[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหตุการณ์ต่อจากบทที่ 22 จ้า
.
…เสี่ยวลำต้นเสี่ยว ซีวิชแอลวิชโอคู่…
จ๋อมฮัมเพลงขณะกระโดดยางอย่างเกรี้ยวกราด ไหนจะต้องระวังทุกส่วนของร่างกายไม่ให้โดนเส้นยาง ไม่อย่างนั้นได้กลับมาเป็นคนแกว่งแน่ เป็นสิ่งที่ผู้เล่นทุกทีมไม่พึงปรารถนา
พวกเธอเล่นกระโดดยางรอขบวนแห่นาคไปพลาง ๆ ที่หน้าบ้าน ขบวนจะเริ่มแห่ในเวลาบ่ายสามโมง ในการเล่นมีการร้องเพลงประกอบไปด้วยเพื่อความสนุกสนาน
พวกเธอแบ่งกันเป็นทีม ทีมละสองคน ส่วนน้องบีมอายุน้อยกว่าใคร เล่นอ่อนหรือตายง่ายกว่าใคร จึงได้เป็นตัวอิสระ สามารถเล่นได้ทั้งสองทีม จึงไม่ต้องพะวงอะไรนัก ภาษากระโดดยางเรียกตัวอิสระว่า ‘ตัวเศษ’ เธออยู่ทีมกับแพรว ส่วนพิมพ์อยู่ทีมกับจ๋อม
ขณะนี้บอสกับแพรวกำลังแกว่งเส้นยางที่นำมาถักต่อกันเป็นเส้นยาว ให้จ๋อมกระโดดไปกระโดดมาอยู่ใต้ร่มชายคาบ้าน พวกเธอไม่ห่วงว่าจะร้อนอบอ้าวอะไรทั้งสิ้น วันนี้เป็นวันที่สนุก อิสระ และมีความสุขอย่างเดียว เป็นผลพลอยได้จากงานบุญของย่าน้อยที่ทำให้พวกเธอสนุกมาก ๆ สำหรับวันนี้ ระหว่างที่จ๋อมกระโดดอยู่นั้นก็จะต้องร้องเพลงประกอบไปด้วย ไม่อย่างนั้นถือว่าฟาวล์
พวกเธอขลุกอยู่ที่บ้านของสองฝาแฝด ตลอดระยะเวลาที่รอให้ถึงบ่ายสามโมง ไม่ยอมไปเล่นที่อื่นไกล ๆ เลย เกรงว่าจะมาไม่ทันกาล จานชามช้อนหลังกินเสร็จพวกเธอจัดการล้างทำความสะอาด นำไปคืนให้แม่ที่บ้านย่าน้อยตามคำสั่ง
ก่อนหน้านี้จ๋อมได้เจอกับแม่ของตนเองแล้ว บอกกล่าวขออนุญาตสำหรับสิ่งที่จะทำ แม่ของจ๋อมก็อนุญาตแต่โดยดี ทำให้จ๋อมสบายใจที่จะอยู่กับพวกเธอไปจนถึงส่งนาคเข้าโบสถ์กันเลย
“กรี๊ดดดด ฮ่า… “ เสียงกรี๊ดปนหัวเราะของน้องบีมดังขึ้นลั่นบ้านด้วยความเสียดาย ที่โดนหนังยางฟาดเข้าศีรษะอย่างจัง นั่นแปลว่าเล่นตายจะต้องหยุดเล่นในรอบนี้ไปก่อน
พึ่งจะเริ่มเล่นหายใจไม่ทันสุดก็ตายเสียแล้ว จึงเป็นที่มาของเสียงกรี๊ดอันดังสนั่นบ้านของน้องบีม นอกจากเสียงหัวเราะของน้องสาวแล้ว ยังปนไปกับเสียงหัวเราะของเธอกับแพรวที่สะใจอยู่ในทีด้วย
“เอื้อยแพรวกับเอื้อยบอสห่วย… คือมาแกว่งแฮงแถะว่ะ น้องบีมตายเลยห่วย” น้องบีมค่อนขอดพวกเธอ สีหน้าอาการบอกบุญไม่รับ แม้การตายจะไม่มีผลเพราะเป็นตัวเศษ ถึงอย่างไรก็อยากเล่นให้นาน ๆ ให้ชนะในทุก ๆ เกม ไม่ใช่พึ่งจะเริ่มก็ตายแล้วแบบนี้
“ฮือ… จะของเล่นตายเองกะมาโทษเขา” แพรวต่อปากต่อคำกับน้องสาวของเธอ สายตาที่มองน้องบีมมีเลศนัย ส่วนเธอหัวเราะพอใจอย่างเดียว น้องบีมก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างไร ถึงตายเร็วรอบต่อไปตนก็ได้เล่นอีกอยู่ดี เพราะเป็นตัวเศษ เพียงบ่นไปเท่านั้น
“อี่น้องบีมคือตายเร็วคัก กะโดดบ่ทันพอสองบาดขากะข้องยางล่ะ กูเกี้ยน้องบีมเอง” พิมพ์เสนอตัว บ่นอุบอิบให้น้องบีมจะบอกว่าตัวภาระก็ไม่มีใครเถียงได้ ก่อนจะเริ่มเข้าไปเล่นอีกรอบ
