ประชาชนเดือดร้อนนะรู้ยัง? สินค้าปรุงแซ่บแห่ขึ้นราคา 'พริกขี้หนู' ยัน 'ปลาร้า'
https://www.matichon.co.th/heading-news/news_3481151
ประชาชนเดือดร้อนนะรู้ยัง? สินค้าปรุงแซ่บแห่ขึ้นราคา ‘พริกขี้หนู’ ยัน ‘ปลาร้า’
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตลาดสดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากการสอบถามร้านค้าพบว่ายังมีสินค้าที่ทยอยแจ้งปรับราคาวันที่ 1 สิงหาคมนี้อีกหลายรายการ ส่วนราคาน้ำมันพืชบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองราคาเริ่มปรับลง ขณะที่ยอดขายยังลดลง 30-50% เนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ
น้ำตาลทราย-ปี๊บ-เส้นหมี่ขึ้น 1 บาท
น.ส.
ต๋อง เจ้าของร้านขายของชำ กล่าวว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ มีสินค้าปรับราคาขึ้น อาทิ น้ำตาลทรายมิตรผล ขึ้น 1 บาท/ถุง (น้ำหนัก 1 กก.) จาก 24 บาท เป็น 25 บาท/ถุง น้ำตาลปี๊บขึ้น 1 บาท/ถุง ขนาด 500 กรัมจาก 14 บาท เป็น 15 บาท/ถุง ขนาด 1 กก. จาก 28 บาท เป็น 29 บาท/ถุง เส้นหมี่อบแห้งไวไวขึ้น 1 บาท/ห่อ จาก 14 บาท เป็น 15 บาท/ห่อ กะปิขึ้นราคาต้นทุน 1 บาท/กระปุก ส่วนราคาขายปลีกยังคงเดิม 16 บาท/กระปุก
น้ำปลาร้าขวดขยับ 5 บ. ปาล์ม-ถั่วเหลือง เริ่มลง
น้ำปลาร้าขวดยี่ห้อหนึ่งขึ้นราคา 5 บาท/ขวด จาก 25 บาท เป็น 30 บาท/ขวด พริกแห้งขึ้น 5 บาท/กก. ราคาอยู่ที่ 170-230 บาท/กก. ขึ้นอยู่แต่ละชนิด หอมแดงเล็กขึ้น 5 บาท จาก 95 บาท เป็น 100 บาท/กก. น้ำมันพืชราคาทยอยลดลงโดยน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 60 บาท/ขวด และน้ำมันพืชถั่วเหลืองอยู่ที่ 67 บาท จากเดิม 70 บาทขวด
“เดือนนี้มีวันหยุดเยอะ ยิ่งทำให้ยอดขายที่ไม่ดีอยู่แล้ว ตกมากขึ้นถึง 50% เพราะคนออกต่างจังหวัด ลดปริมาณการซื้อ ถึงรัฐบาลจะเติมเงินอีก 800 บาท ในโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ไม่ค่อยกระตุ้นกำลังซื้อเท่าไหร่ เพราะคนรายได้ลดลง ไม่มีเงินที่จะไปเติมสมทบอีกครึ่งหนึ่ง” น.ส.
