จับได้ว่าแฟนนอกใจ และตอนนี้เราท้อง9เดือน สภาพจิตใจคือดาวน์มาก ไม่รู้ต้องทำยังไงดี

ขอเล่าเรื่องยาวกน่อยนะคะ คือเรากับแฟนเริ่มคุยกันมาตั้งแต่ปลายปี 63 ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ปฏิบัติต่อกันเหมือนแฟนทุกอย่าง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้มีสถานะอะไรให้กัน เพราะตั้งแต่ที่เริ่มคุยกัน เขาบอกกับเราว่าขอเวลาลองศึกษาดูใจกันสัก1 ปี แล้วเขาจะให้คำตอบซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเราชัดเจนด้านความรู้สึกที่มีให้เขามาตลอดว่าเราอยากไปต่อกับเขาในสถานะแฟนมากกว่าแค่พี่น้องหรือคนคุย เขาเองก็เสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด

เราอายุ 25 ซึ่งเขาอายุมากกว่าเรา 5 เดือน ตอนนั้นเขาเล่าให้เราฟังว่าเขาเองเคยแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว มีลูกด้วยกันกับแฟนเก่า 1คน (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) แต่เขากับแฟนเก่าทะเลากันมีปัญหากันจนทำให้ต้องเลิกกันและแยกกันอยู่โดยที่ฝั่งแฟนเก่าเป็นคนเอาลูกไปเลี้ยงและห้ามเขาเจอกับลูกอีก ซึ่งเรื่องในตอนนั้นกระทบจิตใจเขามาก เขาเครียดมากจนต้องเขารับการบำบัดรักษาที่โรงพาลบาลจิตเวตแห่งหนึ่งเป็นเวลาเกือบๆปี เขาเข้ารับรักษาจนอาการเป็นปกติและสามารถกลับมาอยู่ที่บ้านทำงานปกติได้เกือบครึ่งปี จนได้มาเจอและเริ่มคุยกับเรา  เขาบอกเราว่าเขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเราเพราะ อยากให้เรารับรู้ว่าเขาเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้วและเคยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตมา เพราะที่ผ่านมาเวลาเขามีคนคุยเขาจะบอกเหมือนที่บอกกับเรา แต่ส่วนมากมีแต่คนรับไม่ได้และส่วนมากก็เลิกคุยไปเอง เขาเสียใจกับเรื่องนี้มาเยอะและเขากลัวเราจะเป็นเหมือนคนก่อนๆที่ผ่านมา แต่เราบอกเขาไปว่าเรารับเรื่องนี้ได้และเราเข้าใจเขา เราพร้อมที่จะช่วยเหลือและอยู่เป็นกำลังใจให้เขาแบบนี้จนกว่าเขาพร้อมที่จะเปิดใจอีกครั้ง เขาเลยขอเวลาดูใจกับเรา 1 ปีตามที่เราเล่าไว้ตอนแรก

จนปลายปี 64 เราตัดสินใจชวนเขาไปเที่ยวทะเลด้วยกันและตั้งใจว่าจะถามเขาตรงๆไปเลยว่าเรื่องของเราจะไปต่อในทิศทางไหน เพราะตอนนั้นเราเองก็มีแพลนว่าจะไปทำงานเรือสำราญที่ต่างประเทศ ซึ่งเราเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเขาแล้วแต่เขาเองไม่ค่อยเห็นด้วยโดยเขาให้เหตุผลกับเราว่าเป็นห่วงเพราะเราต้องไปทำงานคนเดียว กลัวเราลำบากเพราะมันห่างไกลจากครอบครัวและติดต่อสื่อสารกันยาก แต่ความตั้งใจของเราตอนนั้นคือเราอยากได้ความชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขา เพราะถ้าคำตอบที่เขาให้มาคือไปต่อในสถานะแฟนไม่ได้ เราจะได้ตัดใจและไปเริ่มต้นใหม่ได้อย่างไม่ต้องลังเลใจ ซึ่งเราเองก็ทำเรื่องลาออกจากที่ทำงานเก่าเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปทำ

