เมื่อเช้าขับรถมาทำงานครับ
เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ถนนจึงค่อนข้างโล่ง
รถเก๋งคันหน้าผมขับ วิ่งเลนขวาขับเอื่อยๆทั้งๆที่ข้างหน้าโล่งๆ
แต่ถนนนี้แซงขวาไม่ได้
ผมเลยต้องหาจังหวะแซงซ้ายออกไปได้แบบยากพอสมควร
เพราะเลน ซ้ายก็มีรถจอดเป็นระยะๆและมีมอเตอร์ไซด์ด้วย
พอออกไปซักพัก ผมรู้ว่าเส้นทางนี้ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงต้องถึงแยกไฟเขียวไฟแดง
ซึ่งมีโอกาสมากเลย ที่คันเอื่อยๆนี้จะมาต่อท้ายรถผม ถ้าผมติดไฟแดง และที่แซงมาก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ผมก็ขับไปความเร็วประมาณ 60 กม.นี่แหละครับถือว่าเร็วแล้วสำหรับถนนเล็กๆแบบนี้
แต่ก็ลุ้นว่าอย่าให้เค้าตามผมมาทันเลยครับ เพราะว่าถ้าตามมาทัน
เค้าก็จะคิดว่า เป็นไงหละจะรีบไปไหน ก็ต้องมาติดไฟแดงอยู่ดีนั่นแหละ
แต่พอผมมองกระจกหลัง อ่าวเค้าเหมือนจะขับเร็วขึ้นเล็กน้อย ซะงั้น
หรือที่ผมมโน มันจะเป็นเรื่องจริงเค้าจะตามมาเย้ยเรา ว่าจะรีบไปไหนก็ติดไฟแดงอยู่ดีนั่นแหละ(ผมมโนในใจ)
มองไปข้างหน้าไกลๆโน้นก็ไฟแดงจริงๆ มีรถติดไฟแดงอยู่แค่ไม่กี่คัน หรือมันเพิ่งจะไฟแดงก็ไม่รู้ ผมต้องไปติดไฟแดงจริงๆเหรอเนี่ย
ในตอนนั้นผมได้อธิษฐานถึงพระเจ้า ว่า ขอพระองค์โปรดให้ไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียวด้วยครับ เพราะคนขับรถคันนั้น เค้าไม่ควรขับขวางผมแบบนั้น แล้วแถมมาเร่งตามผมอีก อย่าต้องให้ผมมาติดไฟแดงให้เค้าเยาะเย้ยเลยครับ
ทันใดนั้นไฟก็เขียวครับ ผมมองกระจกหลังก็เห็นรถคันเอื่อยๆคันนั้นกำลังตามมา
ผมก็อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า ขอให้ผมผ่านไฟเขียวไปได้ และให้คันที่ตามมานั้นติดไฟแดง เพื่อเป็นบทเรียนแก่เค้านะครับ
และพอผมขับมาถึงแยกสัญญาณไฟจราจร ดันมีรถเอื่อยๆอยู่หน้าผมอีกคัน ทำให้ผมต้องลุ้นว่าจะติดไฟแดงรึเปล่า เพราะไฟก็เขียวมาซักพักแล้ว
พอกำลังผ่านแยกไฟเหลืองก็ขึ้นพอดีครับ ทำให้ผมผ่านแยกไปได้หวุดหวิดโดยไม่ผิดกฏหมายจราจรนะครับ
และผมคิดในใจว่า โอ้พระเจ้าพระองค์ฟังคำอธิษฐานของผม
พระเจ้าช่างดีกับผมจริงๆ และทรงให้บทเรียนรถคันข้างหลังผมเค้าต้องติดไฟแดง
แต่พอผมเหลือบมองกระจกหลัง รถคันนั้นดันเร่งฝ่าไฟแดงมาครับ เค้ายังข้ามแยกตามผมมาได้
โอ้แล้วทีตอนแรกทำไมขับเอื่อยๆหละ
แต่ยังไม่จบครับ
พอข้ามแยกมา
รถคันที่อยู่ข้างหน้าผม(คันนี้ก็ขับเอื่อยๆทำผมเกือบข้ามแยกไม่ทันไงครับ) รถคันหน้านี้ก็หยุด
และที่เค้าหยุดเพราะตำรวจจราจรออกมายืนกลางถนน ยกมือหยุดรถ แต่แล้วจราจรปล่อยให้คันหน้าผมไป แต่หยุดมอเตอร์ไซด์ แทน มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้