ต๋องกล่าว
ผงชูรสขึ้นพรวด 10 บาท “รสดี” ลดขนาด
ด้านเจ้าของร้าน
เจ๊เอง กล่าวเสริมว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตและจำหน่ายผงชูรสยี่ห้อ “
อายิโนะโมะโต๊ะ” จะปรับราคาขึ้นอีก 10 บาท/ถุง (1 กก.) จาก 98 บาท เป็น 108 บาท/ถุง ยังมีผู้ผลิตผงปรุงรส “
รสดี” แจ้งว่าจะยังไม่ขึ้นราคาแต่ลดปริมาณจาก 850 กรัม เหลือ 800 กรัม
ผลไม้กระป๋อง “มาลี” แจ้งปรับ 12%
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งรายหนึ่ง กล่าวว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้กระป๋องยี่ห้อ “มาลี” จะปรับราคาขึ้นอีก 12% หรือประมาณ 11 บาท/กระป๋อง จาก 85 บาท เป็น 96 บาท/กระป๋องและมียาจุดกันยุงยี่ห้อ “เรนเจอร์” ปรับราคาต้นทุนขึ้น 3% ส่วนราคาขายปลีกยังเท่าเดิม 20 บาท/กล่อง ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มขวดลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 60-62 บาท/ขวด และน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 68 บาท/ขวด
ผักสดยังแพง “พริกขี้หนู” ขึ้นโหดโลละ 300
สำหรับความเคลื่อนไหวอาหารสด แม่ค้าขายผักรายหนึ่งกล่าวว่า มีพริกขี้หนูสวนที่ราคายังคงสูงต่อเนื่องโดยอยู่ที่ 220-300 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับแหล่งที่เก็บและการขนส่ง พริกกะเหรี่ยงขึ้น 50 บาท จาก 150 บาท เป็น 200 บาท/กก. ผักชีขึ้น 20 บาท จาก 160 บาท เป็น 180 บาท/กก. ต้นหอมขึ้น 20 บาท จาก 130 บาท เป็น 150 บาท/กก. ผักบุ้งจีนขึ้น 10 บาท จาก 10 บาท เป็น 40 บาท/กก. มะเขือเปราะขึ้น 5 บาท จาก 20 บาท เป็น 25 บาท/กก. ผักกาดขาวและกะหล่ำปลีขึ้น 5 บาท จาก 30 บาท เป็น 35 บาท/กก. ผักกาดหอมขึ้น 20 บาท จาก 80 บาท เป็น 100 บาท/กก.
ราคาหมู-ไก่-ไข่ ยังทรงตัว
ด้านนาง
สุขสมแม่ค้าเขียงหมู กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีการปรับขึ้นราคาเนื้อหมู เช่น เนื้อแดงยังคงขาย 180-190 บาท/กก. สามชั้น 220 บาท/กก. สันนอก/สันคอ 200 บาท/กก. มีปรับเฉพาะเนื้อชิ้นส่วนอะไหล่ เช่น กระดูกเล้งจาก 50 บาท เป็น 70 บาท/กก. เพราะขายดี อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูราคาอีก 1-2 วันนี้อีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ทางโรงเชือดแจ้งขึ้นราคาหมูอีกตัวละ 8 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าร้านอาจจะต้องขยับราคาตามอีก 5 บาท/กก. ซึ่งร้านค้ายังไม่กล้าปรับขึ้นมาก เพราะขายแพงไป จะไม่มีคนซื้อ ยิ่งทำให้ยอดขายตกไปมากขึ้นอีก จากปัจจุบันที่หายไปมากกว่า 40% เพราะคนซื้อปริมาณที่ลดลง
น.ส.
สมทรง แม่ค้าขายไก่ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเนื้อไก่สดยังทรงตัว เช่น เนื้อส่วนอก 100 บาท/กก. ปลีก 90 บาท/กก. น่องติดสะโพก 90 บาท/กก. จะปรับราคาขึ้นมากก็ไม่ได้ เพราะคนไม่มีกำลังซื้อ อย่างเดือนนี้ยอดขายตกไปมาก เพราะมีวันหยุดมาก ประกอบกับคนไม่มีเงินและลดปริมาณการซื้อลง
ด้านแม่ค้าขายไข่ไก่รายหนึ่งกล่าวว่า ราคาไข่ไก่ยังทรงตัว ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 10 ฟอง อยู่ที่ 50 บาท หรือ 5 บาท/ฟอง เบอร์หนึ่ง 47 บาท หรือ 4.70 บาท/ฟอง เบอร์สอง 45 บาทหรือ 4.50 บาท/ฟอง เบอร์สาม 42 บาทหรือ 4.20 บาท/ฟอง เบอร์สี่ 40 บาทหรือ 4 บาท/ฟอง ส่วนไข่เป็ดราคายังสูง 160 บาท/แผง ขายปลีกอยู่ที่ 5.50 บาท/ฟอง
