รีวิวส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนและส่วนล่างค่ะ

สวัสดีค่าทุกคน

          วันนี้จะมาขอเล่า ปสก ส่องกล้องทั้งบนและล่างจ้า  สดๆ ร้อนๆ หลังจากหาข้อมูลในพันทิปอยู่หลายวัน ในที่สุดก้อตัดสินใจส่องกล้องที่ รพ เอกชนย่านรามอินทรา(ตรงข้ามกับแฟชั่นไอส์แลนด์) บอกใบ้เกินปุ้ยมุ้ย

                ไปเมื่อวันศุกร์ 29 กค 65 ไปพบคุณหมอ(จบทางด้านระบบทางเดินอาหารปี 2562)อายุยังน้อยและหล่อเสียด้วย   แอบเพี้ยนเขิน  แต่เอานะ หมอหนุ่ม ก้อน่าจะรักษาได้เก่งเหมือนกันละ.. ดูๆไปก้อรุ่นลูกเราแล้วด้วย น่าจะโอเคอยู่ละ........เราก้อปรึกษาอาการแสบคอ และ ปั่นป่วนที่กระเพาะมาหลายอาทิตย์ จนทนไม่ไหวเพราะกินก้อไมได้ น้ำหนักก้อลดลงๆ จาก 47.5 เหลือ 44.5 ภายใน 3-5 วัน  และใกล้จะหมดแรงด้วย จริงๆแล้วเราเคยเป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เป็นๆหายๆ กินยาลดกรดสักพักก้อดีขึ้น แล้วจะเผลอกินเผ็ดกินรสจัด ก้อจะกลับมาเป็นอีก  คราวนี้เราเป็นอีก จึงรีบขับรถมาหาหมอก่อนที่จะไม่มีแรงขับรถมา

               หมอก้อเลยบอกว่า ต้องส่องกล่องทั้งบนและล่าง   เอิ่ม .....เรางี้เพี้ยนกริบ

               ส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบน

               การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบนโดยการส่องกล้อง (Gastroscopy) เป็นการใช้กล้องชนิดอ่อนใส่ผ่านเข้าทางปากเพื่อตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น โดยใช้เวลาในการตรวจประมาณ 10 – 15 นาที
               ส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง

                 การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนล่างโดยการส่องกล้อง (Colonoscopy) เป็นการใช้กล้องชนิดอ่อนใส่ผ่านเข้าทางปากทวารขึ้นไปจนถึงลำไส้ใหญ่ทั้งหมด อาจรวมถึงการตรวจลำไส้เล็กส่วนปลาย โดยใช้เวลาในการตรวจประมาณ 20 – 30 นาที
 
 
               (พอดีเรามีประกันสุขภาพ คุ้มครองไม่เกิน 70,000 บาท)...... หมออธิบายว่า ถ้ารักษากับ รพ รัฐ เขาจะไม่มีหมอวิสัญญี คือไม่มีแบบใช้ยาสลบ และจะเป็นแบบ day case   คือไป-กลับ ไม่มีห้องให้นอนพัก ก้อจะต้องนัดวันที่จะมาส่องกล้อง(พอดีเราไม่ได้ถามว่าทำทั้งบนและล่างวันเดียวกันได้มั้ยสำหรับทำใน รพ รัฐ ) ......โดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ก่อนจะมาทำก้อต้องให้ทานอาหารอ่อนๆ 3 วัน และรับยาระบายไปทานที่บ้านคืนสุดท้ายก่อนจะมา  ส่องกล้องในวันรุ่งขึ้น

               แต่ถ้าทำกับ รพ เอกชน เขาจะให้ยาสลบ(ใช้หมอวิสัญญีแต่ก้อจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะ) และส่องกล้องทั้งบนและล่าง ในวันเดียวกันเลย  โดยถ้าเลือกแบบเป็นผู้ป่วยใน IPD ก้อแอดมิดได้เลยในวันนี้(29 กค 65) และทานยาถ่ายตามที่ รพ จัดให้ พอหลังเที่ยงคืนงดน้ำ งดอาหาร  เช้ามาก้อไปส่องกล้องได้เลย  (แหม รู้นะ เชียร์ว่า รักษากับเอกชนจะสบายกว่า ไม่เจ็บด้วยเพราะมียาสลบไง  ป้ารู้หรอก เผอิญป้าก้อกลัวเจ็บด้วยแหละ บวกกลับมีประกันสุขภาพด้วย หมอแกเลยเชียร์ถูกทาง)