‘เกี้ย’ หมายถึงการช่วยให้คนที่เล่นตายกลับมาเล่นใหม่ได้อีกครั้ง คล้ายการชุบชีวิต ให้ใครก็ได้ที่คิดว่าเก่งที่สุดในทีมเข้ามาเล่นแทน สามารถเกี้ยได้รอบเดียว ถ้าเกี้ยตายอีก นั่นแปลว่าทีมนั้นจะต้องเป็นคนแกว่ง และสลับให้อีกทีมมาเล่น การที่ทีมจะได้เล่นอีกรอบ จะต้องไม่มีใครเล่นตายเลยสักคน แม้ตายก็ต้องเกี้ยได้
พิมพ์เข้ามาอยู่ในวงสวิงของหนังยางเพื่อเตรียมเกี้ยน้องบีม “เกี้ยน้องบีม” พิมพ์กล่าวบอกคนแกว่งนั่นคือเธอกับแพรว เป็นการให้สัญญาณไปในตัวด้วย “เริ่ม” พิมพ์ให้สัญญาณพวกเธอ จากนั้นพวกเธอสองคนก็แกว่งยางให้พิมพ์กระโดด โดยมีจ๋อมและน้องบีมนั่งลุ้นเอาใจช่วย
…เสี่ยวลำต้นเสี่ยว ซีวิชแอลวิชโอคู่… พิมพ์ร้องเพลงประกอบ เมื่อจบคำว่าโอคู่ พิมพ์จะต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อหยุดยางและให้หนังยางเข้ามาอยู่ในหว่างขา ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าเกี้ยตายเหมือนกัน
ในขณะที่พวกเธอกำลังกระโดดยางอยู่นั้น เสียงเพลงที่บ้านของย่าน้อยยังดังระงมไปทั่วคุ้ม เพลงแหล่สลับกับเพลงลูกทุ่ง ดังแข่งกับเสียงหัวเราะของพวกเธอที่กำลังเล่นกระโดดยางกันอยู่ ระหว่างนั้นพวกเธอก็ได้ยินเสียงกลองยาวของตาดังปนเสียงเพลงมาด้วย ดั่งกับว่าเหมือนว่าตากำลังลองเครื่องยังไงยังงั้น
ในเวลาเดียวกันพลันก็ได้ยินเสียงประกาศจากผู้ใหญ่บ้านทั้งสองคน หมู่บ้านของเธอเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองหมู่ จึงมีผู้ใหญ่บ้านสองคนในเวลาเดียวกัน ประกาศบอกว่า ณ เวลานี้ได้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ถึงเวลาแห่กองบวชแล้ว ให้ทุก ๆ คนเตรียมตัว
พอพวกเธอได้ยินเสียงประกาศต่างพากันดีใจที่จะได้แห่สักที จากที่รอมาครึ่งค่อนวัน เมื่อได้ยินเสียงประกาศพวกเธอจึงหยุดเล่น เตรียมตัวแห่นาคในบัดดล พวกเธอจะแห่กองบวชทั้งชุดเดิมนี่เลย ไม่มีใครยอมกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ เกรงว่าจะไม่ทัน
ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงประกาศจากผู้ใหญ่บ้าน ต่างทยอยเดินมาที่บ้านของย่าน้อยเพื่อร่วมขบวนแห่นาคไปด้วย บ้างก็ถือหมอนขิดมาพร้อม บ้างก็มาตัวเปล่า ญาติพี่น้องต่างเตรียมตัวกันพร้อม ขบวนรถที่จะใช้แห่นาค ตกแต่งด้วยผ้าสวยงามเสร็จสรรพ จับกลีบผ้ารอบคันรถอย่างสวยงาม
การแห่นาคในวันนี้ย่าน้อยใช้รถกระบะอย่างเป็นทางการสามคัน นอกนั้นญาติคนไหนอยากใช้รถร่วมแห่ด้วยก็ได้ เพื่อให้คนเฒ่าคนแก่ที่เดินไม่ไหวนั่งกระบะ จะได้บุญเหมือนกัน กระบะคันแรกขับเข้ามาจอดที่ถนนเพื่อจัดขบวน
คันแรกเป็นคันที่ให้นาคนั่งไปด้วย มีเก้าอี้ไว้สำหรับเป็นที่นั่งของนาค พร้อมร่มและเครื่องบวชต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปด้วย คันที่สองและสามเป็นรถที่ใช้ขนกองบวชอื่น ๆ ที่จะถวายให้วัด เช่นพวกหมอนและเสื่อ รถที่ใช้ในวันนี้มีรถของครูนิพนธ์ รถพ่อ และ รถลุงวิทย์ นอกนั้นรถคันอื่น ๆ ต่างเป็นรถเก๋งกันหมด ซึ่งเป็นรถของญาติ ๆ ที่อยากขับแห่ไม่อยากเดินนั่นเอง