เราบอกเขาไปว่าเราจะไปทำงานประมาณ 2 ปี ระหว่างนั้นเราจะติดต่อกลับมาหาเขาทุกวันและคุยกันเหมือนเดิม เขาบอกว่ากลัวระยะทางจะทำให้เราเปลี่ยนไป วันนั้นเขาเลยตกลงเป็นแฟนกับเราเพราะเขาไม่อยากให้เราไป หลังจากนั้นเราก็ได้ไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยขึ้น เขาพาเรามาเจอกับครอบครัวและเพื่อนๆของเขา ก่อนเราจะกลับไปอยู่บ้านที่ใต้ช่วงสิ้นปี 64 ระหว่างนั้นประจำเดือนเราก็ขาดไปประมาณเดือนกว่าแต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเครียดหลายเรื่องทั้งเรื่องที่งานและเรื่องที่บ้านเลยคิดว่าประจำเดือนคงเลื่อนและจะกลับมาเป็นปกติเอง

ตอนที่กลับไปอยู่ที่บ้านเราก็ติดต่อกับเขาตลอดจนถึงช่วงปีใหม่ เขาขอเราไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่พัทยา ไปวันที่ 30 ธ.ค.- 2 ม.ค เราก็อนุญาตเพราะในนั้นมีพี่ชายแท้ๆของเขาไปด้วย เขาบอกเราว่าจะรุ่นน้องที่เป็นแฟนกับเพื่อนเขาตามมาด้วยอีก4-5 คนแต่แยกห้องนอน ช ญ  เราเองก็โอเค จนวันที่ 2 เขาโทรหาเราบอกว่าติดโควิดและต้องกักตัวกับเพื่อนที่หออีก 3-4คน มีรุ่นน้องผู้หญิงที่ไปด้วยติดเหมือนกันเลยให้มากักตัวด้วยแต่แยกห้องนอนกัน เราก็โอเคเพราะเห็นว่าแยกห้องนอนกัน (แต่ในใจเรารู้สึกตะหงิดๆว่าทำไมต้องมากักตัวกับกลุ่มแฟนเราที่หอ ทั้งๆที่เพื่อนน้องที่ไปด้วยกันก็ติดเหมือนกัน และแยกกักตัวที่หอของตัวเอง) ส่วนตัวเราเอง เย็นวันนั้นเราก็ตัดสินใจไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาทดสอบดูเพราะเราเครียดเรื่องประจำเดือนมาก ปกติประจำเดือนเราเลื่อนไม่เกิน5วันก็จะมา แต่นี่ไม่มาเกือบเดือนเราเลยกังวลมาก ผลตรวจที่ออกมาคือเราท้อง แต่เรายังไม่ได้บอกเขาทันทีในวันนั้นเพราะเห็นเขาเพิ่งขนของเข้าไปกักตัวเลยกะว่าจะบอกตอนเช้าวันถัดไปแทน

จนวันรุ่งขึ้นเราโทรหาเขาตอนเช้าและบอกว่าเราท้อง ตอนนั้นเขาตกใจมากและรีบตัดสายเราทิ้ง ตอนนั้นเรากลัวมากว่าเขาจะทิ้งเราและไม่เอาเด็กไว้ จนเขาโทรกลับมาและบอกว่าตอนนั้นเขาอยู่กับเพื่อน ยังไม่อยากให้เพื่อนรู้เรื่องนี้เลยรีบวางสายเราไป เราก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตั้งแต่วันนั้นเขาเองก็โทรหาเราบ่อยขึ้น คุยกันมากขึ้นและวางแพลนกันว่าจะเอายังไงกันต่อ ( ตอนนั้นเรายังไม่ได้บอกเรื่องท้องกับทางบ้านเรา) เราเลยวางแพลนที่จะขึ้นมาตั้งหลักที่กรุงเทพช่วงเดือนกุมภา และค่อยตัดสินใจอีกทีเรื่องจะบอกกับทางบ้านของเรายังไงดี

