คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid029E8HwH9F5KJ4mtBYdbvKg9TqrXA5unVVbrkRF834HckLNodUVQeTosCEjP6WygjBl

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 28 ก.ค. 2565)
รวม 141,507,957 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 28 กรกฎาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 89,437 โดส
เข็มที่ 1 : 8,443 ราย
เข็มที่ 2 : 16,285 ราย
เข็มที่ 3 : 64,709 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,129,786 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,487,254 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 30,890,917 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02mBiDvPgCJtspvcXKxvSyVKGeBXM1xHqEvSMwkDAnix8rENj9c81SSrQ6KtewrUT6l

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเชิญลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด Pfizer เข็มที่ 1,2,3,4 และเข็มที่ 5 สำหรับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
ทุกท่านสามารถลงทะเบียนเลือกวัน เวลา รับบริการวัคซีน
ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 2 กันยายน 2565
โดยคลินิกบริการวัคซีน จะปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
อ่านรายละเอียดเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ https://vaccinecenter.kcmh.or.th
ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0YFmT78T6TtiuRUnYa7xzMwuqm9gJRcAWM1LdRPxPQDBXcHVG6futakZVGkZooh3pl

กทม. เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด ฟรี !! สำหรับทุกคน ทุกเข็ม ทุกวัน ถึง 31 ส.ค. 65
สำหรับผู้ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ทุกสัญชาติ
ฉีดได้ที่ลานกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กทม. (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
ทุกวัน เวลา 08.00 - 16.00 น. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. 65 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด
จองคิวผ่านแอป QueQ หรือ Walk in
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอนามัย โทร 0 2203 2883
อย่าลืม
บัตรประชาชน หรือบัตรยืนยันตัวตนอื่น เช่น Passport
หลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19 และปากกาส่วนตัว
ที่มา : สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid037RHPYG4LZnLLUyMuAUb2jYQVwPzPBaMcp134g9koPEhvckAWx3VNdV1BJs93erhBl

กรมอนามัย ย้ำ สถานีขนส่ง – ร้านอาหาร – ปั๊มน้ำมัน
หมั่นทำความสะอาดส้วมสาธารณะให้สะอาดรองรับนักท่องเที่ยว
คนกลับภูมิลำเนา ช่วงวันหยุดยาว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าช่วงวันหยุดยาว ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ นอกจากต้องระมัดระวังในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนและการกินอาหารที่สะอาดปลอดภัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อสุขอนามัยที่ดีคือการใช้บริการห้องส้วมสาธารณะตามสถานที่ต่าง ๆ อาทิ สถานีขนส่ง ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหาร เป็นต้นซึ่งต้องขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการในสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกันล้างส้วมสาธารณะให้สะอาดเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเน้นการทำความสะอาดแหล่งปนเปื้อนเชื้อโรคที่ต้องสัมผัสร่วมกันบ่อย ๆ ได้แก่ พื้นห้องส้วม บริเวณที่รองนั่งโถส้วม ที่จับสายฉีดชำระ ที่กดโถส้วม ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ ลูกบิดหรือกลอนประตู และบริเวณราวจับสำหรับผู้ที่ใช้บริการส้วมสาธารณะควรเช็ดทำความสะอาดก่อนนั่ง ไม่ทิ้งวัสดุอื่นใดนอกจากกระดาษชำระลงในโถส้วมเพราะวัสดุอาจไปอุดตันท่อให้ปิดฝาโถส้วมก่อนกดชักโครก เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อโรคลดการเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และล้างมือด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งหลังการใช้ส้วม
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02DWuZxxRqu4GpjzPHvLNUKLsHnekm5Viw1tqvGQ7ghdHVj7VzqEkZe9T7jjidZkcql

