เราขออนุญาตปรับเนื้อหาข้างล่างนะคะ เนื่องจากมีคำถามจากหลายท่าน ลูกสาวเราแนะนำว่าเราควรจะปรับเนื้อหาเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น จะได้ไม่เข้าใจผิดกันค่ะ
ขอเพิ่มเรื่องวัตถุประสงค์ของการโพสต์ คือ ลูกสาวเราขอให้เราโพสต์กระทู้นี้ เค้าเห็นว่าเราควรจะทำอะไรบางอย่างกับชีวิต แม่ควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ เราเคยอ่านกระทู้ในนี้บ่อย แต่ไม่เคยเข้ามาโพสต์ ลูกสาวเราเป็นคนจัดการให้ค่ะ
เริ่มจากก่อนแต่งงาน เราคบกับแฟน 3 ปี ก็แต่งงานแบบไม่จดทะเบียนสมรส ระหว่างเป็นแฟนกันเค้าดีกับเรามาก วันเกิดซื้อทองให้ ไปไหนมาไหนด้วยกันไปรับส่ง เลี้ยงข้าวตลอด (จริงเรายังไม่คิดจะแต่งนะคะอยากดูไปก่อน แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างบังคับให้เราต้องตัดสินใจแต่ไม่ขอกล่าวในรายละเอียดนะคะ) แต่พอแต่งงานกันแล้ว กลับกลายเป็นคนละคน ค่าใช้จ่ายของสองคน เราออกเป็นส่วนใหญ่ บอกไม่มีบ้าง ลืมกระเป๋าบ้าง ตอนคบกันสามีก็ขับรถของครอบครัวมารับส่ง แต่พอแต่งงานกันก็ต้องซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกลงว่าจะออกคนละครึ่ง ให้แม่สามีออกเงินสดให้ก่อน แล้วมาผ่อนทีหลัง กลับกลายเป็นว่าสามีไม่ออก แม่สามีมาทวงค่าผ่อนรถจากเราคนเดียว แต่สามีขับรถไปทำงาน เราขึ้นรถเมย์ ตอนนั้น เราก็เริ่มรู้ชะตาชีวิตตัวเองแล้ว รอเวลาระเบิดและเลิก แต่ เราดันท้องกับเค้าซะก่อน เราจึงต้องทนอยู่กับเค้าต่อไป ค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง ส่วนใหญ่เราออก สามีจะออกแต่ค่าใช้จ่ายที่มีใบเสร็จ และเห็นเป็นก้อนจะออกคนละครึ่ง เช่น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษลูกที่เป็นคอร์ส แต่ค่าใช้จ่ายประจำวันของลูก เราออกเกือบทั้งหมดซึ่งเยอะมาก ไม่ว่าจะค่าอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น ไปกินอาหารนอกบ้าน ส่วนสามีออกบ้างบางครั้ง เป็นแบบนี้เรื่อยไป ระหว่างนั้น หน้าที่การงานของทั้งสองฝ่ายค่อยๆดีขึ้น สามีจึงยอมออกค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เราจึงคิดว่าเค้าดีขึ้นแล้วมีลูกคนแรกน่าจะทำให้เค้าเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เราจึงตัดสินใจว่าจะมีลูกคนที่สอง อยู่กับเค้ายาวๆ ต่อมาเราท้องลูกคนที่สอง สามีและเราคิดจะซื้อบ้านแยกออกมาจากครอบครัวสามี เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะในหลายเรื่องกับครอบครัวเค้า เค้าพาเราไปดูบ้านหลายที่แต่ไม่ถูกใจ ส่วนเราไปถูกใจทาวโฮมที่นึง เรียกสามีพาไปแต่เค้าไม่สนใจ เราเลยไปกับพี่สาวแล้วเราก็จองเลยซื้อเองเป็นชื่อตัวเอง (เซลขายพร้อมคนเช่า เราเลยไม่ได้มีภาระมากนักแล้วอยู่บ้านสามีต่อไป) หลังจากคลอดลูกคนที่สอง ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก