JJNY : ดร.พิพัฒน์ ชี้ศก.ไทยน่าห่วง│‘นพดล’ค้านแก้รธน.ใช้บัตรใบเดียว│ทีมศก.เพื่อไทยอัดนายกฯ│ซัดประยุทธ์ทำราคาลำไยดิ่งเหว

ดร.พิพัฒน์ ชี้เศรษฐกิจไทยน่าห่วง หลายประเทศกำลังแย่ ส่อกระทบส่งออก
https://www.prachachat.net/finance/news-993618

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
 
“ดร.พิพัฒน์” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP ชี้เศรษฐกิจสหรัฐติดลบ 2 ไตรมาสตอนนี้ยังไม่เข้าข่ายถดถอย ลั่นมองไปข้างหน้าน่าห่วงกว่า เหตุหลายประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยกำลังแย่ อาจกระทบการฟื้นตัว
 
วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) โพสต์เฟซบุ๊ก  “Pipat Luengnaruemitchai” ถึงประเด็นว่าสหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วจริงหรือ ? โดยชี้ว่าตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐออกมาที่ -0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลังจากที่ GDP ในไตรมาส 1 ติดลบมาแล้ว 1.6%
 
ซึ่งสาเหตุสำคัญ คือ การติดลบของการลงทุน รวมถึงการลดลงของสินค้าคงคลัง และการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาครัฐ หลังเริ่มมีการถอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่การบริโภคและการส่งออกยังโตได้ดี แต่ก็มีสัญญาณชะลอตัวลงมา
 
โดยหลายคนบอกว่า เพราะเศรษฐกิจติดลบติดกัน 2 ไตรมาส นี่คือตัวบอกเหตุว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เริ่มถดถอยลง หรือที่บอกว่า #TechnicalRecession ไปแล้ว แต่บางคนเถียงว่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจและการบริโภคจะเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง แต่ความรู้สึกไม่ได้แย่ขนาดว่าอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเลย ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง อัตราการว่างงานแค่ 3.6% ต่ำกว่าในอดีตมาก
 
ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทุก ๆ หนึ่งคนที่กำลังหางานอยู่ มีตำแหน่งงานเปิดอยู่ 2 ตำแหน่ง และค่าจ้างยังเพิ่มขึ้นอยู่เลย จะเรียกว่าเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างไร และในอดีตไม่เคยมีครั้งไหนที่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยไม่เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น และตอนนี้ผู้คนยังจับจ่ายใช้สอยแม้เศรษฐกิจจะเริ่มมีแนวโน้มชะลอก็ตาม ?? บางคนบอกว่าถ้าใช่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ จะเรียกว่า “Jobful Recession” ก็ไม่ผิด (ล้อไปกับ Jobless Recovery เมื่อหลายปีก่อน) 
 
แต่ต้องบอกว่าตัวเลข GDP เป็น production concept ใช้วัดมูลค่าของสินค้าและบริการที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ จึงอาจจะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างความรู้สึก อุปสงค์ การใช้จ่ายของเอกชน และการจ้างงาน ได้ โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นจากการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน มีการผลิตสินค้าเพื่อทดแทนสินค้าคงคลังมาก่อนหน้านี้ และการผลิตเริ่มลดลง การเริ่มเปลี่ยนการใช้จ่ายจาก “สินค้า” ไปหา “บริการ” ที่มีการจ้างงานสูงกว่าและมีประสิทธิภาพต่ำกว่า 
 
ในสหรัฐมีคณะกรรมการที่ทำหน้าที่บอกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มขึ้นแล้วหรือยัง นั่นคือ Business Cycle Dating Committee ของ National Bureau of Economic Research หรือ NBER ซึ่งบอกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยหมายถึงภาวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่อหลายภาคส่วนในเศรษฐกิจ และกินเวลามากกว่า 2- 3 เดือน (a significant decline in economic activity that is spread across the economy and lasts more than a few months.”)
 
แปลว่าต้องมีทั้งมิติของความลึก ความกว้าง และระยะเวลา ภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวน้อย ๆ จำกัดแค่ไม่กี่ภาคส่วนหรือเกิดขึ้นแป๊บเดียว อาจจะไม่เรียกว่า recession ก็ได้ และ NBER ก็ไม่ได้ดูแค่ตัวเลข GDP อย่างเดียว แต่ดูรายได้ครัวเรือน การจ้างงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภค และยอดขายด้วย ตั้งแต่ปี 1948 เป็นต้นมา
 
ถ้าเกิด GDP หดตัวติดกัน 2 ไตรมาส NBER ก็ประกาศช่วงนั้นว่าเป็น recession ทุกที แม้ว่าจะไม่ได้เริ่มในช่วงที่ GDP เริ่มหดตัวก็ตาม และมีบางครั้งที่ประกาศว่าเป็น recession แม้จะไม่ได้มี GDP หดตัวติดกัน 2 ไตรมาสก็ตาม (เช่น ปี 2001 หลัง dotcom) และ NBER มักจะประกาศว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากผ่านเวลาไปสักระยะหนึ่งแล้ว นั่นคือกว่ามา confirm ว่าใช่ก็สายไปเสียแล้ว
 
“อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่หดตัวในครึ่งปีแรกยังไม่น่าเข้าข่ายของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างที่ว่า แต่มองไปข้างหน้านี่สิน่าเป็นห่วง ทั้งเงินเฟ้อที่เป็นตัวชะลอเศรษฐกิจอย่างดี อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาสินทรัพย์ที่ปรับลดลงจะกลายเป็นเบรกที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยจริง ๆ ได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ?? แต่ที่น่าห่วงคือเราอาจจะเห็นภาวะที่เรียกว่า #SynchronizedRecession ได้เลย
 
เพราะยุโรปก็กำลังเจอปัญหาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ซึ่งถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นมีโอกาสที่สำรองก๊าซจะหมดในช่วงปลายปี ญี่ปุ่นก็กำลังลุ่ม ๆ ดอน ๆ จีนก็น่าจะกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่แล้วจาก zero Covid policy และปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ ถ้าปลายปียังไม่ฟื้นเราอาจจะเห็นเศรษฐกิจใหญ่ ๆ ที่เป็นมากกว่าครึ่งของตลาดส่งออกเราอ่อนเปลี้ยไปพร้อม ๆ กัน แม้ไทยจะเพิ่งเริ่มฟื้น แต่ถ้าเศรษฐกิจภายนอกแผ่ว การฟื้นตัวของเราก็คงลำบาก เตรียมใส่เข็มขัดนิรภัยกันไว้ดี ๆ ครับ” ดร.พิพัฒน์ระบุ

https://www.facebook.com/lpipat/posts/pfbid0T7J6U17wPkCif9QcEYJG57ST8eoWv3tvYvDEki8DE5cXrv8fqFgiV7oo8ksiJH3Kl
  


‘นพดล’ ค้านแก้รธน.กลับไปใช้บัตรใบเดียว-เชื่อแค่โยนหินถามทาง
https://www.dailynews.co.th/news/1301828/

"นพดล ปัทมะ" ค้านแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียว เชื่อแค่โยนหินถามทาง คิดได้แต่ทำยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา 
 
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจมีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรใบเดียวว่า น่าจะเป็นการโยนหินถามทางหรือความคิดที่โยนในวงสนทนา ถ้าผลักดันจริงคงสำเร็จยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ฟังเสียงนักการเมืองหลายพรรคไม่เห็นด้วย และตนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นการกลับไปกลับมา เพราะเพิ่งจะแก้รัฐธรรมนูญมาใช้บัตร 2 ใบ ยังไม่ได้ใช้ แต่จะแก้กลับไปใช้บัตรใบเดียวได้อย่างไรไร้เหตุผล เสียงส่วนใหญ่ในสังคมทราบแล้วว่าการเลือกตั้งบัตรใบเดียวมีปัญหา ทำให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ เกิดการต่อรองทางการเมืองอย่างที่เห็น บัตรใบเดียวบีบให้ประชาชนเลือก ทั้งคนและพรรค การคำนวณผลการเลือกตั้งยุ่งยาก และทำให้ไม่มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ประชาชนเสียประโยชน์
 
“แนวคิดการกลับไปใช้บัตรใบเดียวแม้คิดได้ แต่ทำยาก เป็นความคิดล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ละเลยความต้องการของประชาชน ละเลงปัญหาการเมืองเพิ่ม ดังนั้นควรลด ละ เลิกแนวคิดที่จะเอาเปรียบทางการเมืองได้แล้ว ประเทศนี้มีเรื่องที่เป็นสาระต้องทำอีกมาก” นายนพดล กล่าว
 


ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย อัดนายกฯ ยังสับสนท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_382396/
 
ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย อัดนายกฯยังสับสน ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว แนะเร่งทำการตลาด ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีหนี้สิน
 
นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการท่องเที่ยว ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังสับสนและยังเข้าใจผิด คิดไปเองว่าบริหารการท่องเที่ยวได้ดี ทั้งที่ล้มเหลว ว่า การท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าจะต้องฟื้นมากกว่านี้ ขนาดนายกสมาคมการท่องเที่ยวยังบ่นและเรียกร้องให้รัฐบาลต้องทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวหนักกว่านี้
 
ทั้งนี้ หลังจากวิกฤตการณ์โควิด การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวดีนักนักท่องเที่ยวยังน้อย แต่รัฐบาลกลับมีแนวคิดย้อนแย้งที่จะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศคนละ 300 บาท และก็ถูกตำหนิอย่างรุนแรง
 
จึงต้องเลื่อนมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ยกเลิก ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเพิ่งออกมาตรการให้คนไทยไปเที่ยวและสามารถนำมาหักภาษีได้ ซึ่งสับสนมาก แล้วจะไปคิดค่าเหยียบแผ่นดินทำไม พอถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องการเก็บเหยียบแผ่นดินนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปฏิเสธว่าไม่เก็บแน่
 
ซึ่งหากจริงก็น่าจะต้องประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการไปเลย ไม่ใช่ยังปล่อยให้สับสนแบบนี้อยู่ หากพล.อ.ประยุทธ์ เชื่อและทำตามคำแนะนำของคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแต่แรก
  
นักท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะเข้ามามากกว่านี้แล้ว และเศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นตัวมากกว่านี้ เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นการ ฟื้นเศรษฐกิจที่เร็วและได้ผลมากสุด อยากให้พล.อ.ประยุทธ์
 
เร่งทำการตลาดการท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามามากขึ้น และเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาจากภาวะวิกฤตโควิด และต้องไม่ออกมาตรการอะไรที่ไม่ฉลาดและอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเร่งฟื้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่