JJNY : เสียชีวิต29 ติดใหม่2,578│ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย │ไม่ไว้วางใจรบ.16,690 หนุนตู่251│ชี้โทษรับกล้วย

โควิดไทยวันนี้ เสียชีวิต 29 ราย ติดใหม่ 2,578 คน ปอดอักเสบ 886 คน
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3468576
 
 
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด 19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2565
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,578 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยในประเทศ 2,577 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,350,028 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
———————
หายป่วยกลับบ้าน 1,877 ราย
หายป่วยสะสม 2,349,142 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,700 ราย
———————
เสียชีวิต 29 ราย
เสียชีวิตสะสม 9,429 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 886 ราย
 


ผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้ จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/302224

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 จะเติบโตได้มากกว่า 3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ การส่งออก ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 14.4% และการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 1.5 ล้านคน และทั้งปีแตะ 6 ล้านคน
 
ผู้ว่าแบงก์ชาติ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันฟื้นตัวขึ้นชัดเจน แต่ยังไม่ทั่วถึง (K-shaped) โดยคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 3.3% แต่ยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น คาดว่าในไตรมาส 3 จะพีคสุด แตะ 7.5% ก่อนย่อตัวลง และทั้งปีอยู่ที่ระดับ 6.2% ซึ่งจะทำให้การส่งผ่านต้นทุนกระจายไปยังสินค้าหลายหมวดมากขึ้น
 
โดยเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวขึ้น จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย แต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวสะดุด ซึ่งก็ยอมรับจะมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ย “น้อยกว่า” ผลจากเงินเฟ้อที่จะลดทอนกำลังซื้อของประชาชน เพราะดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่ม 1% ภาระดอกเบี้ยครัวเรือนจะเพิ่ม 0.5% ของรายได้หนี้ครัวเรือน ซึ่งน้อยกว่า 7 เท่าของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากต้นปี
 
รับชมทางยูทูบ : https://youtu.be/J0vJSsqqp5k

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ราษฎรเฮ เกินคาด! 16,988 มติประชาชน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล 16,690 หนุนบิ๊กตู่ทั่วไทย 251 เสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3468543

ราษฎรเฮ เกินคาด! 16,988 มติประชาชน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล 16,690 หนุนบิ๊กตู่ทั่วไทย 251 เสียง

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา เกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพฯ สืบเนื่องสภาผู้แทนราษฎร เปิดการประชุมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 รวม 11 คน ตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม โดยวันนี้เป็นวันที่ 4 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย ก่อนลงมติในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.)
 
ขณะที่กลุ่มราษฎรและแนวร่วม ได้จัด “แคมป์ปิ้งฟังสภาอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ตั้งแต่วันที่ 19-23 กรกฎาคม พร้อมทั้งเปิดลงมติประชาชนคู่ขนานสภา ใน 34 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีการนับคะแนนในวันนี้ นั้น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ลานแคมป์ปิ้งฯ หน้ารัฐสภา กลุ่มราษฎร ทะลุฟ้า และประชาชนกว่า 300 คน ปักหลักร่วมจับตานับผลการลงมติไม่ไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี ตั้งแต่เวลา 17.15 น.
 
บรรยากาศเวลา 23.25 น. ทีมงานนับผลการลงคะแนนแล้วเสร็จทั้งหมด 139 จุด โดยอยู่ระหว่างการรวมผลทั้ง 34 จังหวัด
  
สำหรับกลุ่มราษฎรและแนวร่วม ได้เริ่มเปิดรับผลลงคะแนนจากประชาชน ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ใน 34 จังหวัด 6 ภูมิภาค จัด 139 จุดลงมติ มีอาสาสมัครตัง้จุดลงมติ 453 คน ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด 12 จุด, อีสาน 10 จังหวัด 28 จุด, ภาคกลาง 9 จังหวัด 89 จุด, ภาคตะวันตก 1 จังหวัด 2 จุด, ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 3 จุด ภาคใต้ 6 จังหวัด 6 จุด โดยในส่วนของกรุงเทพฯ มีกล่องให้กาลงมติกว่า 23 จุด อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ
 
