สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
สรุปสั้นๆ ปชก เพิ่มมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย นำเข้าสินค้ามาก
รวมถึงน้ำมันดิบ ก่อปัญหาขาดดุลงบประมาณสูง การฟิกซ์ค่าเงินในอดีต
และความขัดแย้งในภูมิภาค ทำให้การท่องเที่ยวแย่หนักลง
******************************************
อียิปต์ เคยร่ำรวย มีรายได้ต่อปชก สูงกว่าไทยอีกครับ
เมื่อ 60 ปีที่แล้ว คนอียิปต์มีรายได้ต่อหัวมากกว่าคนไทย ... 1.5 เท่า
ปี 1960 คนอียิปต์ มีรายได้ต่อหัวต่อปี 3,160 บาท
ในขณะที่คนไทยมีรายได้ต่อหัวต่อปีเพียง 2,140 บาท
มีรายได้จาก .. การท่องเที่ยว
ภาคการขนส่งก็เป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้ประเทศนี้ถึงปีละ 180,000 ล้านบาท
ด้วยทำเลที่ตั้งของอียิปต์ ที่เป็นจุดเชื่อมระหว่าง 3 ทวีป คือ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
จึงเป็นที่ตั้งของ “คลองสุเอซ” ที่ช่วยลัดเส้นทางเดินเรือระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย
อียิปต์ยังมีแหล่งทรัพยากรสำคัญ คือ .. “น้ำมันดิบ”
บริเวณอ่าวสุเอซ และคาบสมุทรไซนายทางตะวันออกของประเทศ
แต่... เศรษฐกิจของอียิปต์กลับไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร
จนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัว ... น้อยกว่าคนไทยถึง 3 เท่า
ปี 2018 คนไทยมีรายได้ต่อหัวต่อปี 216,900 บาท
ส่วนคนอียิปต์มีรายได้ต่อหัวต่อปีเพียง 77,650 บาท
สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง ...
ประการแรก .. คือ เหตุผลที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด ก็คือ จำนวนประชากร
ในปี 1960 ไทยมีประชากร 27.4 ล้านคน พอๆ กับประชากรอียิปต์ที่มีอยู่ 27 ล้านคน
แต่เมื่อถึง
ปี 2018 ไทยมีประชากร 69 ล้านคน
ในขณะที่ประชากรอียิปต์พุ่งสูงถึง 98 ล้านคน
แม้อียิปต์จะมีพื้นที่กว่า 1,010,000 ตารางกิโลเมตร
แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ 96% คือทะเลทรายอันแห้งแล้ง
พื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำการเกษตร มีเพียง 38,000 ตารางกิโลเมตร
อยู่บริเวณริม 2 ฝั่งแม่น้ำ และดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นก็คือ
ผลผลิตจากการเพาะปลูกภายในประเทศไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูประชากร..
อียิปต์จำเป็นต้องนำเข้า อาหารหลัก โดยเฉพาะ ข้าวสาลีจากต่างประเทศ
คิดเป็นมูลค่าถึง 80,000 ล้านบาท ในปี ค.ศ. 2017
ยังไม่รวมสินค้านำเข้าประเภทอื่นๆ ทั้งอาหาร สินค้าอุตสาหกรรม ยา และยานยนต์
แม้อียิปต์จะมีแหล่งน้ำมันดิบ ซึ่งสามารถผลิตได้วันละ 666,000 บาร์เรลต่อวัน
แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มาก ชาวอียิปต์บริโภคน้ำมันถึงวันละ 800,000 บาร์เรล
จนกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานในที่สุด
ประการที่ 2 ... การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือ Fixed Exchange Rate
เมื่อมีสินค้านำเข้ามาก
แต่ ภาคการส่งออกของอียิปต์กลับไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 - ค.ศ. 1989 เป็นช่วงที่รัฐบาลอียิปต์ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
ค่าเงินถูกตรึงไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 0.4 ปอนด์อียิปต์
การที่ค่าเงินถูกตรึงให้คงที่เป็นระยะเวลานาน ทำให้มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง
ส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกกว่าความเป็นจริง
