Yesh in India อยู่อินเดียไม่มีเหงา EP.3 Sick ที่มาพร้อม Home sick


EP.2 เพื่อนใหม่ที่ชื่อว่าปูเน่ (Pune)
https://pantip.com/topic/41528765
.
ถ้าสัปดาห์แรกคือการใส่แว่นเรแบน คล้องกล้อง เดินเท่สำรวจไปทั่วเมือง สัปดาห์ที่สองคงเป็นหนังอีกม้วน ที่สวมแมส กางร่ม เดินออกไปซื้อข้าวที่หน้าปากซอยเกือบทั้งอาทิตย์ จากอาการไข้หวัดที่มาเยือน
.
เป็นการใช้ร่างกายหนักเกินไป ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน ความป่วยไข้ย่อมเคาะประตูถามหาเป็นปกติ เริ่มจากเจ็บคอ ปวดหัว คัดจมูก และก็ไอ การป่วยกายในต่างแดนนำพามาซึ่งความป่วยใจ ให้คิดถึงถิ่นแดนไกลที่จากมา
.
สายฝนแปรเปลี่ยนจากความโรแมนติก เป็นความน่าเบื่อ นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 14 วันแล้วที่ฝนตกติดต่อกันทุกวัน เมืองปูเน่เต็มไปด้วยความเฉอะแฉะ คราบดินโคลนเปอะเปื้อนทุกครั้งที่ออกไปเพียงแค่หน้าปากซอย
.
หากสัปดาห์แรกคือความสนุกที่ได้มาใช้ชีวิตในดินแดนใหม่ สัปดาห์ที่สองคงเป็นการใช้ชีวิต เพื่อเรียนรู้ที่จะต้องอยู่ให้ได้ในความเบื่อหน่าย ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง นานเข้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความซึม เศร้า เหงา หงอย วิถีชีวิตผมไม่ได้ถูกออกแบบมาให้อยู่รอดในสภาวะแบบนั้น ร่างกายผมต้องการแสงแดด หยาดเหงื่อ การมองเห็น ได้กลิ่น ได้ยินสิ่งที่อยู่ภายนอก แต่คงทำอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากอดทนให้ช่วงเวลาเหล่านี้ผ่านพ้นไป พร้อมภาวนาให้ฝนเพลาลง ว่ากันว่าฝนจะตกต่อไปอย่างนี้จนถึงเดือนกันยายน เสียงเพลง Wake me up when September ends ของวง Green Day ดังอยู่ในหัวตลอดคืน


บรรยากาศเมืองปูเน่ จากจุดชมวิว Parvati Payha

วันจันทร์นี้จะเปิดเทอมของจริงแล้ว เพราะวันพุธที่ผ่านมาเปิดเทอมหลอกๆ คือแค่ไปสอบ pre-test ได้พบเจอเพื่อนใหม่ส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง และแอฟริกา และสิทธิพิเศษคือได้เจออาจารย์ทั้งโรงเรียนก่อนใคร เมื่ออาจารย์รู้ว่าผมมีกล้อง เขาก็มอบหมายหน้าที่ตากล้องประจำโรงเรียนตลอด 1 ปีต่อจากนี้ (รูปนี้คืองานแรก)
.
กับเรื่องอาหารก็เช่นกัน บะหมี่ของมิดรู ไม่อาจทานทนความคิดถึงอาหารไทยไว้ได้ คิดถึงต้มเลือดหมู ผัดกะเพรา น้ำตก ส้มตำ ที่ก่อนมามิตรสหายหลายคนบอกว่าให้กินไว้เยอะๆ จะได้หายอยาก ผมกินจนเอียน แต่มาวันนี้ก็คิดถึงอีกแล้ว กลับไทยเมื่อไหร่คงจะจัดให้สาสมใจ
.
คงต้องขออภัยที่สัปดาห์นี้ไม่ได้มีเรื่องสนุกๆ หรือเรื่องราวจากอินเดียมาเล่าสู่กันฟังนัก เหมือนเป็นการบ่นของคนป่วย แต่เชื่อเถอะว่า ป่วยเหมือนกันแต่เพียงต่างสถานที่กัน ระดับความรุนแรงก็ต่างกันสุดขั้ว ถ้าเป็นที่ไทยผมเชื่อว่าป่านนี้ผมคงออกไปวิ่งฉิวได้แล้ว แต่เมื่ออยู่ที่นี่ผ่านมา 3-4 วันแล้ว ร่างกายยังออดๆ แอดๆ
.

ถ่ายกับอาจารย์ที่โรงเรียน ELTIS สถาบันสอนภาษาอังกฤษ ที่มีคนไทยเดินทางไปเรียนกันนักต่อนักแล้ว

แต่ชีวิตที่ปกติมันก็ควรเป็นเช่นนี้ มีวันที่สนุกและวันที่ไม่น่าอภิรมย์ปะปนกันไป ข่าวการตายเพื่อนร่วมอาชีพ ยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของชีวิต ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของความป่วยไข้ ความเศร้า ความสนุก ความรักและความตาย เราต่างเริงระบำในท่วงทำนองต่างๆ ของชีวิต เรียนรู้ที่จะต้องผ่อนหนักผ่อนเบา
.
และที่สำคัญผมควรเรียนรู้ที่จะกินยาเหมือนชาวบ้านเมื่อป่วยไข้ ควรเลิกนิสัยป่วยได้ก็หายได้เองแบบที่ใช้ในเมืองไทย ขอบคุณยาแก้แพ้จากพี่เฟริน ที่ช่วยให้หายใจหายคอสะดวก และหลับลงได้อย่างไม่มีปัญหากวนใจ

EP.4 เริ่มลงหลักปักฐานใช้ชีวิตที่อินเดีย
https://pantip.com/topic/41553886

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่