จนอยู่ใต้จนถึงช่วงวาเลนไทน์ ช่วงนั้นเขาขอเราไปดื่มกับเพื่อนบ่อยมากแต่ด้วยความที่เราค่อนข้างสนิทกับเพื่อนของเขาเราเลยไม่ได้เอะใจอะไรจนมีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่ามันเริ่มแปลกๆ และอาจจะมีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง (อย่างว่าเซนท์ของผู้หญิงมันแรง) เพราะปกติแล้วเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบบออกไปเที่ยวนอกบ้านหรือเที่ยวกลางคืน แต่ตั้งแต่กลับจากเคาท์ดาวน์ปีใหม่มา เขาไปบ่อยมาก เราก็แอบถามตลอด แต่เขาก็บอกว่าไม่มีเรื่องผู้หญิงจริงๆ ส่วนมากไปแต่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เราก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก จนเขาโทรมาบอกเราว่าเขาไปมีเรื่องที่ร้านเหล้าเพราะมีผู้ชายในร้านมาหาเรื่องรุ่นน้องผู้หญิงที่ไปด้วยกัน (คนเดียวกันกับที่ไปกักตัวที่หอแฟนเรา) น้องเขาโดนขู่ทำร้ายและน้องเขากลัวมาก เลยอยากมีคนอยู่เป็นเพื่อน คนในกลุ่มมีแฟนกันหมดแล้วเลยแยกย้ายกันกลับเหลือแค่แฟนเรา แฟนเราเลยอาสาไปส่งน้องที่หอ และรอเคลียร์ที่ร้านให้ (ตอนนั้นเรายังอยู่บ้านที่ใต้) ช่วงนั้นพี่ชายของเขาทักมาหาเราบอกว่าแฟนเราเริ่มกลับไปมีอาการเหมือนตอนที่ป่วยทางจิตอีกแล้ว คือเริ่มเครียด วิตกกังวลกลัวคนมาทำร้ายเขากับน้อง เขาเริ่มควบคุมความคิดไม่ได้และไม่ยอมนอนหลับตอนกลางคืน พอเรารู้เรื่องเราก็รีบจองตัวขึ้นกรุงเทพทันทีเพราะเป็นห่วงเขา

วันที่เรามาถึงที่กรุงเทพ เขาบอกว่าจะมารับเราที่สนามบิน พอเราถึงสนามบินเราก็โทรหาเขา แต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย จนเราต้องโทรหาเพื่อนกับพี่ชายเขาเพื่อถามทางมาที่บ้านเขาเอง จน5โมงเย็นเขาโทรกลับมาบอกว่าเพิ่งตื่นเลยไม่ได้รับสายเรา เราก็โอเคและถามเขา ว่าจะกลับมากี่โมงเขาบอกถึงบ้านไม่เกิน 1ทุ่ม  เราก็รอเขาจน5ทุ่มเขากลับโทรไปก็ไม่ติด เราเป็นห่วงมากจนให้เพื่อนเขาช่วยโทรหา เขารับสายเพื่อนและบอกว่ากำลังกลับจะถึงบ้านไม่เกินตี1 เราก็นั่งรอ จนเขากลับถึงบ้าน คืนนั้นเขาละเมอทั้งคืนว่าจะมีคนมาทำร้าย เขาเพ้อจนแทบไม่มีสติและไม่สามารถนอนคนเดียวได้ โดยเราต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา เป็นเวลาเกือบ1อาทิตย์ ที่เขาเป็นแบบนั้น ตอนนั้นเราท้อมากเพราะเราเองก็เพิ่มแพ้ท้องหนักมากขึ้นเรื่อยๆและยังอดหลับอดนอนเพราะทุกคืนเขาจะละเมอฝันร้ายและควบคุมตัวเองไม่ได้ เราต้องคอยกล่อมเขาจนกว่าจะหลับ ซึ่งเราเองแทบจะไม่ได้นอนเลย