ตอนนั้นมอเตอร์ไซด์อยู่ข้างหน้ารถผมทางด้านซ้าย สงสัยน่าจะตามหลังผมมาจากทางด้านซ้ายตอนผมขับข้ามแยกสัญญาณจราจรมา
ตำรวจจราจรโบกให้เค้าหยุด ทำให้ผมก็ตกใจเล็กน้อย คิดว่าหรือตำรวจจะบอกว่าผมฝ่าไฟเหลืองด้วย
ผมมองกระจกหลัง คนขับคันหลังผม ที่ฝ่าไฟแดงมา ตอนนี้ผมเห็นเค้าชัดเลย เพราะเค้าขับมาหยุดหลังรถผม ดูเค้าเลิ่กลัก ผมว่าเค้าน่าจะตกใจ เพราะเค้าฝ่าไฟแดง
แต่สรุป ตำรวจจราจร โบกเฉพาะรถมอเตอร์ไซด์ให้ออกซ้ายเข้าซอยไป ซึ่งมีตำรวจอีกคนนึงยืนอยู่ตรงนั้น มอเตอร์ไซด์ไม่ได้สวมหมวกกันน็อคน่าจะโดนเรื่องนี้
แล้วผมกับรถคันหลัง ก็ขับกันออกไปได้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ผมว่าคันหลังผมเค้าคงใจหายแน่ๆ
ผมมองกระจกหลังอีกครั้ง รถคันนั้นกลับไปขับเอื่อยๆเหมือนเดิมอีกแล้ว และแน่นอนหนทางข้างหน้าไม่มีแยกอะไรที่ผมต้องติดไฟจราจรอีกแล้ว
ซึ่งผมรู้แต่เค้ารู้รึป่าวผมไม่แน่ใจ แต่ผมมโนว่าเค้าก็รู้เลยไม่ตามผมมา
จบเรื่องแต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ
ขับรถดีมีน้ำใจ ใช้ถนนปลอดภัยนะครับ
สุขสันต์วันหยุดยาวของใครหลายๆคนครับ
บายๆ
เล่าเหตุการณ์รถคันข้างหน้าผมขับเอื่อยๆ พอผมแซง เค้าเร่งตามมาเหมือนจะดูว่าผมจะไปไหนได้ไกล? แต่หักมุมตกใจกันตอนจบ
เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ถนนจึงค่อนข้างโล่ง
รถเก๋งคันหน้าผมขับ วิ่งเลนขวาขับเอื่อยๆทั้งๆที่ข้างหน้าโล่งๆ แต่ถนนนี้แซงขวาไม่ได้
ผมเลยต้องหาจังหวะแซงซ้ายออกไปได้แบบยากพอสมควร
เพราะเลน ซ้ายก็มีรถจอดเป็นระยะๆและมีมอเตอร์ไซด์ด้วย
พอออกไปซักพัก ผมรู้ว่าเส้นทางนี้ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงต้องถึงแยกไฟเขียวไฟแดง
ซึ่งมีโอกาสมากเลย ที่คันเอื่อยๆนี้จะมาต่อท้ายรถผม ถ้าผมติดไฟแดง และที่แซงมาก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ผมก็ขับไปความเร็วประมาณ 60 กม.นี่แหละครับถือว่าเร็วแล้วสำหรับถนนเล็กๆแบบนี้
แต่ก็ลุ้นว่าอย่าให้เค้าตามผมมาทันเลยครับ เพราะว่าถ้าตามมาทัน เค้าก็จะคิดว่า เป็นไงหละจะรีบไปไหน ก็ต้องมาติดไฟแดงอยู่ดีนั่นแหละ
แต่พอผมมองกระจกหลัง อ่าวเค้าเหมือนจะขับเร็วขึ้นเล็กน้อย ซะงั้น หรือที่ผมมโน มันจะเป็นเรื่องจริงเค้าจะตามมาเย้ยเรา ว่าจะรีบไปไหนก็ติดไฟแดงอยู่ดีนั่นแหละ(ผมมโนในใจ)
มองไปข้างหน้าไกลๆโน้นก็ไฟแดงจริงๆ มีรถติดไฟแดงอยู่แค่ไม่กี่คัน หรือมันเพิ่งจะไฟแดงก็ไม่รู้ ผมต้องไปติดไฟแดงจริงๆเหรอเนี่ย
