JJNY : โจทย์หินที่แก้ช้า│อดีตนายกแพทยสภาวอนรายงานตามจริง│‘สุทิน’จ่อยื่นดาบสองที่ป.ป.ช.│ศาลโลกลั่นมีอำนาจตัดสินคดีโรฮีนจา

โจทย์หินที่แก้ช้า มีหวังทุบเศรษฐกิจไทยพัง!!
https://siamrath.co.th/n/367310
  
ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเร่งแก้ไขปัญหา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียบุกยูเครน ตั้งแต่ต้นปี 2565  และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงได้ง่าย สร้างความปั่นป่วนในการผลิตอาหารของโลก ไม่เว้นแม้ประเทศไทย ที่นับเป็นดินแดนแห่งครัวโลก 
 
เพราะผลพวงของสงครามทำให้รัสเซียและยูเครน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบภาคการเกษตรรายใหญ่ของโลก อย่าง ปุ๋ยเคมี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าวสาลี ต้องหยุดส่งออกสินค้าไปโดยปริยาย 
 
เป็นแรงกดดันให้ราคาอาหารแพงไปทั่วโลก และเริ่มขาดแคลนหนักในประเทศยากจน ซึ่งสำนักงานอาหารและเกษตร ของสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า เฉพาะแถบเอเชียแปซิฟิก มีผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 1,800 ล้านคน!! 
 
อีกทั้งยังมีการกักตุนอาหารทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง “นายเดวิด มัลพาส” ประธานธนาคารโลก ให้ความเห็นว่า  วิกฤตการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารของโลกจะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2566 ขณะที่ FAO เตือนว่าข้าวจะแพงขึ้น โดยดัชนีราคาข้าว Food Rice Price Index ในตลาดโลกเดือนพ.ค. พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน กลุ่มพืชน้ำมันแพงขึ้น 31.1% ธัญพืชแพงขึ้น 29.7%
 
หันกลับมามองประเทศไทยว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างไร เกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารเหมือนกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกหรือไม่!?!        
 
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ไทยยังมีอาหารบริโภคเพียงพอ เพราะเป็นฐานการผลิตและส่งออกอาหารอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ไม่ประมาทมีการวางแผนเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงด้านอาหารทั้งระบบ ผ่านกลไกในรูปคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ รวมทั้งเร่งจัดการระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมและเชื่อมโยง BIG DATA จัดทำปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตรรายเดือนระดับจังหวัด ช่วยวางแผนการกระจายสินค้าเกษตรและอาหาร ทำให้ภาครัฐสามารถวางแผนรองรับในสภาวะวิกฤต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน      
 
และ “นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์” ผอ.สถาบันอาหาร บอกว่า คนไทยสบายใจได้ปประเทศไทย จะไม่ขาดแคลนอาหารแน่นอน เพราะผลผลิตยังมีอีกมาก เช่น ข้าว ผลิตได้ 22 ล้านตัน บริโภค 10 ล้านตัน ,น้ำตาล ผลิตได้ 10 ล้านตัน บริโภค 2.5 ล้านตัน ,น้ำมันพืช ผลิตได้ 17 ล้านตัน บริโภค 16 ล้านตัน ส่วนไก่และหมูเหลือ ส่งออกปีละ 1 ล้านตัน     
 
เช่นเดียวกับ “นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ไทยยังไม่ได้ขาดแคลนอาหารจนต้องชะลอการส่งออกเหมือนประเทศอื่น เพราะสามารถผลิตอาหารเองได้มากพอ และยังเป็นผู้ส่งออกอาหารแปรรูปอันดับ 13 ของโลก 
 
แต่ “วิกฤตอาหารที่แท้จริงของไทย” คือ อาหารมีราคาแพง เพราะต้นทุนการผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากค่าขนส่งที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าเพื่อผลิตอาหาร โดยเฉพาะอาหารสัตว์ และปุ๋ยเคมี ยังสร้างความกังวลในการผลิตอาหาร และอาหารแปรรูปของไทย ณ เวลานี้    
 
โดยเฉพาะ “ปุ๋ยเคมี” ต้นตอของอาหารแพงนั้น  “นายอัทธ์ พิศาลวานิช” ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ผลพวงจากสงครามทำให้ราคาขายปลีก ในเมืองไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เช่น ราคาปุ๋ยไนโตรเจน (N) ปี 2563 อยู่ที่ 12,000-15,000 บาทต่อตัน ปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 30,000-35,000 บาทต่อตัน     
 
ฟอสฟอรัส (P) ปีที่แล้วเฉลี่ย 20,000 บาทต่อตัน ปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 38,000 บาทต่อตัน และโพแทสเซียม (K) ราคาปีที่แล้วเฉลี่ย 9,000 บาทต่อตัน ปีนี้ราคาอยู่ที่ 32,000 บาทต่อตัน   
     
ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรเป็นวงกว้าง เพราะปุ๋ยเป็นสัดส่วน 15% ของค่าใช้จ่ายในภาคสินค้าเกษตร      
 