ตอนนี้เจ้าภาพต่างง่วนอยู่กับการจัดขบวน เสียงกลองยาวของตาก็กำลังบรรเลงขึ้นอย่างไพเราะ หน้าขบวนมีตาใสกับตาเปเป็นผู้แบกฆ้องไปด้วยกัน เพื่อจะลั่นฆ้องไปตามทางเดิน ตาเอ็ดภารโรง และตาป้อมถือไม้กวาดทางมะพร้าวคนละด้าม คอยกวาดถนนให้นาคไปตามทาง ถัดมาเป็นคณะเดินถือเครื่องบวช ล้วนเป็นญาติ ๆ เจ้าภาพทั้งนั้น มีการถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองหมอน ส่วนคนถือรูปครูสมพงษ์เห็นจะเป็นภรรยากับลูกสาว
ถัดจากขบวนเจ้าภาพจะเป็นขบวนรถ คันแรกเป็นรถนาค คนขับรถให้นาคคือครูปักษา ลุงหนุ่ยผู้บวชนาคขึ้นไปนั่งเก้าอี้บนกระบะรถ โดยมีครูนิพนธ์นั่งถือร่มให้อยู่ข้าง ๆ อีกคนคือพี่อ็อฟลูกชายของครูสมพงษ์ที่นั่งรถไปด้วย มีหน้าที่ถือตาลปัตรกับตัวนาคให้ลุงหนุ่ย ส่วนตัวนาคเองมีหน้าที่คอยโปรยเหรียญกัลปพฤกษ์ในระหว่างทาง นอกจากนั้นมีย่าและย่าน้อยและญาติคนอื่น ๆ นั่งไปด้วย
ถัดมาเป็นรถขนกองบวชโดยเฉพาะ คันที่สองเป็นรถของพ่อ คันที่สามเป็นรถของลุงวิทย์ ที่กระบะจะมีญาติ ๆ อีกหลายคนนั่งไปด้วยเช่นกัน ถัดมาเป็นรถเก๋งเหล่าบรรดาญาติคนอื่น ๆ ที่อยากนำรถเข้าขบวนด้วย
ถัดจากขบวนรถจะเป็นขบวนกลองยาวของตา และขบวนชาวบ้านที่อยากร่วมเดินแห่ไปด้วย เป็นขบวนศูนย์รวมคนชอบฟ้อนชอบเต้นชอบเซิ้ง ก็จะมารวมตัวกันที่ขบวนสุดท้ายนี้ นั่นแหละพวกเธอกะจะเดินไปกับขบวนกลองยาวของตา สนุกและมันส์กว่าไปเดินถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเป็นไหน ๆ
“น้องบอส น้องพิมพ์มาแหมะลูกเพิ่นสิแห่แล้ว” แม่เดินมาเรียกพวกเธอ ขณะนี้เสียงกลองของตาได้บรรเลงเป็นบทเพลงพร้อมแห่เต็มที่ “มา ๆ มาเอาหมอนไปถือแห่ช่วยเพิ่น มันจังได้บุญ ถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองกะได้ มา… แม่หาให้ถือ ย่างไปนำมูป้าพุ่น” แม่กล่าว
“บ่แม่… บอสสิไปอยู่นำกลองยาวอี่ตา” บอสปฏิเสธพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ “ไปบ่พวกเฮา หรือสิถือหมอน”
“บ่… ไปแห่นำกลองยาวดีกว่า” แพรวพูด
“บ่อยากถือหมอนไปส่งลุงบ่” ลุงที่แม่กล่าว แม่หมายถึงครูสมพงษ์ “บ่ถือกะบ่ถือสั่น ไปแห่อยู่นำซุมขี้เหล้ากะเบิ่งคนตีกันแน่ล่ะ อย่าไปใกล้คนเมาเด้อมันสิถืกลูกหลงเขา” แม่กล่าวอีก
“เอ้าอาบ่ไปแห่นำเพิ่นบ่” พิมพ์ถาม
“บ่ อาสิถ่าเมี่ยนครัวช่วยป้าเอ พากันไปแห่โลด เบิ่งน้องนำเด้อบอส เบิ่งคนตีกันนำ อย่าหนีปากันเด้อ” แม่กำชับ “ยืนถ่าเพิ่นอยู่หนิล่ะ เพิ่นแห่มาจังย่างตามก้นเพิ่นไป บ่ต้องข้ามไปหรอก” แม่พูดก่อนจะขอตัวเดินกลับไปยังบ้านย่าน้อย
หลังจากแม่เดินจากไป พวกเธอยืนเกาะรั้วไม้ไผ่ดูขบวนแห่ที่กำลังจะเคลื่อนตัวผ่านมาทางที่พวกเธออยู่ พ่อใหญ่บ้านประกาศอีกรอบ ว่าบัดนี้ได้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ขบวนแห่กำลังจะเคลื่อนตัวแห่รอบหมู่บ้านทั้งหมู่หนึ่งและหมู่สอง จากนั้นก็เลี้ยวเข้าวัดเป็นอันเสร็จสิ้น ตอนกลางคืนมีมหรสพมีหมอลำให้ชาวบ้านได้ดูด้วย พอผู้ใหญ่บ้านประกาศจบ ขบวนก็เริ่มเดินออกมาจากบ้านของย่าน้อยทันที
เสียงกลองยาวบรรเลงขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครม ราวกับว่าเสียงของมันแทรกเข้าไปตามร่างกายยันหัวใจของพวกเธอเลย มันเสียงดังและไพเราะจับใจชาวขี้เมาเป็นอย่างมาก ขบวนแรกเคลื่อนตัวผ่านหน้าพวกเธอทั้งห้าคนไปอย่างช้า ๆ ตาเอ็ดกับตาป้อมใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดถนนไปตามทาง พวกเธอยังยืนเกาะรั้วบ้านของพิมพ์กับแพรวดูอยู่อย่างนั้น
รอให้ขบวนสุดท้ายเคลื่อนตัวมาถึงพวกเธอถึงจะออกไปสมทบ นั่นคือขบวนกลองยาวของตา ระหว่างที่รถของนาคขับผ่านก็เริ่มทำการโปรยเหรียญกัลปพฤกษ์ทันที มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่กระโจนเข้าไปรับ กระโดดรุมแย่งกันวุ่นวาย ยกเว้นพวกเธอที่ยืนดูพร้อมลุ้นไปกับคนเหล่านั้น ไม่ได้คิดจะไปแย่งเลย
เมื่อขบวนสุดท้ายเดินมาถึงพวกเธอทั้งห้าคนก็ปรี่เข้าไปร่วมเดินด้วย เสียงพิณเสียงกลองยาวกลองรำมะนาดังสนั่นกลบเสียงพูดคุยของผู้คนไปหมด ขี้เมาก็เริ่มออกลวดลายตั้งแต่บัดนี้ ‘กลองยาวขณะขวัญใจวัยซิ่ง’ ของตาเริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ และเร้าใจวัยกำลังเมาอย่างที่สุด
ตาเป็นหัวหน้าวงเพียงเดินคุมคณะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นชนิดไหนทั้งสิ้น แต่ตาก็เล่นเป็นทุกชิ้นสำหรับเครื่องดนตรีที่มี พี่บอมรับหน้าที่คนเข็นล้อเครื่องเสียงให้กับตา โดยตาให้ค่าแรงเป็นการส่วนตัว ถ้ารับงานที่อื่นตาจะเป็นคนเข็นเอง สำหรับงานในหมู่บ้านตาจะให้หลานชายช่วยเข็น เพื่อได้ค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ไปโรงเรียน
ขณะนี้บอสและเพื่อน ๆ พร้อมน้องบีมเดินตามหลังคณะกลองยาวไปพร้อมกับคนอื่น ญาติฝั่งแม่หลายคนก็มาร่วมแห่นาคด้วย มีการทักทายกับพวกเธอบ้างเล็กน้อยตามประสา
พวกเธอเดินปนกับชาวบ้านคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวมีทั้งคนเมา คนไม่เมา และคนที่กำลังฟ้อนไปกับจังหวะเสียงกลอง ฟ้อนท่าอะไรต่อมิอะไรเท่าที่ความสนุกในใจจะพาเคลื่อนไหว บ้างก็ตลก บ้างก็ฟ้อนสวยปะปนกัน ทว่าทุก ๆ ท่ามันล้วนเกิดขึ้นจากความสุขภายในจิตใจของทุกคน
พวกเธอก็เดินตามไปเรื่อย ๆ เด็ก ๆ คนอื่นที่กล้าแสดงออกต่างก็ฟ้อนไปด้วย พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ว่าอะไร น้องบีมกับจ๋อมสองคนที่พากันอดไม่ได้ที่จะเซิ้งไปกับกลองยาวของตา จ๋อมกล้าแสดงออกพอสมควร ไม่อายใครทั้งสิ้น ส่วนเธอกับสองฝาแฝดเพียงเดินตามไปเฉย ๆ ไม่อยากฟ้อน โดยเฉพาะเธอเขินตาที่เดินอยู่ด้านหน้านู่น
ขณะนี้ขบวนได้เดินมาเรื่อย ๆ จวบจนจะถึงคุ้มโรงเรียนแถวบ้านของจ๋อมแล้ว มีเพื่อนคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมแห่ด้วย คนที่มีบ้านติดถนนต่างออกมายืนชมขบวนแห่นาคที่หน้าบ้าน บ้างก็นำเสื่อมาปูรองให้รถนาคขับผ่าน ให้คนในขบวนแห่เยียบย่ำไป จะได้บุญตามความเชื่อ
บ้างก็นำกระติกน้ำใส่น้ำแข็งที่เย็นชื่นใจมาวางข้าง ๆ ถนน ให้คนที่แห่ได้ดื่มดับกระหาย จะได้บุญร่วมด้วยอีก ซึ่งบอสเดินผ่านบ้านหลายหลังมาแล้ว ล้วนมีกระติกวางอยู่ข้างถนนทั้งสองข้างทางกันเลย มีบ้างที่บางคนเปิดดื่มน้ำดับกระหาย
