน แถมวันที่จะข้ามภพต้องเป็นวันที่เกิดสุริยุปราคาเหมือนกัน อย่างที่ตอนแรกเมธัสข้ามเวลาไม่ได้เสียที
ไปดูมาแล้ว บุพเพสันนิวาส ๒ (มีสปอยล์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้