JJNY : 5in1 ถกงบ3เหล่าทัพ25ก.ค.│ไข่ไก่ขึ้นแผงละ5บ.│ฮึ่ม ยื่นฟันรมต.│'พิธา'ร่วมงานคราฟต์เบียร์│รัสเซียรับแล้วโจมตีโอเดสซา

อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ถกงบ 3 เหล่าทัพ 25 ก.ค. จับตา ทอ.ซื้อเอฟ-35 กว่า 1.38 หมื่นล.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3470601

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม 409 อาคารสภาผู้แทนราษฎร คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานอนุ กมธ.คุรุภัณฑ์ฯ จะมีการพิจารณางบประมาณ ปี 2566 ของกระทรวงกลาโหม โดยจะมีการพิจารณางบประมาณของ 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
 
นายยุทธพงศ์กล่าว่า ปีนี้จะมีรายการพิจารณาที่จะต้องจับตาดูเป็นพิเศษ คือ กองทัพอากาศ จะมีการขอซื้อเครื่องบินรบทางยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่น F-35A จำนวน 4 ลำ มูลค่า 13,800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการตั้งงบประมาณการจัดซื้ออาวุธที่จะต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะเป็นการใช้เงินมหาศาล ท่ามกลางวิกฤตทางเศรษฐกิจหนี้ท่วมประเทศ แต่กองทัพอากาศยังเดินหน้าจัดซื้อเครื่องบินรบราคาแพง ขณะที่ยังไม่ทราบว่า สภาคองเกรสจะยอมขายเครื่องบินให้หรือไม่


 
ผู้บริโภคกระอัก!! ไข่ไก่ขึ้นราคาแผงละ 5 บาท มีแนวโน้มจ่อขึ้นเพิ่มอีก
https://siamrath.co.th/n/367736
  
ผู้ประกอบการค้าไข่ไก่สดในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เผยสถานการณ์การขึ้นราคาไข่ไก่ ที่มีการปรับราคาขึ้น 2 ครั้ง เพิ่มอีก 5 บาทต่อแผง ช่วงเดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะมีการขึ้นราคาอีก 6 บาทต่อแผง แบบคละขนาด ขณะที่ผู้ค้าในพื้นที่อำเภอเบตงจังหวัดยะลายังตรึงราคาไว้ก่อนขึ้นเพียงแผงละ 5บาท เนื่องจากเห็นใจผู้บริโภคพึ่งฟื้นตัว
 
วันที่ 24 ก.ค.65 บรรยากาศการค้าขายตามร้านขายไข่ไก่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกและค้าส่ง วัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารในพื้นที่อำเภอเบตง  ยังคงมีบรรยากาศที่คึกคักต่อเนื่อง ทั้งผู้ค้ารายย่อย ร้านอาหาร ภัตตาคาร ต่างๆมาจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่ต้นทุนหลักอย่างไข่ไก่มีราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้ประกาศขึ้นครั้งละ 5 บาท ถึง 2 ครั้ง รวมขึ้นไปแผงละ 10 บาท ทำให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเดือดร้อนจากราคาและต้นทุนที่สูงขึ้น แม้ราคาน้ำมันปาล์มวัตถุดิบสำคัญจะปรับราคาลงเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็ตาม        
 
อย่างไรก็ตามไข่ไก่ยังจำเป็นสำหรับการบริโภคในครัวเรือน แม้ราคาจะปรับสูงขึ้นแต่ประชาชนจำเป็นต้องซื้อหาติดบ้านไว้เพราะความจำเป็นในยุคนี้ เพราะสินค้าทุกอย่างปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ด้าน เจ้าของ ร้านค้าไข่ไก่ในอำเภอเบตง เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่ในช่วงเดือนนี้ ทางเครือข่ายสหกรณ์ฯ มีการปรับราคาขึ้นมาถึง 2 ครั้ง เป็นขึ้นแบบคละแผง ถึงแผงละ 10 บาท และหลังสุดจะมีการประกาศขึ้น 20 สตางค์ต่อฟอง หรือแบบคละแผงละ 6 บาท แต่ต้องรอประกาศราคากลางจากเครือข่ายสหกรณ์ฯ ก่อนเท่านั้น
 
สำหรับราคาขายไข่ไก่หน้าร้านวันนี้ ที่ร้านไข่ดีช็อป  โดยไข่ไก่ขนาดจัมโบ้ แผงละ 135 บาท เบอร์ 0 แผงละ 130 บาท เบอร์ 1 แผงละ 125 บาท เบอร์ 2 แผงละ 120 บาท เบอร์ 3 แผงละ115 บาท และเบอร์ 4 แผงละ110 บาท
 
