ไทเกอร์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ว่า หลังการรักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อต้นปี จนสามารถกลับมาลงสนามได้อีก
ครั้งว่า “หลังจากที่ผมรู้ตัวว่า น่าจะยังสามารถเล่นกอล์ฟในระดับสูงได้ โฟกัสของผมก็มุ่งไปที่ เซนต์ แอนดรูวส์ ก่อนเลย” ไทเกอร์
บอกถึงเหตุผลว่า “มันเป็นสนามที่มีความเป็นประวัติศาสตร์มากที่สุด ผมไม่อยากจะพลาดมัน มันมีความหมายสำหรับผมอย่างลึกซึ้ง”
แน่นอน เซนต์ แอนดรูวส์ คือ สนามที่มีความหมาย และมีคุณค่าทางจิตใจต่อไทเกอร์มากที่สุด
เป็นสนามที่เขาได้เดบิวท์ในรายการดิ โอเพน เมื่อปี 1995 เป็นสนามที่เขาคว้า คลาเรทจั๊ก ใบแรก
(จากทั้งหมดสามใบ) ในปี 2000 และเขาสามารถทำเแกรนด์สแลมอาชีพในปีนี้ด้วย
แต่การกลับมายัง เซนต์ แอนดรูวส์ ครั้งนี้ วูดส์ไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนครั้งก่อนๆ อีกต่อไป
ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างไปจากเดิม วัยที่มากขึ้น ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เมื่อวัน
จันทร์วูดส์ได้ถ่ายภาพหมู่ประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าของกอล์ฟ ร่วมกับ แจ็ค นิคลอส ลี เทรวิโน
และ รอรี แม็กอิลรอย เขาดูมีความสุขกับการทำกิจกรรมเหล่านี้ และรู้ตัวดีว่า กำลังจะต้องรับหน้าที่
กงล้อประวัติศาสตร์กอล์ฟต่อจากคนรุ่นเก่า ที่เป็นดั่งไม้ใกล้ฝั่งทุกทีแล้ว สักวันก็จะต้องล้มหายตาย
จาก เพื่อสานต่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ต่อไป
เมื่อถูกถามว่า เขารู้สึกอย่างไรกับการได้เดินข้ามสะพานสวิลแกนบริดจ์ และความจริงที่ว่า
ยังไม่แน่ว่า ดิ โอเพน จะกลับมาที่ เซนต์ แอนดรูวส์ อีกเมื่อไหร่ และในวันนั้นจะยังมีชื่อของ
เขาในฐานะผู้เข้าแข่งขันหรือไม่?
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะยังมี ดิ โอเพน ที่เซนต์ แอนดรูวส์ ให้ผมได้เล่นอีกกี่ครั้ง ผมจึงต้องการที่จะไม่พลาด
ดิ โอเพน ครั้งที่ 150 อันสำคัญยิ่งนี้อย่างที่สุด มันเป็นที่ที่ผมเริ่มต้นเมื่อปี 95 แต่หากมันจะต้องสิ้นสุด
ลงในปี 22 มันก็ต้องสิ้นสุด แต่หากไม่ มันก็ไม่ แต่หากผมมีโอกาสได้เล่นอีกสักครั้ง มันจะยอดเยี่ยมมาก
แต่ก็นั้นแหละ ไม่มีใครรับประกันได้”
ส่วนโอกาสของไทเกอร์กับดิโอเพนปีนี้ แม้ว่าทั้ง รอรี และ เฟรด คัพเปิล จะให้สัมภาษณ์ว่าไทเกอร์
ยังมีดีพอที่จะชนะในรายการนี้ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่า การผ่านการตัดตัวได้ น่าจะถือเป็นความสำเร็จที่
น่าพอใจมากแล้ว เพราะดูจากสภาพร่างกายและการเล่นรอบฝึกซ้อม ไทเกอร์ค่อนข้างจะปล่อยวาง
พอสมควร ต่างจากทุกๆครั้งที่เขามีความมุ่งมั่นและมั่นใจที่จะคว้าแชมป์ สีหน้าของเขาดูมีความสุข
เหมือนคนที่เข้าใจชีวิตและพอใจกับสิ่งที่ตนมี ความดุดันและความกระหายในแววตาที่เราคุ้นเคยนั้น
แทบจะเหือดหายไปหมดสิ้น
ไทเกอร์ออกวันแรก ร่วมก๊วนกับ แมท ฟิตซ์แพทริก และ แม็ก โฮมา เวลา สามทุ่มตรงบ้านเรา