ในตอนนั้นผมได้อธิษฐานถึงพระเจ้า ว่า ขอพระองค์โปรดให้ไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียวด้วยครับ เพราะคนขับรถคันนั้น เค้าไม่ควรขับขวางผมแบบนั้น แล้วแถมมาเร่งตามผมอีก อย่าต้องให้ผมมาติดไฟแดงให้เค้าเยาะเย้ยเลยครับ
ทันใดนั้นไฟก็เขียวครับ ผมมองกระจกหลังก็เห็นรถคันเอื่อยๆคันนั้นกำลังตามมา
ผมก็อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า ขอให้ผมผ่านไฟเขียวไปได้ และให้คันที่ตามมานั้นติดไฟแดง เพื่อเป็นบทเรียนแก่เค้านะครับ
และพอผมขับมาถึงแยกสัญญาณไฟจราจร ดันมีรถเอื่อยๆอยู่หน้าผมอีกคัน ทำให้ผมต้องลุ้นว่าจะติดไฟแดงรึเปล่า เพราะไฟก็เขียวมาซักพักแล้ว
พอกำลังผ่านแยกไฟเหลืองก็ขึ้นพอดีครับ ทำให้ผมผ่านแยกไปได้หวุดหวิดโดยไม่ผิดกฏหมายจราจรนะครับ
และผมคิดในใจว่า โอ้พระเจ้าพระองค์ฟังคำอธิษฐานของผม
พระเจ้าช่างดีกับผมจริงๆ และทรงให้บทเรียนรถคันข้างหลังผมเค้าต้องติดไฟแดง
แต่พอผมเหลือบมองกระจกหลัง รถคันนั้นดันเร่งฝ่าไฟแดงมาครับ เค้ายังข้ามแยกตามผมมาได้
โอ้แล้วทีตอนแรกทำไมขับเอื่อยๆหละ
แต่ยังไม่จบครับ
พอข้ามแยกมา รถคันที่อยู่ข้างหน้าผม(คันนี้ก็ขับเอื่อยๆทำผมเกือบข้ามแยกไม่ทันไงครับ) รถคันหน้านี้ก็หยุด
และที่เค้าหยุดเพราะตำรวจจราจรออกมายืนกลางถนน ยกมือหยุดรถ แต่แล้วจราจรปล่อยให้คันหน้าผมไป แต่หยุดมอเตอร์ไซด์ แทน มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้
ตอนนั้นมอเตอร์ไซด์อยู่ข้างหน้ารถผมทางด้านซ้าย สงสัยน่าจะตามหลังผมมาจากทางด้านซ้ายตอนผมขับข้ามแยกสัญญาณจราจรมา
ตำรวจจราจรโบกให้เค้าหยุด ทำให้ผมก็ตกใจเล็กน้อย คิดว่าหรือตำรวจจะบอกว่าผมฝ่าไฟเหลืองด้วย
ผมมองกระจกหลัง คนขับคันหลังผม ที่ฝ่าไฟแดงมา ตอนนี้ผมเห็นเค้าชัดเลย เพราะเค้าขับมาหยุดหลังรถผม ดูเค้าเลิ่กลัก ผมว่าเค้าน่าจะตกใจ เพราะเค้าฝ่าไฟแดง
แต่สรุป ตำรวจจราจร โบกเฉพาะรถมอเตอร์ไซด์ให้ออกซ้ายเข้าซอยไป ซึ่งมีตำรวจอีกคนนึงยืนอยู่ตรงนั้น มอเตอร์ไซด์ไม่ได้สวมหมวกกันน็อคน่าจะโดนเรื่องนี้
แล้วผมกับรถคันหลัง ก็ขับกันออกไปได้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ผมว่าคันหลังผมเค้าคงใจหายแน่ๆ
ผมมองกระจกหลังอีกครั้ง รถคันนั้นกลับไปขับเอื่อยๆเหมือนเดิมอีกแล้ว และแน่นอนหนทางข้างหน้าไม่มีแยกอะไรที่ผมต้องติดไฟจราจรอีกแล้ว
ซึ่งผมรู้แต่เค้ารู้รึป่าวผมไม่แน่ใจ แต่ผมมโนว่าเค้าก็รู้เลยไม่ตามผมมา
จบเรื่องแต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ
ขับรถดีมีน้ำใจ ใช้ถนนปลอดภัยนะครับ
สุขสันต์วันหยุดยาวของใครหลายๆคนครับ
บายๆ