ล้มลุกคลุกคลาน หัวเราะบ้างร้องไห้ก็บ่อย แต่ที่ยังคงอยู่ได้ มิใช่เพราะอะไร ก็เพราะแฟนคลับทุกๆคนนั่นเอง

จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ

ในบริบทของการเป็นวงน้องสาวในเครือ 48 ซึ่งมีวงพี่อย่าง BNK48 ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีของวง CGM48 ไม่ได้มีกิมมิคแค่ว่ามีฐานที่มั่นเป็นเชียงใหม่ หรือแค่การสอดแทรกภาษาและวัฒนธรรมภาคเหนือ ทว่าเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดด พร้อมๆ กับมิตรภาพอันแน่นแฟ้น

บทเพลง Mae Shika Mukanee ถูกปล่อยมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2565 นับเป็นซิงเกิลที่ 4 ที่สะท้อนเรื่องราวของเส้นทางที่สมาชิกทุกคนในวงไอดอลนี้ร่วมเดินทางกันมา ผ่านอุปสรรค ขวากหนาม รอยยิ้ม คราบน้ำตา ความล้มเหลว และความสำเร็จ ที่อีกไม่นานจะมีบทเพลงลำดับถัดไปเกิดขึ้นมาให้แฟนได้ฟังกัน แต่เส้นทางชีวิตของพวกเธอยังต้องไปต่อ

จากภาพลักษณ์น่ารักสดใส ฟอร์จูน CGM48 หรือ ปัณฑิตา คูณทวี เซ็นเตอร์ของเพลง “Mae Shika Mukanee” บอกว่า การเดินทางอันยาวนานทำให้พวกเธอโตเป็นสาว เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซิงเกิลที่ 4 จึงบอกเล่าถึงโมเมนต์นี้

“เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่นๆ ที่ผ่านมา เมื่อก่อนอาจจะน่ารักสดใส แต่ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น บวกกับมีความร็อคเข้าไปด้วย ดูเป็น CGM48 ที่โตขึ้น”

นีนี่ CGM48 หรือ พิชญาภา สุปัญญา บอกว่าถ้าสังเกตความเป็นร็อคในเพลงนี้จะยิ่งบ่งบอกว่าพวกเธอโตขึ้นแล้ว มีความเท่ขึ้น ดุดัน จริงจัง ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก

อย่างที่รู้กันดีว่าภาพของวงไอดอล โดยเฉพาะตระกูล 48 ในประเทศไทย จะค่อนข้างไปทางน่ารักสดใส แต่เบื้องหลังของความสดใสที่ทุกคนเห็นนั้นมีอุปสรรคมากมายที่พวกเธอต้องข้ามผ่าน คนิ้ง CGM48 หรือ วิทิตา สระศรีสม เล่าว่าเพลง “Mae Shika Mukanee” เปรียบเหมือนการส่งกำลังใจให้กันและกัน เพราะการเป็น “CGM48” ไม่ได้ง่ายและราบรื่น พวกเธอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่พวกเธอไม่มีวันลืม

“ต่อไปเราอาจไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปอยู่แล้ว แต่พวกเราก็ยังคิดถึงกันได้ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีของพวกเรา”

ลาติน CGM48 หรือ พิมพ์นารา ร่ำรวยมั่นคง เปิดเผยถึงการได้เป็นเซ็มบัตสึครั้งแรก ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน และพยายามมาตลอดไม่แตกต่างจากเพื่อนๆ

“ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาก็ตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่าทำไมไม่เป็นเราบ้าง แต่ตั้งแต่เปลี่ยนทัศนคติก็รู้สึกสนิทกับทุกคนมากขึ้น รู้สึกว่าที่นี่เป็นครอบครัวจริงๆ ได้เปิดอกคุยกัน ทำให้คำถามที่เราตั้งมา เรามองข้ามมันไปเลย เราสนุกกับมัน แล้วก็แฮปปี้ที่จะอยู่ตรงนี้มากๆ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้วหนูก็มี CGM48 ที่เป็นครอบครัวของหนู”

ในทางกลับกัน ขณะที่หลายคนรอคอยโอกาสจนแทบจะหมดไฟ แต่กับบางคนการได้รับโอกาสมากกลับกลายเป็นดาบสองคม “คนิ้ง CGM48” ยอมรับว่าเธอคือหนึ่งในนั้นที่ได้รับโอกาสมากมาย ทั้งที่ตัวเองยังตั้งคำถามเลยว่า พร้อมจะรับโอกาสนี้แล้วจริงหรือไม่

“อุปสรรคสำหรับหนูน่าจะเป็นการได้รับโอกาสเยอะ ทำให้บางครั้งเรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้พร้อมรับโอกาสนั้น แต่เขาก็ให้เรามาแล้ว ก็เลยลองเปลี่ยนมุมมองว่าในเมื่อเราได้โอกาสมาแล้วเราก็ใช้เวลานั้นไม่ใช่ทำให้ดีที่สุด แต่ใช้เวลานั้นเพื่อฝึกขึ้นไปเรื่อยๆ ให้เรามั่นใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าต้องมีอยู่แล้วที่บางคนบอกว่าทำไมถึงยังไม่พร้อม ทั้งๆ ที่เขาให้โอกาสแล้ว แต่ถ้าหนูฝึกไปเรื่อยๆ น่าจะดีขึ้นค่ะ ก็เลยเป็นการใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้”

หนึ่งในความรู้สึกที่ต้องมีแน่นอนตลอดสามปีมานี้ คือความเศร้า เสียใจ ผิดหวัง ที่ถ้าหากถามพวกเธอว่าที่ผ่านมาตั้งแต่มีนามสกุล CGM48 ต้องแลกมาด้วยน้ำตามากแค่ไหน คำตอบต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่ “ฟอร์จูน CGM48” อาสาตอบคำถามว่า “ถ้ารวมกันน่าจะสามแทงค์ใหญ่ๆ”

ซึ่งน้ำตาที่เสียไปไม่ได้มาจากความรู้สึกเศร้าเสียใจของตัวเองเท่านั้น แม้แต่การที่ต้องเห็นเพื่อนๆ ร้องไห้ คนอื่นๆ ก็พร้อมจะร้องไห้ไปพร้อมกันแล้ว “ลาติน CGM48” อธิบายว่าเหมือน CGM48 เป็นคนๆ เดียวกันไปแล้ว

อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/.../lifestyle.../1017836




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่