ตอนนั้นมีไลน์อีนนึงโทรหาเขาแต่เราไม่ได้รับเพราะเห็นว่าเขาหลับอยู่เลยไม่อยากปลุกมารับและเราเองก็ไม่อยากก้าวก่ายโทรศัพท์ของเขาด้วย เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเช็คโทรศัพท์ของเขาเลย จนวันนึงเขาเริ่มอาการดีขึ้น ตอนนั้นเขานอนหลับอยู่ก็มีไลน์ของผู้หญิงคนหนึ่งทักมา ถามว่า "ทำอะไรอยู่คิดถึงนะ รอคุยด้วยอยู่นะถ้าว่างแล้วก็โทรกลับมาหาด้วย"  ตอนเห็นข้อความนั้นเราใจสั่นมาก ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่ากลัวความจริงกันแน่ น้ำตาเราไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว เรารวบรวมความกล้าและกดเปิดเข้าไปอ่าน เจอข้อความที่เขาคุยกัน โทรหากัน บอกรักบอกคิดถึงกันทุกวันเราควบคุมตัวเองไม่ได้จนปล่อยโฮออกมา ร้องไห้หนักมาก เราอยากเคลียร์เรื่องนี้กับเขาเลยเรียกเขามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร และทำแบบนี้กับเรามานานเท่าไหร่แล้ว

ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับว่าทำ บอกแค่ว่าไม่มีอะไร แค่น้องที่คุยกัน จนเราบอกว่างั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบกันแค่นี้เถอะ เราเก็บกระเป๋ากลับบ้านทันทีและเตรียมที่จะออกจากบ้านเขามา เค้าก็ยอมเล่าทุกอย่า เขาบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ไปกักตัวด้วยกันที่หอ น้องคือ รุ่นน้องที่ไปกักตัวด้วย เขาก็บอกว่าเขาผิดไปแล้ว เขาเล่าว่าเริ่มรุ้จักกับน้องคนนั้นตอนปีใหม่ เราถามว่ารู้ทั้งรู้ว่าเราท้อง ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ เขาบอกว่า เขารู้ว่าเขาผิด และน้องเองก็รู้เรื่องที่เขามีแฟนและเรื่องที่เรากำลังท้อง เขากับน้องตกลงกันว่าจะจบเรื่องนี้กันเมื่อเราขึ้นมาที่กรุงเทพ แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะเป็นห่วงน้อง น้องไม่มีใครเลยเพราะน้องเพิ่งขึ้นมาฝึกงานที่กรุงเทพ มาอยู่คนเดียว และเพิ่งเลิกกับแฟนมาตอนปีใหม่

ตอนนั้นเราพังมาก เสียใจและทำอะไรไม่ถูกเลย เราถามเขาว่าระหว่างคนที่เพิ่งเจอกันไม่นาน กับคนที่ผ่านอะไรหลายๆอย่างด้วยกันมาเป็นปีๆ และที่สำคัญคือเราท้องอยู่ ทำไมถึงเลือกที่จะทำแบบนี้กับเรา เราอยากคุยกับน้องคนนั้นแต่แฟนเราห้ามไม่ให้ไปเจอ ขอให้เราจบเรื่องนี้แล้วแฟนเราจะไม่ติดต่อกับน้องเขาอีก แต่น้องเขาไม่ยอม บอกว่าอยากจะเจอแฟนเราครั้งสุดท้ายโดยให้แฟนเราไปหาน้องคืนนี้และตัองไปคนเดียว เราก็ไม่ยอมให้แฟนเราไปเหมือนกัน เราบอกไปว่าถ้าจะเจอก็มาเจอกันที่คอนโดของแฟนเรา แต่เราจะไปด้วยและอยู่ด้วยตลอดเวลา ตอนแรกน้องก็ไม่ยอม เราเลยบอกว่างั้นแล้วแต่เลย ถ้าไม่ตกลงตามนี้ก็ไม่ต้องมาและไม่ต้องคุยกับแฟนเราอีก จบกับแค่นี้ไปเลย น้องเลยยอมมาเจอกันที่คอนโดตามที่เราเสนอไปแทน

