สรุป live staff7 from OTA Story

กระทู้สนทนา
เมื่อคืนทีมงานเก่า staff7 ที่ดูแล เด็กๆ cgm48 มา live IG
ทาง page OTA Story เขาสรุปมาเลยเอามาแบ่งปันกันสำหรับคนที่ไม่ได้ดู
(ผมก็ไม่ได้ดู งานแฟนมีทก็ไม่ได้ไป ทะเลาะกับโควิดอยู่)
https://www.facebook.com/1971444183111253/posts/pfbid0A3CV8ntfzUgTafk3Q7Yq7iQD5krUFvZD8z5MkEmjJdGxbTTRD7NgStg5pjg5zxAjl/

เมื่อคืนใน Instagram เกิดปรากฎการณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาก นั่นคือไลฟ์เล็กๆของคนจำนวนหนึ่งที่มารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันประสบการณ์การทำงาน และการจัดการ Event ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการได้รับรู้ถึงปัญหา และการจัดการงาน ที่ทำให้แฟนคลับของวง CGM48 เกิดความไม่สบายใจ
.
ในไลฟ์นั้น ประกอบด้วยอดีตคนทำงานที่หากพูดชื่อแบบรายคน ก็คงมีทั้งคนที่รู้จัก และไม่รู้จัก ดังนั้นในบทความนี้ผมขอกล่าวโดยรวมว่าพวกเขา คือ คนที่เราเคยเรียกกันด้วยความภูมิใจว่า "STAFF7" แม้ว่าปัจจุบัน พวกเขาจะแยกย้ายกันไปทำตามความฝัน และทำงานในสายที่ตัวเองถนัด แต่ด้วยความรัก และความผูกพันที่มีต่อเมมเบอร์ จึงเกิดไลฟ์เฉพาะกิจ ที่เต็มไปด้วยความสุข ความทรงจำ และคำแนะนำที่มีประโยชน์ต่อคนทำงาน หากเปิดใจรับฟังด้วยความจริงใจ
.
ความน่าสนใจของไลฟ์นี้ นอกจากจะเป็นการวิเคราะห์งานในมุมของตัวเองที่ไมโทษใคร ไม่บอกว่ามันเป็นความบกพร่องของใคร ยังเป็นไลฟ์ที่มีเมมเบอร์เข้ามารับชมร่วมกับแฟนคลับมากที่สุด และเกิดโมเมเมนต์ที่แฟนคลับหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าใจแล้ว ทำไมน้องๆถึงรักทีมงานมากขนาดนี้ และนี่คือบทความที่ผมรวบรวมเอาคำแนะนำ และความทรงจำจากไลฟ์มาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
.
PART 1 : จุดเริ่มต้นก่อนเกิดงาน Event ต้องทำอะไร?
เราต้องรู้จักพื้นที่ว่าเราได้พื้นที่ขนาดไหนมาทำงาน วิธีการที่ดีที่สุด คือ การลงมือวัดพื้นที่ ดูว่า 1 เมตร / กี่คน ดูการจัดวางเก้าอี้ ไม่ให้เบียดกัน หรือชนกัน ต้องรู้ว่าระยะห่างนั้น ต้องเว้นไว้ขนาดไหน โดยเอาไปเปรียบเทียบกับงานที่ผ่านมาว่า กรณีที่เป็นงานฟรีเคยเคยมางานเท่าไหร่ ถ้าเป็นงานขายบัตรคนจะมาเท่าไหร่ เพราะงานที่ขายบัตร เรามีจำนวนอยู่แล้วในมือว่าจะมีคนเข้ามาในงานมากแค่ไหน
.
ที่ต้องกังวลเรื่องระยะห่าง พื้นที่ว่างเป็นพิเศษ เพราะมันคือหลักการเรื่องความปลอดภัย ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินต้องถ่ายเทคนออกไปได้ ระบบที่นั่งถ้าเป็นใน Hall ให้คุยกับเจ้าของสถานที่เลย เพราะเขามีประสบการณ์ในพื้นที่จริงมาแล้วหลายงาน จุดสำคัญคือเราจะมองทุกอย่างเป็นด้านลบไว้ก่อน เช่น ในงานมีฝนตก มีลงแรง เกิดอุบัติเหตุระหว่างจัดงาน เราจะได้คิดเผื่อการอำนวยความสะดวกทั้งศิลปิน และแฟนคลับได้
.
