JJNY : 'สมคิด'แฉยับ'ประยุทธ์' ใช้เส้น│ฉะกองทัพสร้างเครือข่ายทุจริต│น้ำตาลทรายขึ้นราคาโลละ 1บ.│รัสเซียกร้าว ขยายแนวสู้รบ

'สมคิด' แฉยับ 'ประยุทธ์' ใช้เส้นสาย แต่งตั้ง ลูกชาย-ลูกสาว 'เสกสกล' เป็นตำรวจ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7173074

‘สมคิด’ แฉยับ ‘ประยุทธ์’ ใช้เส้นสาย แต่งตั้งลูกชาย-ลูกสาว ‘เสกสกล’ รับราชการเป็นตำรวจ เผยไม่แปลกใจพ่อยอมสู้ตายไม่ลืมหูลืมตา จี้ นายกฯ ชี้แจง

เวลา 09.45 น. วันที่ 21 ก.ค.65 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนมนตรี และ  รมว.กลาโหม ว่า แม้ ครม. จะมาน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคฝ่ายค้านที่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนๆ ท่านต้องมา ส่วนจะฟังอยู่ทางไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปกติตนพูดทีไรนายกฯก็อยู่ทุกที แต่ครั้งนี่อาจะมีภารกิจแต่ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งมีครม.มาร่วมรับฟังอย่างน้อยก็ยังดี
 
วันนี้คนที่เป็นตำรวจต้องฟังทั้งที่อยู่ในหน้าที่และไม่อยู่ในหน้าที่ เพราะต้องปกป้องรักษาองค์กรตำรวจให้มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรอยู่แล้วก็ไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ตัวเองพูด กรณีพล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่กี่เดือนก็จะ 8 ปี จากการยึดอำนาจและกระบวนการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์หนัก ท่านลุแก่อำนาจช่วยเหลือบุคคลที่แวดล้อมท่าน บุคคลต่างๆ ที่ทำหน้าที่ให้ท่าน สร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างบาดแผลให้กับลูกหลาน
 
นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูแลสตช. ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ซึ่งต้องย้อนไปว่า สตช.ใช้งบประมาณปกติไม่มีอะไรอื่นใด แต่มีหนังสือเวียนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เรื่องงบประมาณและเรื่องต่างๆ ในการดูแลสตช.โดยระบุถึงแนวทางในการปฏิบัติราชการทำให้เห็นคร่าวๆ ว่าผบ.ตร.ต้องดูการบรรจุแต่งตั้งเรื่องการสอบเข้า และทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำรวจ
 
ทั้งนี้ นายกฯ ไม่คำนึงถึงผู้คนตกงานหรือบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่มีงานทำแต่มีคนบางกลุ่มที่ใช้เส้นสายผ่านสตช. เอาคนเข้ามาดำรงตำแหน่งมาได้หลายวิธี ทราบมาว่า มีลูกชาย ลูกสาว นักการเมืองคนหนึ่งที่ติดกับพล.อ.ประยุทธ์ เรียกว่าจะเป็นจะตายแทนกันได้เอาลูกเข้าตำรวจ เป็นคนอื่นตนไม่เอะใจ เพราะก่อนหน้ามีการนำลูกอดีตผบ.ตร.เข้าเป็นตำรวจ ลูกคนเป็นลูกตำรวจยังพอทำใจได้ อย่างน้อยคนที่เป็นตำรวจใหญ่ได้สร้างคุณงามความดีให้กับหน่วยของเขา
 
นายสมคิด กล่าวต่อว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จัดการให้คนคนหนึ่ง แต่ก่อนชื่อนายสุภรณ์ ตอนหลังเรียนสูงขึ้นเป็นดอกเตอร์ ชื่อ นายเสกสกล อัตถาวงศ์  อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ซึ่งไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเงาตามตัว มีข่าวว่าถึงขนาดจุดไฟแช็กให้กันในทำเนียบ เดินเป็นฝาแฝด เก่งขนาดแต่งตั้งให้ไปดูแลเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลดูไปดูมากลับแบ่งเข้าตัว เดี๋ยวเรื่องราวมีคลิปอื้อฉาวจนสุดท้ายจำใจลาออก
 