ทั้งนี้หากมีการปรับราคาไข่ไก่ขึ้นอีก 6 บาทต่อแผง ผู้บริโภคลำบากแน่นอน ทางร้านจึงตรึงราคานี้ไว้ก่อนขึ้นเพียงแผงละ 5 บาทเท่านั้น เพื่อให้คนซื้อปรับตัวได้เพราะพึ่งฟื้นตัวจากการระบาดโควิด-19  รวมทั้งสินค้าที่จำเป็นอย่างอื่นก็ปรับราคาขึ้นเช่นกันจึงเห็นใจผู้บริโภคจึงปรับราคาขึ้นเพียงเท่านี้ หากปรับราคาขึ้นอีกเหมือนเป็นการซ้ำเติมผู้บริโภค


 
ฝ่ายค้าน ฮึ่ม ยื่นปปช.ฟัน รมต. ขย่ม ส.ส.รัฐบาล อยากเปลี่ยนตัว 'มท.1'
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7178573

“ชลน่าน” ยื่น ปปช.สอบ รมต.ตามหลังแน่ เชื่อ ส.ส.อยากเปลี่ยนตัว “บิ๊กป๊อก” ออกจากตำแหน่ง มท.1 ด้าน “สมคิด” เขย่าต้องเปลี่ยนนานแล้ว
   
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุจะมีการยื่นตรวจสอบรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากนี้ ว่า ตามข้อกล่าวหาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 11 คน สามารถยื่นตรวจสอบต่อเนื่องได้เกือบทุกคน ในประเด็นละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ 
 
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สอง คือ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม ที่จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประเด็นที่สาม คือ กระทำผิดกฎหมาย จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และประเด็นที่สี่ คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่อทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง นี่คือประเด็นหลักที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช.
 
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนจะยื่นใครบ้างนั้น คงต้องนำคำอภิปรายของแต่ละพรรคมาหารือกันอีกครั้ง ประเด็นไหนพรรคใดเป็นเจ้าภาพก็คงให้พรรคนั้นยื่นร่วมกัน แต่ถ้าประเด็นไหนอภิปรายร่วมกันทั้งหมดก็จะยื่นในนามพรรคร่วม ในส่วนของพรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาเขียนคำร้อง เพราะยื่นไปแล้วต้องเป็นประเด็นที่สังคมได้ประโยชน์
 
นพ.ชลน่าน กล่าวกรณีผลโหวตที่คะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีมากกว่าคนอื่น ว่า ผลการโหวตไม่ไว้วางใจที่มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกลุ่มหนึ่ง ไม่ไว้วางใจ รมว.มหาดไทยกระโดดออกมานั้น ปกติพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำจะคุมเสียงตัวเองให้เด็ดขาด เสียงที่แตกมาเป็นกลุ่มจังหวัดเช่นนี้ เกิดจากการคุมเสียงไม่ได้ หรือได้รับสัญญาณจากคนที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้พรรคเขาคงต้องไปสอบกันดู
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนวัตถุประสงค์เกิดจากอะไรก็พอจะวิเคราะห์ได้ เช่น ต้องการเปลี่ยนตัว รมว.มหาดไทย หรือต้องการส่งสัญญาณให้ชัดว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ดูแล ส.ส.เลยต้องแสดงออกมาเพื่อบอกกล่าวเตือน ต่อรองผลประโยชน์ ทราบว่า พล.อ.อนุพงษ์ ก็ออกมายอมรับจะปรับปรุงตัว ต้องจับตาดูว่าจะเป็นการปรับปรุงตัวเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมหรือพวกพ้อง
 
ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คะแนนที่ออกมาสะท้อนว่า ส.ส.รัฐบาลจำนวนหนึ่ง ไม่ยอมรับการบริหารของ พล.อ.อนุพงษ์ อย่างชัดเจน ซึ่งมีข่าวมาตลอดว่าจะไม่ยกมือให้ก็เป็นตามนั้น เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องย้อนมองตัวเองว่า ที่ผ่านมาทำอะไรไว้และทำงานอย่างไร รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่อุ้มพล.อ.อนุพงษ์มาตลอด พิจารณาว่าการให้ พล.อ.อนุพงษ์ นั่งรมว.มหาดไทย 8 ปี เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ที่สำคัญวันนี้กระทรวงมหาดไทยสนองตอบพล.อ.อนุพงษ์คนเดียว ทั้งปลัด อธิบดี ผู้ว่าราชการจัดหวัด
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวการขย่ม พล.อ.อนุพงษ์ เพราะต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปเป็น รมว.มหาดไทย นายสมคิด กล่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทำอะไรกันอยู่ กลัวอะไรกันอยู่ ถึงไม่แสดงท่าทีให้ชัดก่อนหน้านี้ การจะเปลี่ยนใครไม่ว่า แต่ควรเปลี่ยนได้นานแล้ว เพราะผลงานที่ออกมาไม่มีให้เห็น อยู่ในตำแหน่งมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นตำแหน่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เพื่อต่างตอบแทนเท่านั้นเอง ส.ส.พลังประชารัฐควรตื่นได้แล้ว เพราะเวลาเลือกตั้งใกล้มาถึง จะรีบทำอะไรก็รีบทำ