ขณะที่ “นายเทพวิทย์ เตียวสุรัตน์กุล” สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า กรณีที่ร้ายแรงที่สุดจากมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อประเทศ รัสเซีย อาจจะทำให้ราคาปุ๋ยตลาดโลกแพงต่อเนื่องยาวนานอีก 3-5 ปี 
 
เรื่องนี้จึงกดดันให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เร่งจัดทำแผนเผชิญรับมือความมั่นคงด้านอาหาร ทั้งเรื่องราคาแพง และปริมาณ ในระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว โดยจะมีหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างประเทศ และเศรษฐกิจ ร่วมรับผิดชอบ 
 
ล่าสุดสั่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อรับมือสถานการณ์ คือ คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการเฉพาะกิจติดตามประมวลผล วิเคราะห์ผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาทุกมิติ      
 
คงต้องจับตาว่าคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดจะมีมาตรการอะไรที่น่าสนใจคลอดออกมาดูแลปากท้องประชาชน!! 
เป็นการบ้านที่รัฐบาลต้องเร่งพิสูจน์ฝีมือ !!! 
หากปล่อยปัญหายืดเยื้อ จะมีปัญหาอื่นตามมาอีกเป็นหางว่าว!! 
ล้วนแล้วแต่เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยทั้งสิ้น!! 



อดีตนายกแพทยสภา ยืนยันติดโควิดวันละ 5 หมื่น-แสนคน วอนรายงานตามจริง
https://www.prachachat.net/general/news-988733

นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา และ อดีตนายกแพทยสภา ยืนยันจากประสบการณ์ตรวจผู้ป่วย​จริง ผู้ติดเชื้อรายวัน อยู่​ที่​วันละ5 หมื่น-แสนคน วอนผู้บริหารระดับประเทศรายงานประชาชนตามจริงรวมทั้งหาทางแก้ไข
 
นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา และอดีตนายกแพทยสภา โพสต์​เฟสบุ๊กเปิดเผยว่า ประเมินจาก “การตรวจผู้ป่วยจริง” ของตนเองและเพื่อนแพทย์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน อยู่​ที่​วันละห้าหมี่นถึงหนึ่งแสนคน และจำนวนผู้เสียชีวิตหากนับรวมผู้ที่มีโรคอื่นร่วมกับโควิดด้วยจะสูงกว่าที่รายงานในแต่ละวัน

โดยโพสต์ระบุว่า สถานการณ์​ในสถานพยาบาลว่า
 
เรียน พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรัก
 
ขณะนี้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้ปฏิบัติงานจริงต่างก็เหนื่อยล้ากันมากแล้วนะครับ
เพราะขณะนี้ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยในแต่ละวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สูงกว่าตอนที่สถานการณ์วิกฤตเมื่อ กค.และ สค.ปีที่แล้วมาก เพียงแต่ส่วนใหญ่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ (แต่ก็แพร่เชื้อได้)
 
ดังนั้นผู้บริหารจึงพูดว่ายังมีเตียงในรพ.เหลือ ทำให้ประชาชนนอนใจ
 
แต่ผู้ป่วยหนักก็มีนะครับเช่นเมื่อ 2 วันมาแล้วก็มีเด็ก 6 ขวบเสียชีวิตที่รพ.จากการติดโควิดแล้วเกิด MIS-C ( Multisystem Inflammatory Syndrome in Children ) ซึ่งเป็นการอักเสบของอวัยวะภายในหลาย ๆ ระบบพร้อม ๆ กัน
อีกทั้งยังมีผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่รพ.ไม่มีเตียงรับไว้อีกหลาย ๆ รายตามที่เป็นข่าวต่อเนื่องกันมาตลอด รวมทั้งผู้ป่วยนอกกลุ่ม 608 ที่มีอาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็มีดั่งที่ผมได้รายงานไปแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้
 
ภาระงานของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จึงล้นมือเพราะต้องดูแลทั้งผู้ป่วยอาการน้อยที่มาขอตรวจและรับยาซึ่งมีจำนวนมากในแต่ละวันและเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุก ๆ วัน
 
ส่วนผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาโดยตลอดอย่างช้า ๆ
 
ทำให้มีผลกระทบต่อระบบการตรวจรักษาตามปกติที่จำเป็นต้องเปิดอย่างเต็มที่เพราะคั่งค้างมานานจนผู้ป่วยบางรายทนรอไม่ไหวเสียชีวิตไปแล้วก็มี อีกทั้งยังต้องมาดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากกัญชาซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยในแต่ละวัน ถ้าโชคร้ายฝีดาษวานรที่เพิ่งพบเกิดระบาดอีกก็จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์เข้าไปใหญ่
เนื่องจากเชื้อ BA.5 ติดต่อกันง่ายมาก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการระบาดที่รุนแรงขึ้นจนระบบสาธารณสุขรองรับไม่ไหว
ดังนั้นผมจึงเรียนมายังผู้บริหารระดับประเทศเพื่อได้รับทราบสถานการณ์จริงและรายงานประชาชนตามความเป็นจริงรวมทั้งต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ได้
 
เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่าที่รายงานมาก ผมเองรวมทั้งเพื่อนแพทย์ที่ต่างก็ได้ตรวจผู้ป่วยจริงประเมินว่ามีวันละห้าหมี่นถึงหนึ่งแสนคน และจำนวนผู้เสียชีวิตหากนับรวมผู้ที่มีโรคอื่นร่วมกับโควิดด้วยจะสูงกว่าที่รายงานในแต่ละวัน
 
ส่วนพี่น้องประชาชนขอให้ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังโดยป้องกันการติดเชื้อและแพร่เขื้ออย่างเต็มที่ดังนี้
1.ฉีควัคซีนให้ครบตามระยะเวลา
2.สวมหน้ากาก ล้างมือและเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด
3.เข้าร่วมกลุ่มกับคนจำนวนมากเท่าที่จำเป็นด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่
4.หากพบว่าตนเองมีอาการหรือ ATK 2 ขีด ต้องแยกตัวเองออกจากผู้อื่นทันทีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ทั้งนี้เพื่อครอบครัวรวมทั้งเพื่อส่วนรวมด้วย
และเพื่อให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่เหนื่อยและอ่อนล้าเกินไปจนไม่สามารถมาดูแลท่านได้
ซึ่งจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลายได้แม้ผู้บริหารจะบอกว่ายังมีเตียงเหลือเฟือก็ตาม
 
ด้วยความรักและปรารถนาดี
 
ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์
กรรมการแพทยสภา
อดีตนายกแพทยสภา

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0tiSVkCeHaHMtU3sH4qJS5zPjPBzNjpQ2wYqasv4Pi3EdHxxUgBKD2LvWXvZGYaQUl&id=100027617971731


 
‘สุทิน’ โวฝ่ายค้าน ได้ 8 เต็ม 10 มั่นใจ ‘เด็ดหัวสอยนั่งร้าน’ ได้แน่ จ่อยื่นดาบสองที่ป.ป.ช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3468708

“สุทิน” โว ศึกซักฟอกฝ่ายค้านทำคะแนนได้ 8 เต็ม 10 มั่นใจ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน” ได้ด้วยเสียงปชช. จ่อ ยื่น ป.ป.ช. 5 คน แย้ม ”บิ๊กตู่” โดนแน่

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านถือว่าเป็นที่น่าพอใจ บรรยากาศการประชุมทั่วไปเป็นไปด้วยดี ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ให้ความรู้ให้ข้อมูลกับประชาชนได้พอสมควร ส่วนฝ่ายค้านประเมินว่าเราทำงานของเราได้ดีมีการประสานงานกันกับพรรคและทำงานเป็นทีมเวิร์กได้เป็นอย่างดี ที่คิดว่าในอดีตที่เคยมีพรรคร่วมฝ่ายค้าน และรัฐบาลเขาพยามทำหน้าที่ให้ความร่วมมือ รัฐมนตรีชี้แจงเต็มที่ ก็คิดว่าทุกคนทำหน้าที่ได้ก็น่าจะทำให้ประชาชนพึงพอใจ
 
เมื่อถามว่า มีการประเมินยุทธการเด็ดหัวนั่งร้านให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า เต็ม 10 เราพอใจที่ 8 เพราะมี 2 ที่เราอาจจะทำได้ไม่ดีบ้าง ทั้งนี้เราทำหน้าที่ได้ดีและฝ่ายรัฐบาลมาชมเราว่า เรามีข้อมูลใหม่เยอะ แต่อาจจะมีเรื่องเก่าบ้าง แต่เรื่องเก่ามีพัฒนาการที่ต่อยอดเข้ามา โดยอย่าไปวัดเอาที่การยกมือในสภา แต่วัดจากประชาชนตนก็คิดว่าเด็ดหัวได้ สอยนั่งร้านได้ ซึ่งถือว่าเราประสบความสำเร็จสูง หลังจากนั้นจะประชุมและสรุปว่าหลังจากนี้จะมีประเด็นไหนที่จะยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบคาดว่าไม่น้อยกว่า 5 คน และนายกรัฐมนตรีต้องโดนแน่นอน ถ้าเราจะยื่นไม่ได้ยื่นเพื่อเป็นลีลาหรือยืนเพื่อให้เป็นเกมการเมือง แต่ต้องยืนเพื่อหวังผลจริง ฉะนั้นหลักฐานต้องพร้อม
 
เมื่อถามถึง งูเห่าของพรรค พท.ในการอะไรก็เกิดขึ้นได้โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะมี นายสุทิน กล่าวว่า น่าจะมีประมาณเดิมและกลุ่มเดิม ซึ่งเราไม่นับเขาอยู่แล้ว ส่วนงูเห่าใหม่นั้น ไม่น่าจะมีแต่เราไม่ได้คิดเรื่องนั้น เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปลายสมัยสภาผู้แทนราษฎรอะไรก็เกิดขึ้นได้ไม่ว่าเขาหรือเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่