ที่ต้องเอ่ยถึงเพราะลูกของนายเสกสกล ได้รับการแต่งตั้งเป็น ตำแหน่งรองสารวัตร ฝอ.5 กองอำนวยการ กองบัญชาการสืบสวนกลาง (บก.อก.) แต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 และอีกคนลูกสาว บรรจุเดือนเม.ย. 2565 ตำแหน่งกองการต่างประเทศ เป็นการรับในตำแหน่งที่ไม่ได้มีการขาดแคลน
 
“ผมพึ่งถึงบางอ้อว่าเหตุใดคนเป็นพ่อถึงสู้ตายเพียงข้างๆ คูๆ ช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จนไม่ลืมหูลืมตา การแต่งตั้งลักษณะนี้คือเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตนเอง แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะปฏิรูปตำรวจอย่างไร ผมอยากให้ประชาชนรับฟังให้เห็นว่าเมื่อเขามีอำนาจเขาทำอะไรก็ได้ และดอกเตอร์คนนี้ไม่ธรรมดา เสกอะไรก็ได้ การปฏิรูปอะไรต้องดูตัวผู้บริหาร คนเป็นผู้นำองค์กร เพราะตำรวจดีๆ ทำงานเขาเสียน้ำใจ
 
นายกฯจะต้องตอบเรื่องนี้ว่าแต่งตั้งเข้าไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ความผิดของลูกหลาน แต่เป็นความผิดของคนแต่งตั้ง นายกฯต้องจำไว้ว่าไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินให้ตำรวจเอง เพราะตำรวจแต่ละคนกว่าจะเกษียณคำนวณดูจะต้องเสียเงินกว่า 32 ล้านบาทต่อคน เมื่อแต่งตั้ง 2 คน ก็ใช้ภาษีของประชาชน 64 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีความสามารถในการดำเนินการให้หน่วยงานได้อย่างเต็มที่” นายสมคิด กล่าว
 


ให้ ‘กระจก’ นายกฯไว้ส่องสะท้อนตัวเอง-ฉะกองทัพสร้างเครือข่ายทุจริต
https://www.dailynews.co.th/news/1272933/
 
"ส.ส.เจี๊ยบ" จัดเต็ม!ให้กระจกนายกฯไว้ส่องสะท้อนตัวเอง ฉะกองทัพสร้างเครือข่ายทุจริต-บ่อนทำลายประชาธิปไตย รื้อประวัติศาสตร์ยุคคณะราษฎร์ ล็อกสเปคงานสร้างอนุสาวรีย์ให้ผู้รับเหมา "ประยุทธ์" ยกธรรมะตอกทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลผู้มีอำนาจ แต่ขาดความสามารถ และความรับผิดชอบ ตนขออภิปราย 3 ประเด็นคือ 
1.จงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดเครือข่ายทุจริตในกองทัพอย่างกว้างขวาง 
2.สร้างความเสื่อมเสียกับพระเกียรติยศในโครงการเทิดพระเกียรติ 
และ 3.มีจิตสำนึกเผด็จการสัน-าน-รราช หลังรัฐประหารแล้วยังจงใจบ่อนทำลายการปกครองและระบอบประชาธิปไตยต่อเนื่อง เมื่อกลางเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา มีข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งที่น่าสนใจในเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งที่พาดหัวข่าวว่า “อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 9 ค่ายภูมิพล มาแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหล เผยวงเงินสร้าง 60 ล้านบาท” เมื่อตนเข้าไปอ่านเนื้อในข่าวก็ได้รายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มขึ้นทราบว่าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา กองทัพบกได้จัดพิธีอันเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวง ร.9 จากพระบรมมหาราชวังในกทม. ไปแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรี
 