ไทเกอร์ และโอกาส (ที่น้อยลงเรื่อยๆ) ที่ เซนต์ แอนดรูวส์
ไทเกอร์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ว่า หลังการรักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อต้นปี จนสามารถกลับมาลงสนามได้อีก
ครั้งว่า “หลังจากที่ผมรู้ตัวว่า น่าจะยังสามารถเล่นกอล์ฟในระดับสูงได้ โฟกัสของผมก็มุ่งไปที่ เซนต์ แอนดรูวส์ ก่อนเลย” ไทเกอร์
บอกถึงเหตุผลว่า “มันเป็นสนามที่มีความเป็นประวัติศาสตร์มากที่สุด ผมไม่อยากจะพลาดมัน มันมีความหมายสำหรับผมอย่างลึกซึ้ง”
แน่นอน เซนต์ แอนดรูวส์ คือ สนามที่มีความหมาย และมีคุณค่าทางจิตใจต่อไทเกอร์มากที่สุด
เป็นสนามที่เขาได้เดบิวท์ในรายการดิ โอเพน เมื่อปี 1995 เป็นสนามที่เขาคว้า คลาเรทจั๊ก ใบแรก
(จากทั้งหมดสามใบ) ในปี 2000 และเขาสามารถทำเแกรนด์สแลมอาชีพในปีนี้ด้วย
แต่การกลับมายัง เซนต์ แอนดรูวส์ ครั้งนี้ วูดส์ไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนครั้งก่อนๆ อีกต่อไป
ด้วยสภาพร่างกายที่แตกต่างไปจากเดิม วัยที่มากขึ้น ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เมื่อวัน
จันทร์วูดส์ได้ถ่ายภาพหมู่ประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าของกอล์ฟ ร่วมกับ แจ็ค นิคลอส ลี เทรวิโน
และ รอรี แม็กอิลรอย เขาดูมีความสุขกับการทำกิจกรรมเหล่านี้ และรู้ตัวดีว่า กำลังจะต้องรับหน้าที่
กงล้อประวัติศาสตร์กอล์ฟต่อจากคนรุ่นเก่า ที่เป็นดั่งไม้ใกล้ฝั่งทุกทีแล้ว สักวันก็จะต้องล้มหายตาย
จาก เพื่อสานต่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ต่อไป
เมื่อถูกถามว่า เขารู้สึกอย่างไรกับการได้เดินข้ามสะพานสวิลแกนบริดจ์ และความจริงที่ว่า
ยังไม่แน่ว่า ดิ โอเพน จะกลับมาที่ เซนต์ แอนดรูวส์ อีกเมื่อไหร่ และในวันนั้นจะยังมีชื่อของ
เขาในฐานะผู้เข้าแข่งขันหรือไม่?
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะยังมี ดิ โอเพน ที่เซนต์ แอนดรูวส์ ให้ผมได้เล่นอีกกี่ครั้ง ผมจึงต้องการที่จะไม่พลาด
ดิ โอเพน ครั้งที่ 150 อันสำคัญยิ่งนี้อย่างที่สุด มันเป็นที่ที่ผมเริ่มต้นเมื่อปี 95 แต่หากมันจะต้องสิ้นสุด
ลงในปี 22 มันก็ต้องสิ้นสุด แต่หากไม่ มันก็ไม่ แต่หากผมมีโอกาสได้เล่นอีกสักครั้ง มันจะยอดเยี่ยมมาก
แต่ก็นั้นแหละ ไม่มีใครรับประกันได้”
ส่วนโอกาสของไทเกอร์กับดิโอเพนปีนี้ แม้ว่าทั้ง รอรี และ เฟรด คัพเปิล จะให้สัมภาษณ์ว่าไทเกอร์
ยังมีดีพอที่จะชนะในรายการนี้ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่า การผ่านการตัดตัวได้ น่าจะถือเป็นความสำเร็จที่
น่าพอใจมากแล้ว เพราะดูจากสภาพร่างกายและการเล่นรอบฝึกซ้อม ไทเกอร์ค่อนข้างจะปล่อยวาง
พอสมควร ต่างจากทุกๆครั้งที่เขามีความมุ่งมั่นและมั่นใจที่จะคว้าแชมป์ สีหน้าของเขาดูมีความสุข
เหมือนคนที่เข้าใจชีวิตและพอใจกับสิ่งที่ตนมี ความดุดันและความกระหายในแววตาที่เราคุ้นเคยนั้น
แทบจะเหือดหายไปหมดสิ้น
ไทเกอร์ออกวันแรก ร่วมก๊วนกับ แมท ฟิตซ์แพทริก และ แม็ก โฮมา เวลา สามทุ่มตรงบ้านเรา