             เราก้อตอบหมอแบบไม่ต้องคิดเลยว่า เลือกแบบ ipd ซึ่งจะมีค่าห้องที่ต้องจ่ายเพิ่มเองเนื่องจาก เราซื้อแบบประกันจ่ายค่าห้องให้คืนละ 1000 บาท ดังนั้น ถ้าค่าห้องท้งหมดคืนละ 4000 บาท เราต้องจ่ายเอง 3000 บาท ก้อ ด้วยความขี้เกียจ + รักสบาย ก้อเลยเลือกแบบ IPD (  ถ้าเลือกแบบ day case ก้อต้องนัดวันกันอีกที และทานอาหารอ่อนๆ 3 วันและทานยาถ่ายในวันสุดท้ายก่อนมาทำส่องกล้อง ก้อหมดอารมณ์จะส่องกล้องกันพอดีนะ.....นานาโน)
              
              เราก้อแอดมิดเข้าห้อง  29.7.65

            15.00 น  ได้เข้าห้องเดี่ยว แบบภาคบังคับจ้า เพราะว่าพอ โควิดมา ทาง รพ เลยมีแบบให้เลือกแบบห้องเดี่ยวเท่านั้น ก้อมีเจาะเลือดเราไปตรวจอะไรสักอย่าง และเจาะใส่สายยาง ให้ยาฆ่าเชื้อ
            16.00 น. เริ่มทานแต่น้ำซุป น้ำสมุนไพร ตามที่ รพ จัดมาให้เป็นมื้อเย็น(ส่วนวันพรุ่งนี้เราเลือกแบบไม่เอาอาหาร เพราะบ่ายๆ ก้อได้กลับแล้ว) เราจะได้จ่ายเฉพาะอาหารเย็นมื้อเดียว(คิดไว้หมดในหัว... แบบว่า จบบัญชี ก้อจะ บวก ลบ คุณ หาร เสมอๆอะค่าเจ้าหอบเงิน)

            19.30 น.  พยาบาลเอาน้ำขาวๆ มาให้ทาน 4 ขวดเล็ก โดยทานให้หมดภายใน 3 ทุ่มครึ่ง  คือใช้เวลา 30 นาที ต่อ 1 ขวดเล็ก  รสชาติแปร่งๆ ก้อทานจนหมด       แต่...คะ... แต่  แค่ทานหมดขวดแรก ท้องก้อเริ่มร้องกุ๊กๆ กั๊กๆ มาละคะ บุคคลที่ไม่ได้นัดหมาย(ปวดถ่าย)...... สักพักก้อวิ่งเข้าห้องน้ำ พอทานหมด 4 ขวด คือเดินเข้าห้องน้ำ 15 รอบได้ เขาจะให้เราถ่ายจนเหลือน้ำใสๆ เพื่อให้กากในลำไส้ไม่มีเหลือเลย เวลาส่องกล้องจะได้เห็นชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง เช่น มีติ่งเล็กๆ มีร่องรอยต่างๆ ที่น่าสงสัย  เราก้อถ่ายจนเพลีย และหมดแรงเลยคะ ดีว่าพกลูกสาวไปด้วย ช่วยจูงมือพามานอนแผ่บนเตียง

            จากนั้นก้อนอนหลับ แอบมีกลัวนิดๆว่า พรุ่งนี้เขาจะยัดอะไรใส่ปากกับใส่ก้นเราบ้างเนี่ย

           วันที่ 30.7.65
           
           05.30 น. พยาบาลให้เราทานน้ำขุ่นๆ 1 ขวดเล็ก คราวนี้ก้อถ่ายอีก 5-6 รอบ  ถ่ายจนใสอีกแล้วคะ
           09.15 น  ตอนสัก 8 โมง เราก้อพร่ำแต่ถามพยาบาลว่า ไปส่องกล้องกี่โมงคะ จนพยาบาลแซว อั่นแน่...กลัวเหรอ อมยิ้ม07 จากนั้น 9.15 น ค่อยพาเราไปห้องส่องกล้อง มีหมอวิสัญญีรออยู่ เราก้อถามพยาบาลว่า เริ่มให้ยาสลบแล้วใช่มั้ยคะ(ที่ถามเพราะจะได้เตรียมตัวไม่ร้บรู้อะไรทั้งนั้นแล้วไง) เขาบอกใช่คะ หมอระบบทางเดินอาหารก้อบอกว่า ไม่ต้องกังวลนะครับ เดวพอหลับก้อจะไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เจ็บด้วย
               