สปสช. ย้ำผู้ป่วยโควิด-19 บัตรทอง กลุ่มอาการสีเขียว ในพื้นที่ กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล รับบริการผ่าน Telemedicine
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แม้ไม่เท่าครั้งก่อน แต่สร้างความตกใจแก่ประชาชนพอสมควร สปสช. จึงร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เปิดช่องทางบริการเสริมโครงการเจอ แจก จบ ผ่านระบบ Telemedicine ผ่าน 2 ผู้ให้บริการคือ แอปพลิเคชัน หมอดี และแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ บริการแก่ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่ใช้สิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่ กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล
ด้าน นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ กล่าวว่า บริษัทให้บริการระบบ Telemedicine ได้ผ่านมือถือตั้งแต่ 8.00 น.-17.00 น. ผู้ป่วยสามารถสแกน QR code ที่ สปสช. ทำการเผยแพร่เพื่อเข้ารับบริการได้ทันที ขณะนี้กู๊ด ด็อกเตอร์ ยังบริการครอบคลุมเฉพาะสิทธิบัตรทอง แต่อยู่ระหว่างการหารือขยายการดูแลให้ครอบคลุมสิทธิประกันสังคมและข้าราชการต่อไป
ขณะที่ ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ผู้ให้บริการแอปฯ หมอดี กล่าวว่า นอกจากการสแกน QR code แล้ว กรณีผู้ป่วยไม่ถนัดในการใช้งาน สามารถแอดไลน์ แอปฯหมอดี จะมีทีมงานคอยให้คำแนะนำขั้นตอนการสมัครรับบริการเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ ปัจจุบันบริษัทให้บริการตั้งแต่ 8.00 น.-24.00 น. แต่หากจำเป็นก็สามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง และสามารถจะขยายบริการได้มากกว่า กทม. และปริมณฑล
ทั้งนี้ Telehealth/Telemedicine จำเป็นต้องเกิดเพราะในไทยมีแพทย์ 0.81 คนต่อประชากร 1,000 คนเท่านั้น น้อยกว่า 3-5 เท่า เมื่อเทียบกับอังกฤษ อเมริกา การมี Telehealth ทำให้แพทย์เข้าถึงคนไข้มากขึ้น ในราคาที่ต่ำลง สามารถนำค่าใช้จ่ายที่ลดได้นี้ไปใช้กับผู้ป่วยหนักได้มากขึ้น แต่การจะทำได้ต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและที่สำคัญคือ ประชาชน จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บริการ Telehealth ให้มากขึ้น
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/pfbid0Cz7N3nrTgyiqfUiYUJW57xMu9VgSBMf7GqvSpp8BPpuBFYBaQRXtWZgNc2WxSV5zl

กรมอนามัย ห่วง!! พฤติกรรมป้องกันโควิด คนไทยลดดิ่ง เมินสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ห่วงวันหยุดยาวอาจเสี่ยงแพร่โควิด แนะสถานที่ต่าง ๆ คุมเข้มมาตรการป้องกันโรค พร้อมขอให้ ปชช.ป้องกันตนเองเพิ่มมากขึ้น เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
( 29 ก.ค.2565 ) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่อาจส่งผลให้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น การป้องกันตนเองด้วยหลัก UP (Universal Prevention) เพื่อลดความเสี่ยงของโรค ถือเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ประชาชนทุกวัยยังคงต้องปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง แต่จากผลการสำรวจอนามัยโพล เกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่า ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ พฤษภาคม - กรกฎาคม 2565
● ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากลดลง จากร้อยละ 96.1 ในเดือนพฤษภาคม ลดลงเป็นร้อยละ 94.6 ในเดือนกรกฎาคม
● การล้างมือ ลดลงจากร้อยละ 91.5 เป็นร้อยละ 88.1
● การเว้นระยะห่าง ลดลงจากร้อยละ 84.6 เป็นร้อยละ 78.6
ภาพรวมพบว่า ผู้ที่ทำได้ครบทั้ง 3 พฤติกรรม มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก จากร้อยละ 82 เป็นร้อยละ 74.1 เท่านั้น
“ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ คาดว่าในหลายสถานที่ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจึงต้องเข้มมาตรการป้องกันโรค โดยจัดให้มีจุดบริการล้างมือที่เพียงพอ และดูแลให้มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย ขณะที่ผู้ใช้บริการขอให้สร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และไม่สามารถ เว้นระยะห่างได้ รวมทั้งสถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วย”
ข้อมูล : กรมอนามัย / 29 กรกฎาคม 2565
https://www.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02BF6BV6pmX6MdNbeuqCpAsYPB4eTbzPekRa1YqGXKDy2wVujVi7yy8mMsNT5tWtLal

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid029E8HwH9F5KJ4mtBYdbvKg9TqrXA5unVVbrkRF834HckLNodUVQeTosCEjP6WygjBl