วันวาน 23
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
…เสี่ยวลำต้นเสี่ยว ซีวิชแอลวิชโอคู่…
จ๋อมฮัมเพลงขณะกระโดดยางอย่างเกรี้ยวกราด ไหนจะต้องระวังทุกส่วนของร่างกายไม่ให้โดนเส้นยาง ไม่อย่างนั้นได้กลับมาเป็นคนแกว่งแน่ เป็นสิ่งที่ผู้เล่นทุกทีมไม่พึงปรารถนา
พวกเธอเล่นกระโดดยางรอขบวนแห่นาคไปพลาง ๆ ที่หน้าบ้าน ขบวนจะเริ่มแห่ในเวลาบ่ายสามโมง ในการเล่นมีการร้องเพลงประกอบไปด้วยเพื่อความสนุกสนาน
พวกเธอแบ่งกันเป็นทีม ทีมละสองคน ส่วนน้องบีมอายุน้อยกว่าใคร เล่นอ่อนหรือตายง่ายกว่าใคร จึงได้เป็นตัวอิสระ สามารถเล่นได้ทั้งสองทีม จึงไม่ต้องพะวงอะไรนัก ภาษากระโดดยางเรียกตัวอิสระว่า ‘ตัวเศษ’ เธออยู่ทีมกับแพรว ส่วนพิมพ์อยู่ทีมกับจ๋อม
ขณะนี้บอสกับแพรวกำลังแกว่งเส้นยางที่นำมาถักต่อกันเป็นเส้นยาว ให้จ๋อมกระโดดไปกระโดดมาอยู่ใต้ร่มชายคาบ้าน พวกเธอไม่ห่วงว่าจะร้อนอบอ้าวอะไรทั้งสิ้น วันนี้เป็นวันที่สนุก อิสระ และมีความสุขอย่างเดียว เป็นผลพลอยได้จากงานบุญของย่าน้อยที่ทำให้พวกเธอสนุกมาก ๆ สำหรับวันนี้ ระหว่างที่จ๋อมกระโดดอยู่นั้นก็จะต้องร้องเพลงประกอบไปด้วย ไม่อย่างนั้นถือว่าฟาวล์
พวกเธอขลุกอยู่ที่บ้านของสองฝาแฝด ตลอดระยะเวลาที่รอให้ถึงบ่ายสามโมง ไม่ยอมไปเล่นที่อื่นไกล ๆ เลย เกรงว่าจะมาไม่ทันกาล จานชามช้อนหลังกินเสร็จพวกเธอจัดการล้างทำความสะอาด นำไปคืนให้แม่ที่บ้านย่าน้อยตามคำสั่ง
ก่อนหน้านี้จ๋อมได้เจอกับแม่ของตนเองแล้ว บอกกล่าวขออนุญาตสำหรับสิ่งที่จะทำ แม่ของจ๋อมก็อนุญาตแต่โดยดี ทำให้จ๋อมสบายใจที่จะอยู่กับพวกเธอไปจนถึงส่งนาคเข้าโบสถ์กันเลย
“กรี๊ดดดด ฮ่า… “ เสียงกรี๊ดปนหัวเราะของน้องบีมดังขึ้นลั่นบ้านด้วยความเสียดาย ที่โดนหนังยางฟาดเข้าศีรษะอย่างจัง นั่นแปลว่าเล่นตายจะต้องหยุดเล่นในรอบนี้ไปก่อน
พึ่งจะเริ่มเล่นหายใจไม่ทันสุดก็ตายเสียแล้ว จึงเป็นที่มาของเสียงกรี๊ดอันดังสนั่นบ้านของน้องบีม นอกจากเสียงหัวเราะของน้องสาวแล้ว ยังปนไปกับเสียงหัวเราะของเธอกับแพรวที่สะใจอยู่ในทีด้วย
“เอื้อยแพรวกับเอื้อยบอสห่วย… คือมาแกว่งแฮงแถะว่ะ น้องบีมตายเลยห่วย” น้องบีมค่อนขอดพวกเธอ สีหน้าอาการบอกบุญไม่รับ แม้การตายจะไม่มีผลเพราะเป็นตัวเศษ ถึงอย่างไรก็อยากเล่นให้นาน ๆ ให้ชนะในทุก ๆ เกม ไม่ใช่พึ่งจะเริ่มก็ตายแล้วแบบนี้
“ฮือ… จะของเล่นตายเองกะมาโทษเขา” แพรวต่อปากต่อคำกับน้องสาวของเธอ สายตาที่มองน้องบีมมีเลศนัย ส่วนเธอหัวเราะพอใจอย่างเดียว น้องบีมก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างไร ถึงตายเร็วรอบต่อไปตนก็ได้เล่นอีกอยู่ดี เพราะเป็นตัวเศษ เพียงบ่นไปเท่านั้น
“อี่น้องบีมคือตายเร็วคัก กะโดดบ่ทันพอสองบาดขากะข้องยางล่ะ กูเกี้ยน้องบีมเอง” พิมพ์เสนอตัว บ่นอุบอิบให้น้องบีมจะบอกว่าตัวภาระก็ไม่มีใครเถียงได้ ก่อนจะเริ่มเข้าไปเล่นอีกรอบ