วิธีการที่เราเคยทำกัน คือ เราจะเอาทุกอย่างมากางบนโต๊ะให้เห็นพร้อมกัน แล้วดูว่าแต่ละคนมีอะไร จะจัดแสงบนเวทียังไง ทำวิชวลออกมาแบบไหน เมมเบอร์ใส่ชุดอะไร เป็นแบบไหน เพื่อบรีฟการจัดแสงบนเวที
.
PART 2 : การถ่ายภาพ
เรื่องการถ่ายภาพ เราไม่อยากใช้คำว่าเราเก่ง แต่เราทำการบ้านหนัก เราจะเอาแผนมาดูก่อนเลยว่าแต่ละจุดมีอะไร จะมีการแสดงไหนบ้างที่ขึ้นไปบนเวที เราดูวีดีโองานที่เคยทำมา เพื่อให้รู้ว่าเวลาน้องอยู่บนเวทีแต่ละคนทำอะไร ตอนร้องมี Movement ยังไง เดินไปทางไหน เพลงนี้จะหันไปทางไหน ใน 1 เพลง ต้องดู Ref ว่าเพลงนี้มีเซ็นเตอร์กี่คน คนที่อยู่ด้านหน้ามีกี่คน ถึงไม่ใช่คนที่ร้องเพลง แต่เขาเดินย้ายตำแหน่งเราก็ต้องรู้ว่าน้องจะเดินไปไหน พอรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว เราก็เอารายละเอียดตรงนี้ไปคุยกับซัพได้
.
แล้วเวลาทำงานจริง คอสตูมจะมาบอกว่า น้องใส่ชุดอะไร เราจะเชิญู้จัดการวงมาคุย ว่าเพลงนี้มีบล็อกกิ้งแบบไหน เราจะทำงานร่วมกันยังไง เพื่อหาคำตอบว่า กล้องจะแพนไปทางไหนของงานบ้าง เพราะจากประสบการณ์กล้อง OB ก็มีจุดบอด เราต้องหาฟุตเทจจากกล้องอื่นมาปิดจุดบอดให้ได้
.
PART 3 : บัตรเข้าร่วมบูธชมรมจะจัดการยังไง?
เรื่องบัตรชมรม ถ้าเราทำเราจะใช้ "บัตรเหมา" ให้ทุกคนเข้าไปในงานได้ก่อน แล้วค่อยไปซื้อบัตรแยกที่บูธ เพราะเรามองว่าการซื้อคอนแยก บูธแยก ไฮทัชแยก อาจจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้เข้าร่วมงาน เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายต่างกัน บางคนอาจจะแค่มาเสพบรรยากาศเพื่อรอเข้าไปดูคอน บางคนอาจจะมาเพราะอยากเข้าบูธชมรม หรือไฮทัชอย่างเดียว เขาอาจจะเคว้งว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อทำอะไร โดยเฉพาะคนที่มาจากต่างจังหวัดที่มาแล้วไม่มีบัตรเล่นกิจกรรม ความประทับใจของเขาจะเสียไป
.
เราต้องวางแผนการขายให้แน่นอน โดยกำหนดตารางเวลาลงไป วิธีการคือให้เราคิดว่า เราเป็นคนที่จะไปงาน คนมางานต้องรู้ว่าประคูเปิดกี่โมง เปิดแล้วทำอะไร เช่น เปิดเพื่อเข้าไปซื้อของ เข้าไปต่อคิวซื้อบัตร เราต้องประกาศผังงานให้เขารู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงจุดไหนของงาน ส่วนการขายบัตร ถ้าเป็นเรา เราจะไม่ตั้งต้นที่ตัวเลข 2,000 ใบ แต่เราจะตั้งต้นจากการสมมติว่า ทุกคนมางานเพื่อเล่นทุกบูธ แปลว่า 1 คน / บัตร 4 ไป เราต้องเอาจำนวน 4 ใบ x กับ 2,000 คน ที่เราอยากให้มาเดินในงาน เท่ากับเราต้องมีบัตรประมาณ 8,000 ใบ
.