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 28 ก.ค. 2565)
รวม 141,507,957 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 28 กรกฎาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 89,437 โดส
เข็มที่ 1 : 8,443 ราย
เข็มที่ 2 : 16,285 ราย
เข็มที่ 3 : 64,709 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,129,786 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,487,254 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 30,890,917 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02mBiDvPgCJtspvcXKxvSyVKGeBXM1xHqEvSMwkDAnix8rENj9c81SSrQ6KtewrUT6l

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเชิญลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด Pfizer เข็มที่ 1,2,3,4 และเข็มที่ 5 สำหรับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
ทุกท่านสามารถลงทะเบียนเลือกวัน เวลา รับบริการวัคซีน
ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 2 กันยายน 2565
โดยคลินิกบริการวัคซีน จะปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
อ่านรายละเอียดเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ https://vaccinecenter.kcmh.or.th
ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0YFmT78T6TtiuRUnYa7xzMwuqm9gJRcAWM1LdRPxPQDBXcHVG6futakZVGkZooh3pl

กทม. เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด ฟรี !! สำหรับทุกคน ทุกเข็ม ทุกวัน ถึง 31 ส.ค. 65
สำหรับผู้ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ทุกสัญชาติ
ฉีดได้ที่ลานกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กทม. (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง
ทุกวัน เวลา 08.00 - 16.00 น. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. 65 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด
จองคิวผ่านแอป QueQ หรือ Walk in
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอนามัย โทร 0 2203 2883
อย่าลืม
บัตรประชาชน หรือบัตรยืนยันตัวตนอื่น เช่น Passport
หลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19 และปากกาส่วนตัว
ที่มา : สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid037RHPYG4LZnLLUyMuAUb2jYQVwPzPBaMcp134g9koPEhvckAWx3VNdV1BJs93erhBl

กรมอนามัย ย้ำ สถานีขนส่ง – ร้านอาหาร – ปั๊มน้ำมัน
หมั่นทำความสะอาดส้วมสาธารณะให้สะอาดรองรับนักท่องเที่ยว
คนกลับภูมิลำเนา ช่วงวันหยุดยาว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าช่วงวันหยุดยาว ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ นอกจากต้องระมัดระวังในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนและการกินอาหารที่สะอาดปลอดภัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อสุขอนามัยที่ดีคือการใช้บริการห้องส้วมสาธารณะตามสถานที่ต่าง ๆ อาทิ สถานีขนส่ง ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหาร เป็นต้นซึ่งต้องขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการในสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกันล้างส้วมสาธารณะให้สะอาดเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเน้นการทำความสะอาดแหล่งปนเปื้อนเชื้อโรคที่ต้องสัมผัสร่วมกันบ่อย ๆ ได้แก่ พื้นห้องส้วม บริเวณที่รองนั่งโถส้วม ที่จับสายฉีดชำระ ที่กดโถส้วม ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ ลูกบิดหรือกลอนประตู และบริเวณราวจับสำหรับผู้ที่ใช้บริการส้วมสาธารณะควรเช็ดทำความสะอาดก่อนนั่ง ไม่ทิ้งวัสดุอื่นใดนอกจากกระดาษชำระลงในโถส้วมเพราะวัสดุอาจไปอุดตันท่อให้ปิดฝาโถส้วมก่อนกดชักโครก เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อโรคลดการเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และล้างมือด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งหลังการใช้ส้วม
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02DWuZxxRqu4GpjzPHvLNUKLsHnekm5Viw1tqvGQ7ghdHVj7VzqEkZe9T7jjidZkcql