‘เกี้ย’ หมายถึงการช่วยให้คนที่เล่นตายกลับมาเล่นใหม่ได้อีกครั้ง คล้ายการชุบชีวิต ให้ใครก็ได้ที่คิดว่าเก่งที่สุดในทีมเข้ามาเล่นแทน สามารถเกี้ยได้รอบเดียว ถ้าเกี้ยตายอีก นั่นแปลว่าทีมนั้นจะต้องเป็นคนแกว่ง และสลับให้อีกทีมมาเล่น การที่ทีมจะได้เล่นอีกรอบ จะต้องไม่มีใครเล่นตายเลยสักคน แม้ตายก็ต้องเกี้ยได้
พิมพ์เข้ามาอยู่ในวงสวิงของหนังยางเพื่อเตรียมเกี้ยน้องบีม “เกี้ยน้องบีม” พิมพ์กล่าวบอกคนแกว่งนั่นคือเธอกับแพรว เป็นการให้สัญญาณไปในตัวด้วย “เริ่ม” พิมพ์ให้สัญญาณพวกเธอ จากนั้นพวกเธอสองคนก็แกว่งยางให้พิมพ์กระโดด โดยมีจ๋อมและน้องบีมนั่งลุ้นเอาใจช่วย
…เสี่ยวลำต้นเสี่ยว ซีวิชแอลวิชโอคู่… พิมพ์ร้องเพลงประกอบ เมื่อจบคำว่าโอคู่ พิมพ์จะต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อหยุดยางและให้หนังยางเข้ามาอยู่ในหว่างขา ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าเกี้ยตายเหมือนกัน
ในขณะที่พวกเธอกำลังกระโดดยางอยู่นั้น เสียงเพลงที่บ้านของย่าน้อยยังดังระงมไปทั่วคุ้ม เพลงแหล่สลับกับเพลงลูกทุ่ง ดังแข่งกับเสียงหัวเราะของพวกเธอที่กำลังเล่นกระโดดยางกันอยู่ ระหว่างนั้นพวกเธอก็ได้ยินเสียงกลองยาวของตาดังปนเสียงเพลงมาด้วย ดั่งกับว่าเหมือนว่าตากำลังลองเครื่องยังไงยังงั้น
ในเวลาเดียวกันพลันก็ได้ยินเสียงประกาศจากผู้ใหญ่บ้านทั้งสองคน หมู่บ้านของเธอเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองหมู่ จึงมีผู้ใหญ่บ้านสองคนในเวลาเดียวกัน ประกาศบอกว่า ณ เวลานี้ได้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ถึงเวลาแห่กองบวชแล้ว ให้ทุก ๆ คนเตรียมตัว
พอพวกเธอได้ยินเสียงประกาศต่างพากันดีใจที่จะได้แห่สักที จากที่รอมาครึ่งค่อนวัน เมื่อได้ยินเสียงประกาศพวกเธอจึงหยุดเล่น เตรียมตัวแห่นาคในบัดดล พวกเธอจะแห่กองบวชทั้งชุดเดิมนี่เลย ไม่มีใครยอมกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ เกรงว่าจะไม่ทัน
ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงประกาศจากผู้ใหญ่บ้าน ต่างทยอยเดินมาที่บ้านของย่าน้อยเพื่อร่วมขบวนแห่นาคไปด้วย บ้างก็ถือหมอนขิดมาพร้อม บ้างก็มาตัวเปล่า ญาติพี่น้องต่างเตรียมตัวกันพร้อม ขบวนรถที่จะใช้แห่นาค ตกแต่งด้วยผ้าสวยงามเสร็จสรรพ จับกลีบผ้ารอบคันรถอย่างสวยงาม
การแห่นาคในวันนี้ย่าน้อยใช้รถกระบะอย่างเป็นทางการสามคัน นอกนั้นญาติคนไหนอยากใช้รถร่วมแห่ด้วยก็ได้ เพื่อให้คนเฒ่าคนแก่ที่เดินไม่ไหวนั่งกระบะ จะได้บุญเหมือนกัน กระบะคันแรกขับเข้ามาจอดที่ถนนเพื่อจัดขบวน
คันแรกเป็นคันที่ให้นาคนั่งไปด้วย มีเก้าอี้ไว้สำหรับเป็นที่นั่งของนาค พร้อมร่มและเครื่องบวชต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปด้วย คันที่สองและสามเป็นรถที่ใช้ขนกองบวชอื่น ๆ ที่จะถวายให้วัด เช่นพวกหมอนและเสื่อ รถที่ใช้ในวันนี้มีรถของครูนิพนธ์ รถพ่อ และ รถลุงวิทย์ นอกนั้นรถคันอื่น ๆ ต่างเป็นรถเก๋งกันหมด ซึ่งเป็นรถของญาติ ๆ ที่อยากขับแห่ไม่อยากเดินนั่นเอง