ในขณะที่ภาคการส่งออกกลับดูแพงในสายตาต่างประเทศ
เมื่อผู้ส่งออกขาดความสามารถในการแข่งขันเรื่องค่าเงิน
ประกอบกับรัฐบาลมุ่งเน้นแต่การแปรรูปกิจการเอกชนให้เป็นรัฐวิสาหกิจ
และไม่สนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน
อียิปต์จึงขาดดุลการค้าต่อเนื่องเป็นระยะเวลาติดต่อกันกว่า 58 ปี
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 จนถึงปี ค.ศ. 2018
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย .. เมื่อค่าเงินอ่อนลง สินค้าจึงมีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ “ภาวะเงินเฟ้อ”
อัตราเงินเฟ้อปี 2016 อยู่ที่ระดับ 10.2%
อัตราเงินเฟ้อปี 2017 อยู่ที่ระดับ 23.5%
อัตราเงินเฟ้อทำให้ประชาชนระดับล่างประสบความลำบากมาก
มีผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 32.5% ของประชากรทั้งประเทศ
ประการที่ 3 ... ทำเลที่ตั้ง
อียิปต์ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ระหว่าง 3 ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
แม้จะเป็นผลดีต่อภาคการขนส่ง
แต่ กลับทำให้อียิปต์ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอล กับชาติอาหรับ
ประชากรส่วนใหญ่ของอียิปต์มีเชื้อสายอาหรับ
และอียิปต์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มสันนิบาตอาหรับ หรือ Arab League
ซึ่งมีสมาชิก 22 ประเทศ
ด้วยปัญหาความขัดแย้งในเรื่องพรมแดนกับอิสราเอล
อียิปต์จึงเป็นผู้นำชาติอาหรับในการทำสงครามกับอิสราเอล ทำให้ต้องนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาลในช่วงสงคราม
ในช่วงปี ค.ศ. 1968 - ค.ศ. 1978 ซึ่งความขัดแย้งปะทุหนัก
งบประมาณการทหารของอียิปต์ มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP
โดยในปี 1974 ช่วงหลังสงครามยมคิปปูร์ งบประมาณการทหารของอียิปต์มีสัดส่วนถึง 16.7% ของ GDP
ถึงแม้สงครามจะจบลงด้วยการเจรจาสันติภาพในปี ค.ศ. 1978
แต่ รายจ่ายเหล่านี้ ทำให้รัฐบาลอียิปต์ขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก
หนี้สาธารณะของประเทศจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา
เมื่อรวมกับการที่ต้องกู้เงินจาก IMF เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินปอนด์อียิปต์
หนี้สาธารณะของอียิปต์จึงค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นจนมีระดับ 90% ของ GDP ในปี ค.ศ. 2017
นอกจากในเรื่องความขัดแย้ง ทำเลที่ตั้งยังทำให้อียิปต์ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อาหรับสปริง
ซึ่งเป็นการเดินขบวนประท้วงในโลกอาหรับ เพื่อโค่นล้มอำนาจของผู้นำเผด็จการ
อาหรับสปริงมีจุดเริ่มต้นในประเทศตูนิเซีย ซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ
ไล่มาจนถึงการปฏิวัติอียิปต์ในปี 2011
การปฏิวัติอียิปต์โค่นล้มอำนาจของ ฮุสนี มุบาร็อก
ให้ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ครองมายาวนานเกือบ 30 ปี
ความวุ่นวายจากการประท้วงและการปฏิวัติ
ทำให้การท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญกว่า 16.7% ของ GDP อียิปต์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนอียิปต์ มีจำนวน 14.7 ล้านคน ในปี 2010 ก่อนการปฏิวัติ สร้างรายได้ให้อียิปต์ 375,000 ล้านบาท
ก่อนที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงกว่า 37 % ในปีถัดมา
ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ไม่เคยกลับไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย จนถึงปี 2018..