         เขาให้เรานอนตะแคงคู้ขาทั้งสองขึ้น  ให้เราอมอะไรสักอย่างในปากและ หลังจากนั้นจำได้ว่าค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับภาพสุดท้ายที่เห็นคือ ภาพนาฬิกาบอกเวลา 9.45 น และไม่รู้สึกอะไรเลย ตื่นอีกทีมองไปที่นาฬิกาอันเดิม เป็นเวลา 10.15 น  ใช้เวลาปฎิบัติการ 30 นาที เรานึกในใจว่า อืม ตรงเป๊ะ ตามที่อ่านในเนทเลยว่าใช้เวลา ประมาณ 30 นาที  ตื่นมาไม่รู้สึกเจ็บคอ หรือเจ็บตรงไหนเลย สบายมาก แค่มึนๆเพราะฤทธิ์ยาสลบ และก้อหลับต่อเพี้ยนฝันดีพาพันง่วง
         
          11.00 น  พาขึ้นห้อง หมอก้อเข้ามาอธิบาย

               มีรูปภาพให้ดูเรียบร้อย ว่า ส่องกล้องกระเพาะนะ พบว่า หลอดอาหารปกติดี ไม่มีอะไรผิดปกติ (เราแสบคอบ่อย ใจนะกลัวจริ๊งๆว่าจะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร)  ส่วนกระเพาะ มี 3 ส่วน ได้แก่  1 ส่วนบน ถ้าดูจากรูปพบว่า มีฟองๆนิดนึง นั่นคือ กรดที่ลอยขึ้นมา  2 กระเพาะส่วนกลางจะเห็นมีฟองเยอะๆเลยนั่นคือกรดออกมาเยอะเลยจนทำให้เราแสบท้องบ่อยๆ และ 3 กระเพาะส่วนล่างสุดดูจากรูปจะเห็นว่าผนังกระเพาะออกสีแดงๆสด จะแดงกว่าส่วนบนและส่วนกลาง เพราะกินอาหารรสจัด เผ็ด เปรี้ยว มัน เค็ม นั่นเอง  และไม่พบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
               
                ต่อมาดูผลส่องกล้องตรงลำไส้บ้าง  พบว่า ไม่มีติ่งอะไรยื่นออกมา  ไม่เนื้องอก ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นมะเร็งลำไส้ ส่วนหูรูดก้อทำงานปกติดี
               

               ฟังแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะก่อนนอนคิดโน่น นี่ ใหญ่เลย ว่าจะทำประกันมะเร็งตัวไหนดีน้า เหอๆๆ เพราะกลัวเป็นมะเร็ง เห็นเป็นโรคฮิตกันจังเลย คนใกล้ตัวก้อเป็นหลายคนด้วย
                
                ท้ายสุดก้อมาลุ้นต่อว่า ประกันจะจ่ายให้เราครบมั้ยเนี่ย อันนี้ลุ้นมากกว่าผลส่องกล้องอีก 55  สรุป ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 48,289 ประกันจ่าย 43630 เราจ่าย 4600 + เป็นเพราะเจอค่าห้องเดี่ยวนี่แหละ + ยากลับบ้าน ที่ประกันไม่ได้จ่ายให้   แต่ก้อดีใจแล้วคะ ว่า สรุป ไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่า ถ้าตัดประเด็นที่น่าสงสัยไปได้( เช่น ถ้ามีติ่งยื่นออกมา ,หรือเป็นมะเร็ง, มีเนื้องอกต่างๆ, หูรูดมีปัญหา และอื่นๆ ) ซึ่งเราไม่พบสิ่งผิดปกติเหล่านั้นเลย ก้อจะทำให้สามารถวินิจฉัยได้ว่า เราเป็นลำไส้แปรปรวน+กระเพาะอักเสบ นั่นเอง( เขาถึงให้ส่องกล้องเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติอื่นๆ ก่อน  ก่อนที่จะสรุปได้ว่าเป็นลำไส้แปรปรวน)          
                สรุปก้อกลับบ้านได้ตอนบ่าย 3 วันเสาร์ 30 กค 65  กลับมาทานยาต่อ รักษาลำไส้แปรปรวนต่อไปคะ...............  หวังว่าสิ่งที่เขียนมานี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะไปส่องกล้องกันนะคะ
      
              ขอบคุณสำหรับพื้นที่ดีๆแห่งนี้ที่ให้เราได้เข้ามาหาข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจ และได้มาแชร์ ปสก ให้กันและกัน นะคะ  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านตลอดจนจบด้วยค่าาาาาาาาาา พาพันขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่