โครงการนี้ใช้งบประมาณ 59,973,500 บาท จากเอกสารเผยแพรข่าวของกองทัพบกให้รายละเอียดว่าในหลวงร.10 ได้พระราชทานพระบรมราชานุสาวรีย์ดังกล่าวให้กองทัพบก โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 63 ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนชื่อค่ายจากเดิมค่ายพหลโยธินมาเป็นชื่อค่ายภูมิพลเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.62 เมื่อประชาชนทราบข่าวหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมถึงใช้งบประมาณในโครงการนี้สูงถึง 60 ล้านบาท เพราะเป็นแค่การปรับปรุงแท่นและภูมิทัศน์เท่านั้น 4 วันถัดมาศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมออกมาชี้แจงผ่านเพจว่าข่าวที่ลงไปนั้นเป็นข่าวบิดเบือน โดยกองทัพบกชี้แจงว่าทุนที่นำมาสร้างแท่นและปรับภูมิทัศน์นั้นได้มาจากเงินสมทบทุนจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน การสร้างเพื่อทำให้สถานที่สง่างามสมพระเกียรติในหลวงร. 9
 
พอเห็นแบบนั้นตนก็ไปหาข้อมูลต่อใน 3 จุด คือเคยมีแคมเปญประชาสัมพันธ์ของกองทัพที่ให้ประชาชนร่วมบริจาคผ่านช่องทางใดหรือไม่ ปรากฏว่าไม่พบ เมื่อไปดูงบการเงินกองทัพบกเมื่อวันที่ 30 ก.ย.64 ปรากฏว่าช่องรายได้ได้แสดงรายการเงินบริจาคเอาไว้ มียอดทั้งสิ้น 3 ล้านกว่าบาท ตนจึงย้อนกลับไปดูงบบริจาคของปีก่อนหน้านี้อีกพบว่ามีเงินบริจาคพียง 2.3 ล้านบาทเท่านั้น ห่างไกลกับยอดเงิน 60 ล้านบาทมาก ถามว่าหมกเม็ดอะไรกันไว้ หากเป็นเงินบริจาคจริงๆ ทำไมไม่นำมาแสดงในงบบริจาค ประชาชนจะรับทราบได้อย่างไร หรือเป็นวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งหรือไม่ หรือเอาเงินส่วนนี้ไปฝากไว้บัญชีนายพลคนไหน
 
นางอมรัตน์อภิปรายต่อว่า เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมก็สงสัยว่าในเอกสารมีการระบุว่างบประมาณ 60 ล้านบาท นั้นได้มาจากเงินเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ 64 ถ้าเป็นเงินที่มาจากรัฐ แสดงว่าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเอาข่าวปลอมจากกองทัพบกมาเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่า เป็นเงินจากการบริจาคใช่หรือไม่ เป็นเฟคนิวส์ซ้อนเฟคนิวส์หรือไม่ ถ้าเงินเพิ่มเติมก้อนนี้ไม่ได้มาจากเงินรัฐ แต่มาจากเงินบริจาคจริงๆ ตนถามว่า เงินบริจาคมากมายขนาดนั้นกองทัพบกเก็บไว้ในปี๊บที่ไหน นี่เป็นโครงการพิเศษอะไร โครงการของกองทัพบกหลังยุครัฐประหารมีกลิ่นไม่ดีโชยมาตลอด และประชาชนตรวจสอบได้ยากเย็น
 
อีกทั้งโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่สร้างจากเงินบริจาค เมื่อประชาชนเห็นความผิดปกติแต่ตรวจสอบไม่ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์กลัวการตรวจสอบจนต้องไปตัดโบกี้รถไฟที่สถานีบ้านโป่งเมื่อปี 58 และควบคุมตัวนักศึกษาและประชาชน 38 คนไปควบคุมไว้ในค่ายทหารแถวพุทธมณฑล เรียกว่าประยุทธ์สันหลังหวะ อีกทั้งที่ผ่านมามีการเปลี่ยนชื่อค่ายทหารที่สำคัญใน จ.ลพบุรี ถึง 2 ค่ายคือศูนย์การทหารปืนใหญ่จากเดิมค่ายพหลโยธินเป็นค่ายภูมิพล และกองพลทหารปืนใหญ่จากเดิมชื่อค่ายพิบูลสงครามเป็นค่ายสิริกิติ์ และรื้ออนุสาวรีย์จอมพลป.พิบูลสงคราม บริเวณวงเวียนหน้าค่ายใน จ.ลพบุรี ซึ่งมีพี่น้องทหารในลพบุรีฝากสะท้อนความรู้สึกความในใจถึงพล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า การอันเชิญอนุสาวรีย์ถือเป็นเรื่องดีและเป็นเรื่องมงคล แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรื้อ 2 อนุสาวรีย์ก่อนหน้านี้ออกไปด้วย
 