“จตุพร-นิติธร” สักการะหลักเมือง นัดชุมนุมล้างบางโคตรโกง 31 ก.ค. ไล่ "บิ๊กตู่"
https://www.thairath.co.th/news/politic/2459937
“คณะหลอมรวมประชาชน” ตบเท้าสักการะศาลหลักเมือง พร้อมนัดชุมนุม 31 ก.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ไล่ “ประยุทธ์” ชี้ ฉ้อโกงเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง หวังสืบทอดอำนาจ ไม่คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมแตกหัก ถ้าขอแล้วไม่ร่วมมือทำเพื่อประเทศ
วันที่ 30 ก.ค. 65 เมื่อเวลา 13.00 น. นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ นาย
นิติธร ล้ำเหลือ และแกนนำ “
คณะประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน” ร่วมกันสักการะองค์พระหลักเมือง ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า วันนี้คณะหลอมรวมประชาชน ได้ร่วมกันมาสักการะศาลหลักเมือง พระแก้วมรกต พระแม่ธรณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทั้งปวง ที่ปกปักษ์รักษา พร้อมขอพรให้ประเทศไทยรอดพ้นภัยจากต่างชาติ และไทยภายในชาติ ซึ่งประชาชนขณะนี้ได้รับชะตากรรมกันอย่างรุนแรง โดยหวังว่า การทำหน้าที่ของ คณะหลอมรวมประชาชนจะได้สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยได้ปกป้องชาติ แผ่นดิน และสถาบันหลักของประเทศนี้ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายที่กำลังบังเกิดขึ้น รวมถึงความยากแค้น แสนสาหัสของประชาชน ซึ่งรัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบอะไร และการให้เงินของรัฐบาล 2 เดือน 800 บาทนั้น เฉลี่ยวันละ 13 บาท แต่ตรงข้ามด้านกลุ่มทุนพลังงาน ไฟฟ้า แก๊ส และกลุ่มทุนอื่นๆ รวมถึงการทุจริตกว่า 30 ล้านล้านบาทในการบริหารแต่ไม่มีผลลัพธ์
โดยในวันพรุ่งนี้ คณะหลอมรวมประเทศไทย มีกำหนดนัดชุมนุม หัวข้อ "
ประเทศไทยต้องมาก่อน ล้างบางโคตรโกง ล้างบางบ้าอำนาจ ล้างบางการเป็นทาส ล้างบางปล้นชาติ และล้างบางขายแผ่นดิน ซึ่งได้เวลาประชาชนแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่ 16.00 น. ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน ขอให้ทุกคนมาแสดงพลังจากประชาชนร่วมกัน
ส่วนประเด็นการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี ของพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 23 สิงหาคม ในเวลาเที่ยงคืน ทางกลุ่มจะมีการจัดกิจกรรม เวทีภาคพิเศษ เพราะมองเห็นแล้วว่า มีประเด็นการวางแผนสืบทอดอำนาจ ผ่านการแก้กติกาการเลือกตั้งไปมาในสภา สะท้อนให้เห็นการแย่งชิงอำนาจ และหวังสืบทอดอำนาจเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ขณะที่ นาย
นิติธร กล่าวว่า ถึงเวลาของประชาชนที่จะเข้ามาดูแลผลประโยชน์ของประเทศ ขอความร่วมมือนักการเมืองและทหาร เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนหากไม่ยอมไม่ร่วมมือคุยกันไม่ได้ก็แตกหัก ซึ่งจะมีการจัดการชุมนุมทุกสัปดาห์ และจะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองดูแลคุณภาพชีวิตให้ประชาชนผ่านวิกฤติโดยการสงเคราะห์ให้กับประชาชน พร้อมระบุว่า สิ่งที่จะนำพาประเทศได้ คือ การร่วมมือกัน แต่ถ้าไม่มีการร่วมมือกัน ก็พร้อมแตกหัก.