ตอนนี้เจ้าภาพต่างง่วนอยู่กับการจัดขบวน เสียงกลองยาวของตาก็กำลังบรรเลงขึ้นอย่างไพเราะ หน้าขบวนมีตาใสกับตาเปเป็นผู้แบกฆ้องไปด้วยกัน เพื่อจะลั่นฆ้องไปตามทางเดิน ตาเอ็ดภารโรง และตาป้อมถือไม้กวาดทางมะพร้าวคนละด้าม คอยกวาดถนนให้นาคไปตามทาง ถัดมาเป็นคณะเดินถือเครื่องบวช ล้วนเป็นญาติ ๆ เจ้าภาพทั้งนั้น มีการถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองหมอน ส่วนคนถือรูปครูสมพงษ์เห็นจะเป็นภรรยากับลูกสาว
ถัดจากขบวนเจ้าภาพจะเป็นขบวนรถ คันแรกเป็นรถนาค คนขับรถให้นาคคือครูปักษา ลุงหนุ่ยผู้บวชนาคขึ้นไปนั่งเก้าอี้บนกระบะรถ โดยมีครูนิพนธ์นั่งถือร่มให้อยู่ข้าง ๆ อีกคนคือพี่อ็อฟลูกชายของครูสมพงษ์ที่นั่งรถไปด้วย มีหน้าที่ถือตาลปัตรกับตัวนาคให้ลุงหนุ่ย ส่วนตัวนาคเองมีหน้าที่คอยโปรยเหรียญกัลปพฤกษ์ในระหว่างทาง นอกจากนั้นมีย่าและย่าน้อยและญาติคนอื่น ๆ นั่งไปด้วย
ถัดมาเป็นรถขนกองบวชโดยเฉพาะ คันที่สองเป็นรถของพ่อ คันที่สามเป็นรถของลุงวิทย์ ที่กระบะจะมีญาติ ๆ อีกหลายคนนั่งไปด้วยเช่นกัน ถัดมาเป็นรถเก๋งเหล่าบรรดาญาติคนอื่น ๆ ที่อยากนำรถเข้าขบวนด้วย
ถัดจากขบวนรถจะเป็นขบวนกลองยาวของตา และขบวนชาวบ้านที่อยากร่วมเดินแห่ไปด้วย เป็นขบวนศูนย์รวมคนชอบฟ้อนชอบเต้นชอบเซิ้ง ก็จะมารวมตัวกันที่ขบวนสุดท้ายนี้ นั่นแหละพวกเธอกะจะเดินไปกับขบวนกลองยาวของตา สนุกและมันส์กว่าไปเดินถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเป็นไหน ๆ
“น้องบอส น้องพิมพ์มาแหมะลูกเพิ่นสิแห่แล้ว” แม่เดินมาเรียกพวกเธอ ขณะนี้เสียงกลองของตาได้บรรเลงเป็นบทเพลงพร้อมแห่เต็มที่ “มา ๆ มาเอาหมอนไปถือแห่ช่วยเพิ่น มันจังได้บุญ ถือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองกะได้ มา… แม่หาให้ถือ ย่างไปนำมูป้าพุ่น” แม่กล่าว
“บ่แม่… บอสสิไปอยู่นำกลองยาวอี่ตา” บอสปฏิเสธพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ “ไปบ่พวกเฮา หรือสิถือหมอน”
“บ่… ไปแห่นำกลองยาวดีกว่า” แพรวพูด
“บ่อยากถือหมอนไปส่งลุงบ่” ลุงที่แม่กล่าว แม่หมายถึงครูสมพงษ์ “บ่ถือกะบ่ถือสั่น ไปแห่อยู่นำซุมขี้เหล้ากะเบิ่งคนตีกันแน่ล่ะ อย่าไปใกล้คนเมาเด้อมันสิถืกลูกหลงเขา” แม่กล่าวอีก
“เอ้าอาบ่ไปแห่นำเพิ่นบ่” พิมพ์ถาม
“บ่ อาสิถ่าเมี่ยนครัวช่วยป้าเอ พากันไปแห่โลด เบิ่งน้องนำเด้อบอส เบิ่งคนตีกันนำ อย่าหนีปากันเด้อ” แม่กำชับ “ยืนถ่าเพิ่นอยู่หนิล่ะ เพิ่นแห่มาจังย่างตามก้นเพิ่นไป บ่ต้องข้ามไปหรอก” แม่พูดก่อนจะขอตัวเดินกลับไปยังบ้านย่าน้อย
หลังจากแม่เดินจากไป พวกเธอยืนเกาะรั้วไม้ไผ่ดูขบวนแห่ที่กำลังจะเคลื่อนตัวผ่านมาทางที่พวกเธออยู่ พ่อใหญ่บ้านประกาศอีกรอบ ว่าบัดนี้ได้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ขบวนแห่กำลังจะเคลื่อนตัวแห่รอบหมู่บ้านทั้งหมู่หนึ่งและหมู่สอง จากนั้นก็เลี้ยวเข้าวัดเป็นอันเสร็จสิ้น ตอนกลางคืนมีมหรสพมีหมอลำให้ชาวบ้านได้ดูด้วย พอผู้ใหญ่บ้านประกาศจบ ขบวนก็เริ่มเดินออกมาจากบ้านของย่าน้อยทันที
เสียงกลองยาวบรรเลงขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครม ราวกับว่าเสียงของมันแทรกเข้าไปตามร่างกายยันหัวใจของพวกเธอเลย มันเสียงดังและไพเราะจับใจชาวขี้เมาเป็นอย่างมาก ขบวนแรกเคลื่อนตัวผ่านหน้าพวกเธอทั้งห้าคนไปอย่างช้า ๆ ตาเอ็ดกับตาป้อมใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดถนนไปตามทาง พวกเธอยังยืนเกาะรั้วบ้านของพิมพ์กับแพรวดูอยู่อย่างนั้น
รอให้ขบวนสุดท้ายเคลื่อนตัวมาถึงพวกเธอถึงจะออกไปสมทบ นั่นคือขบวนกลองยาวของตา ระหว่างที่รถของนาคขับผ่านก็เริ่มทำการโปรยเหรียญกัลปพฤกษ์ทันที มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่กระโจนเข้าไปรับ กระโดดรุมแย่งกันวุ่นวาย ยกเว้นพวกเธอที่ยืนดูพร้อมลุ้นไปกับคนเหล่านั้น ไม่ได้คิดจะไปแย่งเลย
เมื่อขบวนสุดท้ายเดินมาถึงพวกเธอทั้งห้าคนก็ปรี่เข้าไปร่วมเดินด้วย เสียงพิณเสียงกลองยาวกลองรำมะนาดังสนั่นกลบเสียงพูดคุยของผู้คนไปหมด ขี้เมาก็เริ่มออกลวดลายตั้งแต่บัดนี้ ‘กลองยาวขณะขวัญใจวัยซิ่ง’ ของตาเริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ และเร้าใจวัยกำลังเมาอย่างที่สุด
ตาเป็นหัวหน้าวงเพียงเดินคุมคณะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นชนิดไหนทั้งสิ้น แต่ตาก็เล่นเป็นทุกชิ้นสำหรับเครื่องดนตรีที่มี พี่บอมรับหน้าที่คนเข็นล้อเครื่องเสียงให้กับตา โดยตาให้ค่าแรงเป็นการส่วนตัว ถ้ารับงานที่อื่นตาจะเป็นคนเข็นเอง สำหรับงานในหมู่บ้านตาจะให้หลานชายช่วยเข็น เพื่อได้ค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ไปโรงเรียน
ขณะนี้บอสและเพื่อน ๆ พร้อมน้องบีมเดินตามหลังคณะกลองยาวไปพร้อมกับคนอื่น ญาติฝั่งแม่หลายคนก็มาร่วมแห่นาคด้วย มีการทักทายกับพวกเธอบ้างเล็กน้อยตามประสา
พวกเธอเดินปนกับชาวบ้านคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวมีทั้งคนเมา คนไม่เมา และคนที่กำลังฟ้อนไปกับจังหวะเสียงกลอง ฟ้อนท่าอะไรต่อมิอะไรเท่าที่ความสนุกในใจจะพาเคลื่อนไหว บ้างก็ตลก บ้างก็ฟ้อนสวยปะปนกัน ทว่าทุก ๆ ท่ามันล้วนเกิดขึ้นจากความสุขภายในจิตใจของทุกคน
พวกเธอก็เดินตามไปเรื่อย ๆ เด็ก ๆ คนอื่นที่กล้าแสดงออกต่างก็ฟ้อนไปด้วย พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ว่าอะไร น้องบีมกับจ๋อมสองคนที่พากันอดไม่ได้ที่จะเซิ้งไปกับกลองยาวของตา จ๋อมกล้าแสดงออกพอสมควร ไม่อายใครทั้งสิ้น ส่วนเธอกับสองฝาแฝดเพียงเดินตามไปเฉย ๆ ไม่อยากฟ้อน โดยเฉพาะเธอเขินตาที่เดินอยู่ด้านหน้านู่น
ขณะนี้ขบวนได้เดินมาเรื่อย ๆ จวบจนจะถึงคุ้มโรงเรียนแถวบ้านของจ๋อมแล้ว มีเพื่อนคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมแห่ด้วย คนที่มีบ้านติดถนนต่างออกมายืนชมขบวนแห่นาคที่หน้าบ้าน บ้างก็นำเสื่อมาปูรองให้รถนาคขับผ่าน ให้คนในขบวนแห่เยียบย่ำไป จะได้บุญตามความเชื่อ
บ้างก็นำกระติกน้ำใส่น้ำแข็งที่เย็นชื่นใจมาวางข้าง ๆ ถนน ให้คนที่แห่ได้ดื่มดับกระหาย จะได้บุญร่วมด้วยอีก ซึ่งบอสเดินผ่านบ้านหลายหลังมาแล้ว ล้วนมีกระติกวางอยู่ข้างถนนทั้งสองข้างทางกันเลย มีบ้างที่บางคนเปิดดื่มน้ำดับกระหาย