พอไปถึงน้องก็ขออยู่คุยแฟนเราสองต่อสองบอกว่ามีเรื่องต้องคุยกัน เราก็ไม่ยอม ถ้าจะคุยก็ต้องคุยกันต่อหน้าเรา ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ต้องคุย น้องเลยยอมคุย สรุปได้ความว่า น้องรู้และเข้าใจว่าเราไม่พอใจ และน้องเองก็ผิดที่รู้ว่า แฟนเรามีแฟนอยู่แล้ว และเรากำลังท้อง แต่น้องก็ยังมายุ่ง เพราะน้องชอบแฟนเรามากจริงๆ จนตอนนี้น้องถอยกลับไม่ได้แล้วน้องถามเราว่าเราโอเคมั้ยถ้าวันนึงแฟนเราจะทิ้งเราไปอยู่กับน้องเขา เราจะอยู่ได้มั้ยรับได้มั้ย เพราะแฟนเราเคยรับปากกับน้องไปว่าหลังคลอดลูก เขาจะเอาลูกเราไปอยู่กับน้องและจะขอแยกทางกับเรา ในใจตอนนั้นที่ได้ยินคำพูดนั้นเราแทบอยากจะกระโดดไปกระชากหัวน้องแล้วถามกลับไปว่าเป็นน้องจะทำได้หรอ ณ เวลานี้น้องควรมีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีบ้างอ่ะ  แต่ตอนนั้นเราอึ้งกับความมั่นใจของน้องจนเราทำไรไม่ถูก เราเลยตอบกลับไปว่า แล้วถ้าเราไม่โอเคถ้าเราไม่ยอมน้องจะทำไม น้องไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเรากับแฟนด้วยซ้ำเพราะน้องคือคนนอก แม้แต่สถานะแค่พี่น้องมันก็ไม่ควร ตอนนี้สถานะที่มันควรจะเป็นคือ 3คน พ่อ แม่ ลูก ไม่ใช่3คนผัวเมีย แล้วน้องมั่นใจหรอว่าถึงวันที่ลูกเราคลอดแล้วแฟนเรายังจะรักษาคำพูดกับน้องอยู่  น้องตอบว่ายังไงก็จะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น

น้องบอกว่าน้องจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเราและแฟน แต่ขอแค่ให้น้องยังได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนของแฟนเราและเวลาไปไหนมาไหนน้องขอไปด้วยทุกครั้ง เพราะอยู่ที่กรุงเทพน้องไม่มีเพื่อนเลย เราเลยบอกไปว่า นั่นมันเป็นปัญหาของน้องไม่ใช่ของเรา เราไม่สนใจ แต่ต่อไปนี้เราก็จะอยู่กับแฟนด้วยกันตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยตลอด ถ้าน้องรับได้ก็เรื่องของน้องแต่ถ้าเรายังเห็นว่าน้องยังไม่เลิกยุ่งกับแฟนเรา เราจะไม่จบเรื่องนี้ให้แน่นอน น้องเองก็รับปากว่าจะเลิกยุ่งแต่ขอให้แฟนเรายังมีสถานะเป็นพี่น้องกับเขาเหมือนเดิมได้มั้ย เราบอกว่าเราไม่ยอม น้องเองก็หันไปถามแฟนเรา ว่าแฟนเราจะเอายังไง ตอนนั้นแฟนเราบอกว่าเลือกเรากับลูก เพราะยังไงน้องก็มาทีหลังและเขาเองก็ไม่ได้จริงจีงกับน้องตั้งแต่แรกทั้งหมดที่ผ่านมาระหว่างเขากับน้องแค่เขาเหงาที่เรากลับไปอยู่ที่บ้านหลายเดือน และแค่อารมณ์ชั่ววูป ตอนนั้นน้องเองก็โกรธแฟนเรามากเหมือนกันที่ทำเหมือนน้องไม่มีค่าอะไรเลย คิดจะทิ้งก็ทิ้ง น้องบอกกับเราว่าน้องรู้มาตลอดว่ายังไงแฟนเราก็ต้องเลือกเรากับลูก แต่น้องเขาก็แค่อยากอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแฟนเราไม่ว่าด้วยสถานะอะไรก็ตามจนพอถึงวันที่น้องเขาสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีแฟนเรา แล้วน้องเขาจะเดินจากไปเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่