การท่องเที่ยวซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศติดลบอย่างหนัก
พ่วงด้วยการขาดดุลการค้า หนี้สาธารณะที่สูง
และเสถียรภาพของค่าเงินปอนด์อียิปต์ที่ย่ำแย่
เครดิต https://www.longtunman.com/20222
รวมถึงน้ำมันดิบ ก่อปัญหาขาดดุลงบประมาณสูง การฟิกซ์ค่าเงินในอดีต
และความขัดแย้งในภูมิภาค ทำให้การท่องเที่ยวแย่หนักลง
******************************************
อียิปต์ เคยร่ำรวย มีรายได้ต่อปชก สูงกว่าไทยอีกครับ
เมื่อ 60 ปีที่แล้ว คนอียิปต์มีรายได้ต่อหัวมากกว่าคนไทย ... 1.5 เท่า
ปี 1960 คนอียิปต์ มีรายได้ต่อหัวต่อปี 3,160 บาท
ในขณะที่คนไทยมีรายได้ต่อหัวต่อปีเพียง 2,140 บาท
มีรายได้จาก .. การท่องเที่ยว
ภาคการขนส่งก็เป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้ประเทศนี้ถึงปีละ 180,000 ล้านบาท
ด้วยทำเลที่ตั้งของอียิปต์ ที่เป็นจุดเชื่อมระหว่าง 3 ทวีป คือ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
จึงเป็นที่ตั้งของ “คลองสุเอซ” ที่ช่วยลัดเส้นทางเดินเรือระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย
อียิปต์ยังมีแหล่งทรัพยากรสำคัญ คือ .. “น้ำมันดิบ”
บริเวณอ่าวสุเอซ และคาบสมุทรไซนายทางตะวันออกของประเทศ
แต่... เศรษฐกิจของอียิปต์กลับไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร
จนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัว ... น้อยกว่าคนไทยถึง 3 เท่า
ปี 2018 คนไทยมีรายได้ต่อหัวต่อปี 216,900 บาท
ส่วนคนอียิปต์มีรายได้ต่อหัวต่อปีเพียง 77,650 บาท
สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง ...
ประการแรก .. คือ เหตุผลที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด ก็คือ จำนวนประชากร
ในปี 1960 ไทยมีประชากร 27.4 ล้านคน พอๆ กับประชากรอียิปต์ที่มีอยู่ 27 ล้านคน
แต่เมื่อถึง
ปี 2018 ไทยมีประชากร 69 ล้านคน
ในขณะที่ประชากรอียิปต์พุ่งสูงถึง 98 ล้านคน
แม้อียิปต์จะมีพื้นที่กว่า 1,010,000 ตารางกิโลเมตร
แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ 96% คือทะเลทรายอันแห้งแล้ง
พื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำการเกษตร มีเพียง 38,000 ตารางกิโลเมตร
อยู่บริเวณริม 2 ฝั่งแม่น้ำ และดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นก็คือ
ผลผลิตจากการเพาะปลูกภายในประเทศไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูประชากร..
อียิปต์จำเป็นต้องนำเข้า อาหารหลัก โดยเฉพาะ ข้าวสาลีจากต่างประเทศ
คิดเป็นมูลค่าถึง 80,000 ล้านบาท ในปี ค.ศ. 2017
ยังไม่รวมสินค้านำเข้าประเภทอื่นๆ ทั้งอาหาร สินค้าอุตสาหกรรม ยา และยานยนต์
แม้อียิปต์จะมีแหล่งน้ำมันดิบ ซึ่งสามารถผลิตได้วันละ 666,000 บาร์เรลต่อวัน
แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มาก ชาวอียิปต์บริโภคน้ำมันถึงวันละ 800,000 บาร์เรล
จนกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานในที่สุด
ประการที่ 2 ... การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือ Fixed Exchange Rate
เมื่อมีสินค้านำเข้ามาก
แต่ ภาคการส่งออกของอียิปต์กลับไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 - ค.ศ. 1989 เป็นช่วงที่รัฐบาลอียิปต์ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
ค่าเงินถูกตรึงไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 0.4 ปอนด์อียิปต์
การที่ค่าเงินถูกตรึงให้คงที่เป็นระยะเวลานาน ทำให้มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง
ส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกกว่าความเป็นจริง
ในขณะที่ภาคการส่งออกกลับดูแพงในสายตาต่างประเทศ
เมื่อผู้ส่งออกขาดความสามารถในการแข่งขันเรื่องค่าเงิน
ประกอบกับรัฐบาลมุ่งเน้นแต่การแปรรูปกิจการเอกชนให้เป็นรัฐวิสาหกิจ