“สำหรับพี่น้องทหาร พระยาพหลและจอมพล.ป.พิบูลสงคราม เป็นที่เคารพนับถือ เป็นผู้นำกองทัพที่สง่างาม มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เปลี่ยนพวกเราจากไพร่ทาสมาเป็นพลเมือง อย่ามารื้อทำลายสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของพวกเขาได้หรือไม่ โครงการรื้อๆสร้างๆอนุสาวรีย์ของกองทัพ ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ โดยโครงการแรกคือโครงการรื้อถอนและติดตั้งซุ้มเทิดเพระเกียรติที่กองทัพบกใช้วิธีการคัดเลือกและผู้ที่ผ่านการคัดเลือกคือห้างหุ้นส่วนจำกัดภูวเนศ เสนอราคามา 1,173,000 บาท จากราคากลาง 1.2 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือผู้รับเหมาเข้าไปพื้นที่ก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้ชนะการประมูลนานถึง 15 เดือน จับโป๊ะกันได้ขนาดนี้จะแก้ตัวอย่างไร ถือเป็นการทุจริตล็อคผู้รับเหมาล่วงหน้าหรือไม่ กล้าทำผิดกฎหมายแบบเย้ยฟ้าท้าดิน และโครงการที่สองคือโครงการสร้างแท่นประดิษฐานและปรับปรุงภูมิทัศน์โดยกรมยุทธโยธาทหารบกเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการคัดเลือก มีบริษัทไอยเรศจำกัดชนะการประมูลมาด้วยการเสนอราคา 59,873,500บาท เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมพบว่ามีการปรับพื้นที่ก่อนบริษัทจะไปเซ็นสัญญาล่วงหน้า 4 เดือน ทำให้เห็นว่ากองทัพล็อคสเปค ทำให้กองทัพเน่าเหม็นไปด้วยการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง”
 
นอกจากโครงการก่อสร้างบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือหลังใหม่ พร้อมรื้อถอนบ้านพักหลังเดิมวงเงิน 65 ล้านบาท ก็ไม่ต่างกัน เนื่องจากผู้รับเหมาได้เข้าทำการสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับผู้บัญชาการกองทัพเรือล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนจะรู้ผลว่าใครเป็นผู้ชนะการประมูลแท้จริงแล้วเวลาที่มีโครงการก่อสร้างในกองทัพนั้น ได้มีการแอบล็อคผู้ชนะการประมูลกันก่อนเรียบร้อยแล้ว แบ่งกันล่วงหน้าว่า งานนี้เป็นของใคร งานนั้นเป็นของใคร จากนั้นก็จ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พวกนายพลไปตามลำดับชั้น แล้วค่อยทำการการประมูลหลอกๆ กันอย่างที่เห็น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปรายฯ นางอมรัตน์ได้มีการยกกระจกขึ้นระหว่างอภิปราย พร้อมระบุว่า “สุดท้ายที่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจกบานนี้ เพราะท่านปิดคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ซึ่งประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะสะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ ตนอยากบอกว่ากระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใครบอกว่าก่อความวุ่นวายก่อความไม่สงบให้มองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกไม่มีมารยาท ไม่รักชาติให้มองที่กระจกบานนี้ และเวลาที่ท่านว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ก็ให้ท่านมองที่กระจกบานนี้ ทั้งหมดคนคือในกระจก”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่