“ณัฐวุฒิ”บุกเชียงใหม่ ชวน”คนเสื้อแดง”สั่งสอนรัฐบาล เลือก“เพื่อไทยแลนด์สไลด์”
https://www.matichon.co.th/clips/news_3481253
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ปลุกคนเสื้อแดง ให้ลงโทษรัฐบาล
“พล.อ.ประยุทธ์” ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยให้ “
แลนด์สไลด์” ในวันเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีชึ้นเร็ว ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
"จิรัฏฐ์" ขอกมธ.ฯ ตัดงบฯ "ซื้อพัดยศ 16 ล้าน-รถเบนซ์หรู" ยัน ฟุ่มเฟือย
https://www.thairath.co.th/news/politic/2460056
"จิรัฏฐ์" ส.ส.ก้าวไกล ในฐานะ คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ขอกมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ตัดงบฯ "พศ." ขอซื้อพัดยศ 16 ล้าน และงบฯ ซื้อ เบนซ์หรู "S 580 e AMG Premium" 8 ล้าน ให้ประธานศาลรธน. ชี้ เหมาะหรือไม่ บ้านเมืองยังมีวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้
วันที่ 30 ก.ค. 65 นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาตัดงบของจากแต่ละหน่วยงาน ในอนุ กมธ.คุรุภัณฑ์ฯ ว่า ในส่วนภาพรวมงบประมาณกระทรวงกลาโหม ขอมา 32,700 ล้านบาท อนุกมธ.คุรุภัณฑ์ฯ ตัดไปได้ 3,130 ล้านบาท เช่น เครื่องบินขับไล่ F-35A งบก่อสร้างโรงงานผลิตดินระเบิดต่างๆ งบค่าใช้จ่ายฝึกกองกำลังเรื่องเรือดำน้ำ เป็นต้น
นาย
จิรัฎฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการของบฯ ที่ตนมองว่า ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นในภาวะที่ประเทศ และประชาชน กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ในส่วนของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ของบซื้อพัดยศ เข้ามาด้วยงบประมาณ 16 ล้านบาท เพื่อให้กับพระสงฆ์ทั่วประเทศ ตามลำดับชั้นพัดยศ 50 ชนชั้น ราคาพัดยศ แพงที่สุด ตกอันละ 8 หมื่นบาท ต่ำสุด 2,500 บาท ยังมี ในส่วนหน่วยงานของศาล ของบมา 8 ล้านบาท เพื่อซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยี่ห้อเบนซ์ S 580 e AMG Premium กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ ตั้งบรรทัดฐานไว้ว่า จะเปลี่ยนรถคันใหม่ จะต้อง 7 ปีก่อน และก็ดูเรื่องความคุ้มค่า แต่การขอครั้งนี้ จัดเต็มตัวให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ สถานการณ์บ้านเมือง วิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้เหมาะสม หรือไม่ ถ้าคันเดิม ยังไม่พังมาก น่าจะใช้ของเดิมไปก่อนก็ได้เพื่อประหยัดภาษี ประชาชน เรื่องนี้ ตนได้คัดค้าน ขอตัดงบฯ ในอนุกมธ.ฯ แล้ว แต่สุดท้ายก็ผ่าน จึงอยากให้กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ พิจารณาด้วยถึงความจำเป็น.
JJNY : 5in1 ปชช.เดือดร้อนนะรู้ยัง?│นัดชุมนุมล้างบางโคตรโกง│“ณัฐวุฒิ”บุกเชียงใหม่│"จิรัฏฐ์"ขอตัดงบฯ│สุดสยอง ทหารรัสเซีย
https://www.matichon.co.th/heading-news/news_3481151
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตลาดสดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากการสอบถามร้านค้าพบว่ายังมีสินค้าที่ทยอยแจ้งปรับราคาวันที่ 1 สิงหาคมนี้อีกหลายรายการ ส่วนราคาน้ำมันพืชบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองราคาเริ่มปรับลง ขณะที่ยอดขายยังลดลง 30-50% เนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ
น้ำตาลทราย-ปี๊บ-เส้นหมี่ขึ้น 1 บาท
น.ส.ต๋อง เจ้าของร้านขายของชำ กล่าวว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ มีสินค้าปรับราคาขึ้น อาทิ น้ำตาลทรายมิตรผล ขึ้น 1 บาท/ถุง (น้ำหนัก 1 กก.) จาก 24 บาท เป็น 25 บาท/ถุง น้ำตาลปี๊บขึ้น 1 บาท/ถุง ขนาด 500 กรัมจาก 14 บาท เป็น 15 บาท/ถุง ขนาด 1 กก. จาก 28 บาท เป็น 29 บาท/ถุง เส้นหมี่อบแห้งไวไวขึ้น 1 บาท/ห่อ จาก 14 บาท เป็น 15 บาท/ห่อ กะปิขึ้นราคาต้นทุน 1 บาท/กระปุก ส่วนราคาขายปลีกยังคงเดิม 16 บาท/กระปุก
น้ำปลาร้าขวดขยับ 5 บ. ปาล์ม-ถั่วเหลือง เริ่มลง
น้ำปลาร้าขวดยี่ห้อหนึ่งขึ้นราคา 5 บาท/ขวด จาก 25 บาท เป็น 30 บาท/ขวด พริกแห้งขึ้น 5 บาท/กก. ราคาอยู่ที่ 170-230 บาท/กก. ขึ้นอยู่แต่ละชนิด หอมแดงเล็กขึ้น 5 บาท จาก 95 บาท เป็น 100 บาท/กก. น้ำมันพืชราคาทยอยลดลงโดยน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 60 บาท/ขวด และน้ำมันพืชถั่วเหลืองอยู่ที่ 67 บาท จากเดิม 70 บาทขวด
“เดือนนี้มีวันหยุดเยอะ ยิ่งทำให้ยอดขายที่ไม่ดีอยู่แล้ว ตกมากขึ้นถึง 50% เพราะคนออกต่างจังหวัด ลดปริมาณการซื้อ ถึงรัฐบาลจะเติมเงินอีก 800 บาท ในโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ไม่ค่อยกระตุ้นกำลังซื้อเท่าไหร่ เพราะคนรายได้ลดลง ไม่มีเงินที่จะไปเติมสมทบอีกครึ่งหนึ่ง” น.ส.ต๋องกล่าว
ผงชูรสขึ้นพรวด 10 บาท “รสดี” ลดขนาด
ด้านเจ้าของร้านเจ๊เอง กล่าวเสริมว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตและจำหน่ายผงชูรสยี่ห้อ “อายิโนะโมะโต๊ะ” จะปรับราคาขึ้นอีก 10 บาท/ถุง (1 กก.) จาก 98 บาท เป็น 108 บาท/ถุง ยังมีผู้ผลิตผงปรุงรส “รสดี” แจ้งว่าจะยังไม่ขึ้นราคาแต่ลดปริมาณจาก 850 กรัม เหลือ 800 กรัม
ผลไม้กระป๋อง “มาลี” แจ้งปรับ 12%
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งรายหนึ่ง กล่าวว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้กระป๋องยี่ห้อ “มาลี” จะปรับราคาขึ้นอีก 12% หรือประมาณ 11 บาท/กระป๋อง จาก 85 บาท เป็น 96 บาท/กระป๋องและมียาจุดกันยุงยี่ห้อ “เรนเจอร์” ปรับราคาต้นทุนขึ้น 3% ส่วนราคาขายปลีกยังเท่าเดิม 20 บาท/กล่อง ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มขวดลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 60-62 บาท/ขวด และน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 68 บาท/ขวด
ผักสดยังแพง “พริกขี้หนู” ขึ้นโหดโลละ 300
สำหรับความเคลื่อนไหวอาหารสด แม่ค้าขายผักรายหนึ่งกล่าวว่า มีพริกขี้หนูสวนที่ราคายังคงสูงต่อเนื่องโดยอยู่ที่ 220-300 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับแหล่งที่เก็บและการขนส่ง พริกกะเหรี่ยงขึ้น 50 บาท จาก 150 บาท เป็น 200 บาท/กก. ผักชีขึ้น 20 บาท จาก 160 บาท เป็น 180 บาท/กก. ต้นหอมขึ้น 20 บาท จาก 130 บาท เป็น 150 บาท/กก. ผักบุ้งจีนขึ้น 10 บาท จาก 10 บาท เป็น 40 บาท/กก. มะเขือเปราะขึ้น 5 บาท จาก 20 บาท เป็น 25 บาท/กก. ผักกาดขาวและกะหล่ำปลีขึ้น 5 บาท จาก 30 บาท เป็น 35 บาท/กก. ผักกาดหอมขึ้น 20 บาท จาก 80 บาท เป็น 100 บาท/กก.