พอรู้แบบนี้แล้ว ก็มากำหนดเวลาลงไป โดยกำหนดให้ 11.00 น. เปิดขายบัตร ประตูเปิด 12.00 น. แล้วบูธค่อยเริ่มเล่นตอน 13.00 น. ทุกคนจะได้มีเวลาในการเตรียมตัว
.
PART 4 : การดูแลความปลอดภัยให้ศิลปิน
ประเด็นนี้มาจากการไปเดินในงานแล้วเราเห็นว่า แฟนคลับใกล้ชิดมากเกินไป มากจนเรารู้สึกห่วงความปลอดภัย เพราะทีมงานที่บูธ มีแค่คนที่เก็บบัตร ไม่มีคนดูแลศิลปิน ตรงนี้อาจจะต้องเพิ่มการ์ด เพื่อเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับศิลปิน
.
PART 5 : ความร้อน การควบคุมอากาศในงาน
จากการทำงานที่ผ่านมาเรารู้ว่า อากาศเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินงาน เราจะไปหาแอร์ หรือพัดลม มาไว้ในงาน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพื่อให้คนที่อยู่ในงานเดินได้สบาย ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป
.
PART 6 : เวลาในงานไฮทัชจัดการยังไง?
เราจะคิดถึงความปลอดภัยในทุกๆมิติ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของศิลปิน ที่ไม่ได้หมายความถึงแค่ร่างกาย แต่หมายถึงจิตใจด้วย เราจะไม่พูดชื่อศิลปิน ถึงแม้จะเป็นความต้องการของศิลปินจริงๆก็ตาม เพราะมันคือความปลอดภัยด้านชื่อเสียง เพราะมันจะกระทบทั้งศิลปิน และแฟนคลับ โดยเฉพาะศิลปินกลุ่มที่มีจำนวนคนเยอะ การพูดชื่อคนหนึ่ง อาจทำให้แฟนคลับของอีกคน มองในแง่ลบ แล้วคิดว่ามีแค่คนเดียวที่อยากพัก แต่คนอื่นไม่ได้จะพักไปด้วย กลายเป็นภาพลบสำหรับศิลปิน และภาพลบในใจของแฟนคลับ เราต้องพูดยังไงก็ได้ ให้ศิลปินได้เวลาพักกลับคืนมา เวลาเราทำงานเราจะมี Staff คนนึง ที่คอยรองรับอารมณ์จากทุกคน เป็นคนคอยดุ คอยด่า ถ้าใครละมิดกฏความปลอดภัย ตรงนี้ต้องทำเพราะมันคือการควบคุมงาน
.
PART 7 : การเก็บงานหลังจบ Event
ประเด็นนี้คำถามแรกที่ต้องถาม คือ คนเก็บรู้ไหมว่าเขาให้เก็บอะไรบ้าง สิ่งแรกที่ต้องคิดถึงเสมอ คือ สิ่งที่เขาสร้างขึ้นต้องถามก่อนว่าเขาจะเก็บไว้หรือไม่ ถ้าเก็บ ต้องถามต่อว่า เก็บเอง หรือให้เก็บให้ ถ้าเขาสามารถรับความเสียหายเล็กน้อยได้ เขาจะบอกให้เราเก็บให้ แต่ถ้าเก็บเอง นั่นแปลว่า กำหนดการของงาน ทุกคนจะมาจบที่การเก็บบูธ เราก็ต้องกำหนดแล้วว่า หลังจากน้องๆลาแฟนคลับ ทุกคนจะมาลงบูธเพื่อเก็บงาน เพราะงานศิลปะมันไม่ใช่แค่ฝีมือ แต่มันเป็นเรื่องของจิตใจ
.
สุดท้ายเราอยากขอบคุณทุกคนที่คิดถึงเรา ขอบคุณทุกความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน เรามีหน้าที่ฟังคุณ และฟังเขา แล้วเอาทุกอย่างมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนประทับใจมากที่สุด อย่าลืมว่าทุกคนมีนามสกุลเดียวกัน ทั้งเมมเบอร์ ทีมงาน และแฟนคลับ ถ้าเรายังมั่นใจกับนามสกุลนี้ ขอให้เราไปด้วยกัน โตไปด้วยกัน การรวมตัวแบบนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่เรามารวมกันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมัน Impact กับ ความรู้สึกของพวกเราจริงๆ
#Staff7Reunion #น้ำตาพี่ม่อน #CGM48 #CGM481stFanmeet
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่