ก็เริ่มกลับมาจุดเดิมคือ เราออกซะส่วนใหญ่ ส่วนนึงเพราะเราเริ่มมีหน้าที่การงานดีขึ้นกว่าสามี เราก็เลยคิดว่าเราออกได้จ่ายได้ เราก็รับภาระอย่างนี้อีก งานเราก็ยิ่งหนักขึ้นอีก สภาพร่างกายเริ่มแย่มาก เพราะทั้งเลี้ยงลูกเอง และต้องทำงานดูแลลูกน้อง นอนน้อย สามีไม่ได้มาช่วยดูแลลูกเท่าไหร่ เรารับภาระเองเกือบทั้งหมด เค้ามีแค่ขับรถมาส่งตอนเช้า แต่ตอนเย็น เรารับลูกเอง ทำงานกลับดึก แบบนี้วนไปจนลูกคนโตป.5
ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้สามีชวนเราไปจดทะเบียนสมรสที่เขต (เราไม่ขอเล่านะคะว่าเกิดจากอะไรขึ้น) แต่อีกมุมเราก็คิดว่าลูกสองคนควรจะมีพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่งั้นในอนาคตอาจจะมีปัญหาต้องมารับรองบุตรด้วย จึงไปจดทะเบียนแต่โดยดี
ต่อมา เราเริ่มมีปัญหากับที่ทำงาน เพราะมีเวลาให้กับงานน้อยเกินไป การเรียนลูกสองคนเริ่มย่ำแย่ เพราะเราไม่มีเวลาดูแลเค้าเพียงพอ work life balance ทำไม่ได้เลย จึงถึงจุดที่ว่าจะออกจากงานประจำ มาหางานทำเป็นฟรีแลนด์ จะได้มีเวลาให้ลูกมีเวลาให้สุขภาพของตัวเองที่ย่ำแย่มากๆ
พอออกจากงานประจำแล้ว ชีวิตถือว่าดีขึ้นมาก มีเวลาให้ลูก มีเวลานอนเพียงพอ แต่จุดพีคคือ วันนึงสามีเราให้เราไปติดต่อโรงเรียนลูก แต่เราบอกให้เค้าไปติดต่อเอง เพราะตอนเช้าเค้าก็ไปส่งลูกอยู่แล้ว แต่เค้ากลับด่าเรา ว่าเลว และเลวมาก (ปกติเค้าไม่เคยด่าเรา) เราก็โมโหว่า เรื่องแค่นี้ ไร้สาระมากๆที่จะมาด่าเรา และสิ่งที่เราทำไปทั้งหมดมันคืออะไร เราคือคนเลวที่เลวมาก วันนั้นแหละ เรากลับบ้านเก็บของออก พาลูกสองคน ออกจากบ้านสามี ไปอยู่บ้านตัวเอง จากนั้น เราก็แยกกันอยู่กับสามี ถึงปัจจุบันก็เกือบ 3 ปี แล้ว ตอนแรก ตอนเราออกมาเค้าก็นิ่งๆไม่พูดอะไร ไม่ง้อ ไม่ขอโทษ ไม่ถามถึงค่าใช้จ่ายลูก จนกระทั้งผ่านไป ประมาณ 5 เดือน เราก็เลยลิสค่าใช้จ่ายไปทวงเค้า เค้าให้มาแค่ 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราก็เลยไม่คิดว่าเราจะไม่กลับไปแล้ว เราหาเลี้ยงลูกได้ แต่ก็แอบกังวล เราเองก็ออกมาทำงานของตัวเอง ไม่แน่นอน ไม่ได้ได้เงินเดือนประจำเหมือนแต่ก่อนแล้ว หลังจากนั้น สามีก็ติดต่อมาบอกพ่อแม่เค้าคิดถึงหลานมาก ให้พามาหาหน่อย เราเลยได้โอกาสทวงค่าใช้จ่าย จากนั้นสามียอมจ่ายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด เป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะของลูกชายคนเดียว นอกจากนั้น เราก็ออกเอง ทุกวันนี้ก็แยกกันอยู่ คุยกันบ้างเรื่องลูก การเรียนลูก พักหลังมีชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ้าง
จากที่เล่ามาทั้งหมด เราอยากขอคำแนะนำว่าเราควรจะต้องทำยังไงต่อกับชีวิต ไปต่อ หมายถึง ใช้ชีวิตแยกกันอยู่แบบนี้ แต่ยังไม่หย่า หรือพอแค่นี้ คือ หย่าจากกันและทำหน้าที่พ่อและแม่ที่ดี เปิดโอกาสให้ต่างคนต่างไปมีชีวิตใหม่ได้