ราคาหมู-ไก่-ไข่ ยังทรงตัว
ด้านนางสุขสมแม่ค้าเขียงหมู กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีการปรับขึ้นราคาเนื้อหมู เช่น เนื้อแดงยังคงขาย 180-190 บาท/กก. สามชั้น 220 บาท/กก. สันนอก/สันคอ 200 บาท/กก. มีปรับเฉพาะเนื้อชิ้นส่วนอะไหล่ เช่น กระดูกเล้งจาก 50 บาท เป็น 70 บาท/กก. เพราะขายดี อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูราคาอีก 1-2 วันนี้อีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ทางโรงเชือดแจ้งขึ้นราคาหมูอีกตัวละ 8 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าร้านอาจจะต้องขยับราคาตามอีก 5 บาท/กก. ซึ่งร้านค้ายังไม่กล้าปรับขึ้นมาก เพราะขายแพงไป จะไม่มีคนซื้อ ยิ่งทำให้ยอดขายตกไปมากขึ้นอีก จากปัจจุบันที่หายไปมากกว่า 40% เพราะคนซื้อปริมาณที่ลดลง
น.ส.สมทรง แม่ค้าขายไก่ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเนื้อไก่สดยังทรงตัว เช่น เนื้อส่วนอก 100 บาท/กก. ปลีก 90 บาท/กก. น่องติดสะโพก 90 บาท/กก. จะปรับราคาขึ้นมากก็ไม่ได้ เพราะคนไม่มีกำลังซื้อ อย่างเดือนนี้ยอดขายตกไปมาก เพราะมีวันหยุดมาก ประกอบกับคนไม่มีเงินและลดปริมาณการซื้อลง
ด้านแม่ค้าขายไข่ไก่รายหนึ่งกล่าวว่า ราคาไข่ไก่ยังทรงตัว ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 10 ฟอง อยู่ที่ 50 บาท หรือ 5 บาท/ฟอง เบอร์หนึ่ง 47 บาท หรือ 4.70 บาท/ฟอง เบอร์สอง 45 บาทหรือ 4.50 บาท/ฟอง เบอร์สาม 42 บาทหรือ 4.20 บาท/ฟอง เบอร์สี่ 40 บาทหรือ 4 บาท/ฟอง ส่วนไข่เป็ดราคายังสูง 160 บาท/แผง ขายปลีกอยู่ที่ 5.50 บาท/ฟอง
“จตุพร-นิติธร” สักการะหลักเมือง นัดชุมนุมล้างบางโคตรโกง 31 ก.ค. ไล่ "บิ๊กตู่"
https://www.thairath.co.th/news/politic/2459937
“คณะหลอมรวมประชาชน” ตบเท้าสักการะศาลหลักเมือง พร้อมนัดชุมนุม 31 ก.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ไล่ “ประยุทธ์” ชี้ ฉ้อโกงเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง หวังสืบทอดอำนาจ ไม่คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมแตกหัก ถ้าขอแล้วไม่ร่วมมือทำเพื่อประเทศ
วันที่ 30 ก.ค. 65 เมื่อเวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ และแกนนำ “คณะประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน” ร่วมกันสักการะองค์พระหลักเมือง ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า วันนี้คณะหลอมรวมประชาชน ได้ร่วมกันมาสักการะศาลหลักเมือง พระแก้วมรกต พระแม่ธรณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทั้งปวง ที่ปกปักษ์รักษา พร้อมขอพรให้ประเทศไทยรอดพ้นภัยจากต่างชาติ และไทยภายในชาติ ซึ่งประชาชนขณะนี้ได้รับชะตากรรมกันอย่างรุนแรง โดยหวังว่า การทำหน้าที่ของ คณะหลอมรวมประชาชนจะได้สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยได้ปกป้องชาติ แผ่นดิน และสถาบันหลักของประเทศนี้ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายที่กำลังบังเกิดขึ้น รวมถึงความยากแค้น แสนสาหัสของประชาชน ซึ่งรัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบอะไร และการให้เงินของรัฐบาล 2 เดือน 800 บาทนั้น เฉลี่ยวันละ 13 บาท แต่ตรงข้ามด้านกลุ่มทุนพลังงาน ไฟฟ้า แก๊ส และกลุ่มทุนอื่นๆ รวมถึงการทุจริตกว่า 30 ล้านล้านบาทในการบริหารแต่ไม่มีผลลัพธ์
โดยในวันพรุ่งนี้ คณะหลอมรวมประเทศไทย มีกำหนดนัดชุมนุม หัวข้อ "ประเทศไทยต้องมาก่อน ล้างบางโคตรโกง ล้างบางบ้าอำนาจ ล้างบางการเป็นทาส ล้างบางปล้นชาติ และล้างบางขายแผ่นดิน ซึ่งได้เวลาประชาชนแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่ 16.00 น. ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน ขอให้ทุกคนมาแสดงพลังจากประชาชนร่วมกัน