สปสช. ย้ำผู้ป่วยโควิด-19 บัตรทอง กลุ่มอาการสีเขียว ในพื้นที่ กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล รับบริการผ่าน Telemedicine
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แม้ไม่เท่าครั้งก่อน แต่สร้างความตกใจแก่ประชาชนพอสมควร สปสช. จึงร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เปิดช่องทางบริการเสริมโครงการเจอ แจก จบ ผ่านระบบ Telemedicine ผ่าน 2 ผู้ให้บริการคือ แอปพลิเคชัน หมอดี และแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ บริการแก่ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่ใช้สิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่ กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล
ด้าน นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ กล่าวว่า บริษัทให้บริการระบบ Telemedicine ได้ผ่านมือถือตั้งแต่ 8.00 น.-17.00 น. ผู้ป่วยสามารถสแกน QR code ที่ สปสช. ทำการเผยแพร่เพื่อเข้ารับบริการได้ทันที ขณะนี้กู๊ด ด็อกเตอร์ ยังบริการครอบคลุมเฉพาะสิทธิบัตรทอง แต่อยู่ระหว่างการหารือขยายการดูแลให้ครอบคลุมสิทธิประกันสังคมและข้าราชการต่อไป
ขณะที่ ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ผู้ให้บริการแอปฯ หมอดี กล่าวว่า นอกจากการสแกน QR code แล้ว กรณีผู้ป่วยไม่ถนัดในการใช้งาน สามารถแอดไลน์ แอปฯหมอดี จะมีทีมงานคอยให้คำแนะนำขั้นตอนการสมัครรับบริการเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ ปัจจุบันบริษัทให้บริการตั้งแต่ 8.00 น.-24.00 น. แต่หากจำเป็นก็สามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง และสามารถจะขยายบริการได้มากกว่า กทม. และปริมณฑล
ทั้งนี้ Telehealth/Telemedicine จำเป็นต้องเกิดเพราะในไทยมีแพทย์ 0.81 คนต่อประชากร 1,000 คนเท่านั้น น้อยกว่า 3-5 เท่า เมื่อเทียบกับอังกฤษ อเมริกา การมี Telehealth ทำให้แพทย์เข้าถึงคนไข้มากขึ้น ในราคาที่ต่ำลง สามารถนำค่าใช้จ่ายที่ลดได้นี้ไปใช้กับผู้ป่วยหนักได้มากขึ้น แต่การจะทำได้ต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและที่สำคัญคือ ประชาชน จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บริการ Telehealth ให้มากขึ้น
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/pfbid0Cz7N3nrTgyiqfUiYUJW57xMu9VgSBMf7GqvSpp8BPpuBFYBaQRXtWZgNc2WxSV5zl