มีสามีเห็นแก่ตัว ขอคำแนะนำว่าจะต้องทำยังไงกับอนาคตของตัวเองและลูก จะไปต่อหรือพอแค่นี้ อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้
ขอเพิ่มเรื่องวัตถุประสงค์ของการโพสต์ คือ ลูกสาวเราขอให้เราโพสต์กระทู้นี้ เค้าเห็นว่าเราควรจะทำอะไรบางอย่างกับชีวิต แม่ควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ เราเคยอ่านกระทู้ในนี้บ่อย แต่ไม่เคยเข้ามาโพสต์ ลูกสาวเราเป็นคนจัดการให้ค่ะ
เริ่มจากก่อนแต่งงาน เราคบกับแฟน 3 ปี ก็แต่งงานแบบไม่จดทะเบียนสมรส ระหว่างเป็นแฟนกันเค้าดีกับเรามาก วันเกิดซื้อทองให้ ไปไหนมาไหนด้วยกันไปรับส่ง เลี้ยงข้าวตลอด (จริงเรายังไม่คิดจะแต่งนะคะอยากดูไปก่อน แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างบังคับให้เราต้องตัดสินใจแต่ไม่ขอกล่าวในรายละเอียดนะคะ) แต่พอแต่งงานกันแล้ว กลับกลายเป็นคนละคน ค่าใช้จ่ายของสองคน เราออกเป็นส่วนใหญ่ บอกไม่มีบ้าง ลืมกระเป๋าบ้าง ตอนคบกันสามีก็ขับรถของครอบครัวมารับส่ง แต่พอแต่งงานกันก็ต้องซื้อรถมือสองมาคันนึง ตกลงว่าจะออกคนละครึ่ง ให้แม่สามีออกเงินสดให้ก่อน แล้วมาผ่อนทีหลัง กลับกลายเป็นว่าสามีไม่ออก แม่สามีมาทวงค่าผ่อนรถจากเราคนเดียว แต่สามีขับรถไปทำงาน เราขึ้นรถเมย์ ตอนนั้น เราก็เริ่มรู้ชะตาชีวิตตัวเองแล้ว รอเวลาระเบิดและเลิก แต่ เราดันท้องกับเค้าซะก่อน เราจึงต้องทนอยู่กับเค้าต่อไป ค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง ส่วนใหญ่เราออก สามีจะออกแต่ค่าใช้จ่ายที่มีใบเสร็จ และเห็นเป็นก้อนจะออกคนละครึ่ง เช่น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษลูกที่เป็นคอร์ส แต่ค่าใช้จ่ายประจำวันของลูก เราออกเกือบทั้งหมดซึ่งเยอะมาก ไม่ว่าจะค่าอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น ไปกินอาหารนอกบ้าน ส่วนสามีออกบ้างบางครั้ง เป็นแบบนี้เรื่อยไป ระหว่างนั้น หน้าที่การงานของทั้งสองฝ่ายค่อยๆดีขึ้น สามีจึงยอมออกค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เราจึงคิดว่าเค้าดีขึ้นแล้วมีลูกคนแรกน่าจะทำให้เค้าเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เราจึงตัดสินใจว่าจะมีลูกคนที่สอง อยู่กับเค้ายาวๆ ต่อมาเราท้องลูกคนที่สอง สามีและเราคิดจะซื้อบ้านแยกออกมาจากครอบครัวสามี เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะในหลายเรื่องกับครอบครัวเค้า เค้าพาเราไปดูบ้านหลายที่แต่ไม่ถูกใจ ส่วนเราไปถูกใจทาวโฮมที่นึง เรียกสามีพาไปแต่เค้าไม่สนใจ เราเลยไปกับพี่สาวแล้วเราก็จองเลยซื้อเองเป็นชื่อตัวเอง (เซลขายพร้อมคนเช่า เราเลยไม่ได้มีภาระมากนักแล้วอยู่บ้านสามีต่อไป) หลังจากคลอดลูกคนที่สอง ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก ก็เริ่มกลับมาจุดเดิมคือ เราออกซะส่วนใหญ่ ส่วนนึงเพราะเราเริ่มมีหน้าที่การงานดีขึ้นกว่าสามี เราก็เลยคิดว่าเราออกได้จ่ายได้ เราก็รับภาระอย่างนี้อีก งานเราก็ยิ่งหนักขึ้นอีก สภาพร่างกายเริ่มแย่มาก เพราะทั้งเลี้ยงลูกเอง และต้องทำงานดูแลลูกน้อง นอนน้อย สามีไม่ได้มาช่วยดูแลลูกเท่าไหร่ เรารับภาระเองเกือบทั้งหมด เค้ามีแค่ขับรถมาส่งตอนเช้า แต่ตอนเย็น เรารับลูกเอง ทำงานกลับดึก แบบนี้วนไปจนลูกคนโตป.5
ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้สามีชวนเราไปจดทะเบียนสมรสที่เขต (เราไม่ขอเล่านะคะว่าเกิดจากอะไรขึ้น) แต่อีกมุมเราก็คิดว่าลูกสองคนควรจะมีพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่งั้นในอนาคตอาจจะมีปัญหาต้องมารับรองบุตรด้วย จึงไปจดทะเบียนแต่โดยดี
ต่อมา เราเริ่มมีปัญหากับที่ทำงาน เพราะมีเวลาให้กับงานน้อยเกินไป การเรียนลูกสองคนเริ่มย่ำแย่ เพราะเราไม่มีเวลาดูแลเค้าเพียงพอ work life balance ทำไม่ได้เลย จึงถึงจุดที่ว่าจะออกจากงานประจำ มาหางานทำเป็นฟรีแลนด์ จะได้มีเวลาให้ลูกมีเวลาให้สุขภาพของตัวเองที่ย่ำแย่มากๆ
พอออกจากงานประจำแล้ว ชีวิตถือว่าดีขึ้นมาก มีเวลาให้ลูก มีเวลานอนเพียงพอ แต่จุดพีคคือ วันนึงสามีเราให้เราไปติดต่อโรงเรียนลูก แต่เราบอกให้เค้าไปติดต่อเอง เพราะตอนเช้าเค้าก็ไปส่งลูกอยู่แล้ว แต่เค้ากลับด่าเรา ว่าเลว และเลวมาก (ปกติเค้าไม่เคยด่าเรา) เราก็โมโหว่า เรื่องแค่นี้ ไร้สาระมากๆที่จะมาด่าเรา และสิ่งที่เราทำไปทั้งหมดมันคืออะไร เราคือคนเลวที่เลวมาก วันนั้นแหละ เรากลับบ้านเก็บของออก พาลูกสองคน ออกจากบ้านสามี ไปอยู่บ้านตัวเอง จากนั้น เราก็แยกกันอยู่กับสามี ถึงปัจจุบันก็เกือบ 3 ปี แล้ว ตอนแรก ตอนเราออกมาเค้าก็นิ่งๆไม่พูดอะไร ไม่ง้อ ไม่ขอโทษ ไม่ถามถึงค่าใช้จ่ายลูก จนกระทั้งผ่านไป ประมาณ 5 เดือน เราก็เลยลิสค่าใช้จ่ายไปทวงเค้า เค้าให้มาแค่ 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราก็เลยไม่คิดว่าเราจะไม่กลับไปแล้ว เราหาเลี้ยงลูกได้ แต่ก็แอบกังวล เราเองก็ออกมาทำงานของตัวเอง ไม่แน่นอน ไม่ได้ได้เงินเดือนประจำเหมือนแต่ก่อนแล้ว หลังจากนั้น สามีก็ติดต่อมาบอกพ่อแม่เค้าคิดถึงหลานมาก ให้พามาหาหน่อย เราเลยได้โอกาสทวงค่าใช้จ่าย จากนั้นสามียอมจ่ายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด เป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะของลูกชายคนเดียว นอกจากนั้น เราก็ออกเอง ทุกวันนี้ก็แยกกันอยู่ คุยกันบ้างเรื่องลูก การเรียนลูก พักหลังมีชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ้าง
จากที่เล่ามาทั้งหมด เราอยากขอคำแนะนำว่าเราควรจะต้องทำยังไงต่อกับชีวิต ไปต่อ หมายถึง ใช้ชีวิตแยกกันอยู่แบบนี้ แต่ยังไม่หย่า หรือพอแค่นี้ คือ หย่าจากกันและทำหน้าที่พ่อและแม่ที่ดี เปิดโอกาสให้ต่างคนต่างไปมีชีวิตใหม่ได้