 
'พิธา' ร่วมงานคราฟต์เบียร์ ยันเดินหน้าสู้ต่อเพื่อปลดแอกสุราคนไทย
https://prachatai.com/journal/2022/07/99665
 
'พิธา' ร่วมงานคราฟต์เบียร์ ขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและต่อสู้เพื่อผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าจนสำเร็จผ่านการพิจารณาวาระแรก เพื่อเดินหน้าทลายทุนผูกขาด ปลดล็อกศักยภาพเบียร์ฝีมือคนไทย
 
24 ก.ค. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าวานนี้ (23 ก.ค.) ที่ชั้น 2 อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า จัดงาน B.A.D. BEER ครั้งที่ 2  มหกรรมคราฟต์เบียร์รวมเบียร์ฝีมือคนไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก มีทั้งแบรนด์เบียร์ ร้านอาหารร่วมออกบูธ
 
ภายในงานมีการออกบูธเบียร์-สุราชุมชนที่มีแบรนด์ถูกกฎหมาย รวมถึงจัดทำเวิร์คช็อป ชิม เบียร์-อาหาร โดยมี ส.ส. พรรคก้าวไกล เท่าพิภพ ลิมจิตกร เป็นวิทยากร โดยประชาชนและนักดื่มนักต้มเบียร์ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก
 
ในช่วงท้ายของกิจกรรม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวที่งาน โดยร่วมขึ้นปราศรัย ขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและต่อสู้เพื่อผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า จนสำเร็จผ่านการพิจารณาในวาระแรก เพื่อเดินหน้าทลายทุนผูกขาด ปลดล็อกศักยภาพเบียร์ฝีมือคนไทย
 
"สินค้าการเกษตรนั้นมันเกิดขึ้นได้จากคนที่มีแพชชั่นแบบคุณทุกคนที่อยู่ในงานนี้ และหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน คงไม่มีวันที่จะสำเร็จได้" นายพิธา กล่าว
 
พิธากล่าวต่อว่า และต้องเปลี่ยนวิธิคิดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจประเทศไทย ให้คนไทยทำน้อยได้มาก ไม่ใช่ทำมากแล้วได้น้อย โดยยกตัวอย่างผลิตพันธุ์ยาสูบซิการ์ในประเทศคิวบาร์ที่มีมูลค่าถึง 15,000 บาทต่อซิการ์หนึ่งแท่ง ในขณะที่ ณ ตอนนั้นเท่ากับราคาข้าวในไทยมีมูลค่า 15,000 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
 
"วิธีคิดของพรรคก้าวไกล คือเศรษฐกิจประเทศไทยนั้นต้องทำน้อยได้มาก ไม่ใช่ทำมากได้น้อย sun, soil, skill เป็นสามสิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมซิการ์ในประเทศคิวบาร์เติบโตได้ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากไวน์ สาเก หรือเบียร์ ที่คนไทยผลิต และไม่มีเหตุผลอะไรที่อุตสาหกรรมสุราชุมชนของไทยจะเติบโตไปไม่ได้ หากกฎหมายสุราก้าวหน้าผ่านสำเร็จ" นายพิธา กล่าว
 
นอกจากนี้ ด้านพิธายังให้กำลังใจและขอโทษประชาชนสำหรับผลการลงมติศึกซักฟอกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าต่อไปการลงมติเพื่อไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นจะต้องเป็นอำนาจของประชาชน
 
"อย่าเพิ่งหมดหวังกับผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พวกเราในฐานะฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้เสียงจะไม่เพียงพอ ถ้าหากปีหน้าจะต้องมีการลงมติแล้วพวกเราแพ้อีก ขอให้รัฐบาลและสภาแห่งนี้ คืนอำนาจสู่ประชาชน ให้ประชาชนเป็นผู้ลงมติเอง แล้วฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะอย่างแน่นอน" พิธากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่