กรมอนามัย ห่วง!! พฤติกรรมป้องกันโควิด คนไทยลดดิ่ง เมินสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ห่วงวันหยุดยาวอาจเสี่ยงแพร่โควิด แนะสถานที่ต่าง ๆ คุมเข้มมาตรการป้องกันโรค พร้อมขอให้ ปชช.ป้องกันตนเองเพิ่มมากขึ้น เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
( 29 ก.ค.2565 ) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่อาจส่งผลให้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น การป้องกันตนเองด้วยหลัก UP (Universal Prevention) เพื่อลดความเสี่ยงของโรค ถือเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ประชาชนทุกวัยยังคงต้องปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง แต่จากผลการสำรวจอนามัยโพล เกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่า ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ พฤษภาคม - กรกฎาคม 2565
● ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากลดลง จากร้อยละ 96.1 ในเดือนพฤษภาคม ลดลงเป็นร้อยละ 94.6 ในเดือนกรกฎาคม
● การล้างมือ ลดลงจากร้อยละ 91.5 เป็นร้อยละ 88.1
● การเว้นระยะห่าง ลดลงจากร้อยละ 84.6 เป็นร้อยละ 78.6
ภาพรวมพบว่า ผู้ที่ทำได้ครบทั้ง 3 พฤติกรรม มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก จากร้อยละ 82 เป็นร้อยละ 74.1 เท่านั้น
“ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ คาดว่าในหลายสถานที่ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจึงต้องเข้มมาตรการป้องกันโรค โดยจัดให้มีจุดบริการล้างมือที่เพียงพอ และดูแลให้มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย ขณะที่ผู้ใช้บริการขอให้สร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และไม่สามารถ เว้นระยะห่างได้ รวมทั้งสถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วย”
ข้อมูล : กรมอนามัย / 29 กรกฎาคม 2565
https://www.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02BF6BV6pmX6MdNbeuqCpAsYPB4eTbzPekRa1YqGXKDy2wVujVi7yy8mMsNT5tWtLal
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭29ก.ค.โควิดไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย2,480คน หาย1,853คน เสียชีวิต37คน/3พฤติกรรมผ่อนลง/เร่งค้นหาผู้สัมผัส
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล รายใหม่วันนี้ 2,480 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,363,115 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,586,550 ราย เสียชีวิต 37 ราย เสียชีวิตสะสม 31,327 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 1,853 ราย หายป่วยสะสม 2,362,179 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมหายป่วยสะสม 4,530,673 ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,550 ราย
จำแนกเป็น
ผู้ป่วยในประเทศ 2,480 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ - ราย
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 28 ก.ค. 2565) รวม 141,507,957 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ยอดฉีดทั่วประเทศ 89,437 โดส
เข็มที่ 1 : 8,443 ราย
เข็มที่ 2 : 16,285 ราย
เข็มที่ 3 : 64,709 ราย
----------------------------
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,129,786 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,487,254 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 30,890,917 ราย
https://www.sanook.com/news/8599594/
29 ก.ค.2565 - นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่อาจส่งผลให้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น การป้องกันตนเองด้วยหลัก UP (Universal Prevention) เพื่อลดความเสี่ยงของโรค ถือเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ประชาชนทุกวัยยังคงต้องปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง
แต่จากผลการสำรวจอนามัยโพลเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่า ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่พฤษภาคม ถึง กรกฎาคม 2565 ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากลดลง จากร้อยละ 96.1 ในเดือนพ.ค. ลดลงเป็นร้อยละ 94.6 ในเดือนก.ค. ส่วนการล้างมือ ลดลงจากร้อยละ 91.5 เป็นร้อยละ 88.1 และการเว้นระยะห่าง ลดลงจากร้อยละ 84.6 เป็นร้อยละ 78.6 ซึ่งในภาพรวมพบว่า ผู้ที่ทำได้ครบทั้ง 3 พฤติกรรม มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก จากร้อยละ 82 เป็นร้อยละ 74.1 เท่านั้น
“ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ คาดว่าในหลายสถานที่ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจึงต้องเข้มมาตรการป้องกันโรค โดยจัดให้มีจุดบริการล้างมือที่เพียงพอ และดูแลให้มีการระบายอากาศที่ดีเพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย ขณะที่ผู้ใช้บริการขอให้สร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอด้วยการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ รวมทั้งสถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยง และป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วย” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
https://www.thaipost.net/covid-19-news/190294/
จากกรณีพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายที่ 2 ในกรุงเทพมหานคร โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้กำชับและดูแลการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคฝีดาษวานร พร้อมสั่งการให้กรมควบคุมโรค ประสานงานกับคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในการติดตามเฝ้าระวังโรค
วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทางกรมควบคุมโรคได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และกองระบาดวิทยา ลงพื้นที่เร่งติดตามค้นหาผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประสานงานกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้าไปตรวจหาเชื้อและรักษาตัว และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการติดตามสอบสวนโรคเพิ่มเติม ตามแนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคฝีดาษลิง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่สอบสวนโรค สอบถามข้อมูลของผู้ป่วยเพิ่มเติมพบว่า ผู้ป่วยมีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับชายต่างชาติโดยไม่ได้ป้องกันในวันที่ 12 ก.ค. 65 และเริ่มมีอาการไข้ในวันที่ 15 ก.ค. 65 ต่อมาอีก 3 วัน เริ่มมีตุ่มหนองที่อวัยวะเพศ ไปซื้อยามาทาเอง แต่อาการไม่ดีขึ้น อวัยวะเพศบวม มีหนอง ปัสสาวะสีขุ่น และเริ่มมีผื่นขึ้นที่ใบหน้าแถวระหว่างคิ้ว แขนขา ลำตัว จากนั้นผู้ป่วยจึงไปเข้าระบบคัดกรองที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งผู้ป่วยมีอาการและมีประวัติสัมผัสเสี่ยงที่เข้าได้กับโรคฝีดาษวานร จึงได้แยกผู้ป่วยไปที่ห้องตรวจแยกโรคที่จัดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ และได้ทำการเก็บสิ่งส่งตรวจจากตุ่มหนอง คอหอย และเลือด ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมกับรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยแยกโรค แรงดันลบ (AIIR) และผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง ยืนยันว่ามีการติดเชื้อฝีดาษลิง
ซึ่งขณะนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย อยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ และสังเกตอาการพร้อมกักตัว 21 วัน แต่โรคดังกล่าวไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ และมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สามารถใช้ได้กับโรคดังกล่าว ด้วยการหมั่นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง กินอาหารปรุงสุก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง หรือผู้ป่วยต้องสงสัย
https://siamrath.co.th/n/369348