ส่วนประเด็นการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 23 สิงหาคม ในเวลาเที่ยงคืน ทางกลุ่มจะมีการจัดกิจกรรม เวทีภาคพิเศษ เพราะมองเห็นแล้วว่า มีประเด็นการวางแผนสืบทอดอำนาจ ผ่านการแก้กติกาการเลือกตั้งไปมาในสภา สะท้อนให้เห็นการแย่งชิงอำนาจ และหวังสืบทอดอำนาจเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ขณะที่ นายนิติธร กล่าวว่า ถึงเวลาของประชาชนที่จะเข้ามาดูแลผลประโยชน์ของประเทศ ขอความร่วมมือนักการเมืองและทหาร เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนหากไม่ยอมไม่ร่วมมือคุยกันไม่ได้ก็แตกหัก ซึ่งจะมีการจัดการชุมนุมทุกสัปดาห์ และจะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองดูแลคุณภาพชีวิตให้ประชาชนผ่านวิกฤติโดยการสงเคราะห์ให้กับประชาชน พร้อมระบุว่า สิ่งที่จะนำพาประเทศได้ คือ การร่วมมือกัน แต่ถ้าไม่มีการร่วมมือกัน ก็พร้อมแตกหัก.
“ณัฐวุฒิ”บุกเชียงใหม่ ชวน”คนเสื้อแดง”สั่งสอนรัฐบาล เลือก“เพื่อไทยแลนด์สไลด์”
https://www.matichon.co.th/clips/news_3481253
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ปลุกคนเสื้อแดง ให้ลงโทษรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยให้ “แลนด์สไลด์” ในวันเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีชึ้นเร็ว ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2460056
"จิรัฏฐ์" ส.ส.ก้าวไกล ในฐานะ คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ขอกมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ตัดงบฯ "พศ." ขอซื้อพัดยศ 16 ล้าน และงบฯ ซื้อ เบนซ์หรู "S 580 e AMG Premium" 8 ล้าน ให้ประธานศาลรธน. ชี้ เหมาะหรือไม่ บ้านเมืองยังมีวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้
วันที่ 30 ก.ค. 65 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาตัดงบของจากแต่ละหน่วยงาน ในอนุ กมธ.คุรุภัณฑ์ฯ ว่า ในส่วนภาพรวมงบประมาณกระทรวงกลาโหม ขอมา 32,700 ล้านบาท อนุกมธ.คุรุภัณฑ์ฯ ตัดไปได้ 3,130 ล้านบาท เช่น เครื่องบินขับไล่ F-35A งบก่อสร้างโรงงานผลิตดินระเบิดต่างๆ งบค่าใช้จ่ายฝึกกองกำลังเรื่องเรือดำน้ำ เป็นต้น
นายจิรัฎฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการของบฯ ที่ตนมองว่า ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นในภาวะที่ประเทศ และประชาชน กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ในส่วนของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ของบซื้อพัดยศ เข้ามาด้วยงบประมาณ 16 ล้านบาท เพื่อให้กับพระสงฆ์ทั่วประเทศ ตามลำดับชั้นพัดยศ 50 ชนชั้น ราคาพัดยศ แพงที่สุด ตกอันละ 8 หมื่นบาท ต่ำสุด 2,500 บาท ยังมี ในส่วนหน่วยงานของศาล ของบมา 8 ล้านบาท เพื่อซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่ง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยี่ห้อเบนซ์ S 580 e AMG Premium กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ ตั้งบรรทัดฐานไว้ว่า จะเปลี่ยนรถคันใหม่ จะต้อง 7 ปีก่อน และก็ดูเรื่องความคุ้มค่า แต่การขอครั้งนี้ จัดเต็มตัวให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ สถานการณ์บ้านเมือง วิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้เหมาะสม หรือไม่ ถ้าคันเดิม ยังไม่พังมาก น่าจะใช้ของเดิมไปก่อนก็ได้เพื่อประหยัดภาษี ประชาชน เรื่องนี้ ตนได้คัดค้าน ขอตัดงบฯ ในอนุกมธ.ฯ แล้ว แต่สุดท้ายก็ผ่าน จึงอยากให้กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ พิจารณาด้วยถึงความจำเป็น.