จากนั้นเวลา 23.35 น. นายเอเลียร์ ฟอฟิ จากกลุ่มศิลปะปลดแอก ในฐานะพิธีกร เปิดเผยว่า ประเมินผิด มีคนมาร่วมลงคะแนนมากกว่าที่คิด จึงใช้เวลานับคะแนนมากถึง 6 ชั่วโมง จาก 17,000 เสียง 5 หน่วยนับคะแนน กิจกรรมครั้งนี้ที่สำเร็จเพราะคนที่ทำระบบไม่มีเครือข่าย แต่มีพลังจากคนที่ร่วมทำแคมเปญนี้ แล้วมีเครือข่ายอื่นๆ ร่วมกันทำต่อ โดยตอนแรกคาดว่าจะมีเพียง 5,000 เสียงเท่านั้น ถ้าถึง 10,000 ถือว่าประสบความสำเร็จ เกิน 15,000 ถือเป็นกำไรมากๆ มีหลายคนไม่กล้าเซ็นลงชื่อ แต่ขอหย่อนบัตร
 
• ถามว่าทำไม คนจึงต้องไปลงพื้นที่เจอคน ?

นายเอเลียร์ เปิดเผยว่า คนจะมองว่าตัวเลขไม่จริง ออนไลน์ไว้ใจไม่ได้ ไม่น่าเชื่อถือ เราไม่อยากทำแคมเปญด้วยวิธีการเดิมอีกแล้ว
 
“ถ้าเราเชื่อในเสียงของประชาชน ถ้าเขามีความหวัง เราอยากให้เขาออกมา เขาก็จะออกมา เราอยากพบหน้า ฟังเสียง และเป็นตัวแทนเอาเสียงของเขามาสภา เพราะคนส่วนใหญ่ต้องทำงานด้วยสภาพเศรษฐกิจ เราจึงอาสาทำหน้าที่ไปหาเขา เปลี่ยนแกนจากผู้พูดให้ฟัง เป็นผู้ฟังบ้าง ซึ่งมีเรื่องเล่าจากอาสาสมัครเกิดขึ้นมากมาย” นายเอเลียร์เผย และว่า
 
จากจำนวนทั้งประเทศ 16,988 คน มีเพียง 40 คนที่ไม่ได้เซ็นลงชื่อในใบคะแนน มีบัตรเสียทั้งหมด 47 ใบ จึงมีความน่าเชื่อถือ
  
เวลา 23.45 น. พิธีกรเปิดเผย คะแนนภาคกลางไม่รวมกรุงเทพฯ รวม 3,717 เสียง ไว้วางใจ 79 เสียง ไม่ไว้วางใจ 2,688 เสียง โดยทีมงานมอบของรางวัลเป็นเครื่องดื่ม ประกอบด้วย จ.นนทบุรี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครนายก, ปทุมธานี และนครปฐม
 
ส่วนจำนวนผู้ลงมติทั่วประเทศ ยกเว้น กทม. รวม 10,493 คน
 
โดยยอดผู้ลงมติในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 6,488 คน โดยไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 68 เสียง ไม่ไว้วางใจ 6,380 เสียง นับเป็นไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของคน กทม.
 
นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนร่วมนั่งฟังการโหวตลงมติเวลา 09.30 น. วันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) โดยเวลา 11.30 น. ฝ่ายค้านเชิญราษฎร ถ่ายภาพร่วมกันที่หน้าอาคารรัฐสภา หลังจบการโหวต
 
บรรยากาศ เวลา 00.02 น. พิธีกรประกาศผลทั้งประเทศ 16,988 เสียง ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 251 เสียง ไม่ไว้วางใจ 16,690 เสียง คิดเป็น 1.7 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ชุมนุมต่างส่งเสียงแสดงความดีใจ
 
มีการชูป้ายผลคะแนน ก่อนถ่ายภาพร่วมกันที่ลานหน้าสภา ส่งเสียง “ไม่ไว้วางใจ” และร่วมกินหมูกระทะ ดื่มสังสรรค์ส่งท้ายรอฟังผลโหวตในสภาผู้แทนราษฎรวันพรุ่งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่