และไม่สนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน
อียิปต์จึงขาดดุลการค้าต่อเนื่องเป็นระยะเวลาติดต่อกันกว่า 58 ปี
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 จนถึงปี ค.ศ. 2018
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย .. เมื่อค่าเงินอ่อนลง สินค้าจึงมีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ “ภาวะเงินเฟ้อ”
อัตราเงินเฟ้อปี 2016 อยู่ที่ระดับ 10.2%
อัตราเงินเฟ้อปี 2017 อยู่ที่ระดับ 23.5%
อัตราเงินเฟ้อทำให้ประชาชนระดับล่างประสบความลำบากมาก
มีผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 32.5% ของประชากรทั้งประเทศ
ประการที่ 3 ... ทำเลที่ตั้ง
อียิปต์ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ระหว่าง 3 ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
แม้จะเป็นผลดีต่อภาคการขนส่ง
แต่ กลับทำให้อียิปต์ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอล กับชาติอาหรับ
ประชากรส่วนใหญ่ของอียิปต์มีเชื้อสายอาหรับ
และอียิปต์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มสันนิบาตอาหรับ หรือ Arab League
ซึ่งมีสมาชิก 22 ประเทศ
ด้วยปัญหาความขัดแย้งในเรื่องพรมแดนกับอิสราเอล
อียิปต์จึงเป็นผู้นำชาติอาหรับในการทำสงครามกับอิสราเอล ทำให้ต้องนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาลในช่วงสงคราม
ในช่วงปี ค.ศ. 1968 - ค.ศ. 1978 ซึ่งความขัดแย้งปะทุหนัก
งบประมาณการทหารของอียิปต์ มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP
โดยในปี 1974 ช่วงหลังสงครามยมคิปปูร์ งบประมาณการทหารของอียิปต์มีสัดส่วนถึง 16.7% ของ GDP
ถึงแม้สงครามจะจบลงด้วยการเจรจาสันติภาพในปี ค.ศ. 1978
แต่ รายจ่ายเหล่านี้ ทำให้รัฐบาลอียิปต์ขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก
หนี้สาธารณะของประเทศจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา
เมื่อรวมกับการที่ต้องกู้เงินจาก IMF เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินปอนด์อียิปต์
หนี้สาธารณะของอียิปต์จึงค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นจนมีระดับ 90% ของ GDP ในปี ค.ศ. 2017
นอกจากในเรื่องความขัดแย้ง ทำเลที่ตั้งยังทำให้อียิปต์ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อาหรับสปริง
ซึ่งเป็นการเดินขบวนประท้วงในโลกอาหรับ เพื่อโค่นล้มอำนาจของผู้นำเผด็จการ
อาหรับสปริงมีจุดเริ่มต้นในประเทศตูนิเซีย ซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ
ไล่มาจนถึงการปฏิวัติอียิปต์ในปี 2011
การปฏิวัติอียิปต์โค่นล้มอำนาจของ ฮุสนี มุบาร็อก
ให้ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ครองมายาวนานเกือบ 30 ปี
ความวุ่นวายจากการประท้วงและการปฏิวัติ
ทำให้การท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญกว่า 16.7% ของ GDP อียิปต์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนอียิปต์ มีจำนวน 14.7 ล้านคน ในปี 2010 ก่อนการปฏิวัติ สร้างรายได้ให้อียิปต์ 375,000 ล้านบาท
ก่อนที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงกว่า 37 % ในปีถัดมา
ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ไม่เคยกลับไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย จนถึงปี 2018..
การท่องเที่ยวซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศติดลบอย่างหนัก
พ่วงด้วยการขาดดุลการค้า หนี้สาธารณะที่สูง
และเสถียรภาพของค่าเงินปอนด์อียิปต์ที่ย่ำแย่
เครดิต https://www.longtunman.com/20222
แสดงความคิดเห็น
อียิปต์มีทั้งคลองสุเอซ และมหาปีรามิดและอารยธรรมอียิปต์โบราณ รายได้เข้าประเทศน่าจะเยอะ แต่ทำไมประชากรส่วนมากยังจนอยู่ครับ