one spring night (2019)
หรือในชื่อไทย ก็คือ "สายใยคืนใบไม้ผลิ" อีกหนึ่งซีรีย์เกาหลีเรียลๆน้ำดีเรื่องหนึ่งและเรตติ้งถล่มทลายที่เกาหลี ที่ดูจะไม่ได้เป็นกระแสในไทยมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะด้วยจังหวะจะโคนในการเล่าค่อนข้างมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวและแตกต่างจากซีรีย์เกาหลีส่วนใหญ่ ถ้าผมพูดว่าให้อารมณ์เหมือนซีรีย์เรื่อง something in the rain เชื่อว่าคงอ๋อกันแน่นอน เพราะเป็นคนเขียนบทเดียวกัน ผกกคนเดียวกัน
ดังนั้นวิธีการเล่าเรื่อง รวมถึงการเลือกใช้ซาวด์ประกอปเลยไม่ได้แตกต่างกับ something in the rain เอกลักษณ์การเล่าเรื่องเฉพาะตัวที่พูดถึงคือ ซีรีย์แทบจะไม่ใส่ซาวด์ประกอปเลย นอกจากเพลงประกอปเป็นช่วงๆ และจังหวะการเล่าที่ค่อนข้างเนิบๆเรื่อยๆ แช่ภาพและ long take ค่อนข้างเยอะ ไม่มีการตัดฉึบฉับ หรือจังหวะเร้าอารมณ์คนดูเท่าไหร่ ผมคนนึงแหละที่ไม่ชินกับการเล่าสไตล์นี้เท่าไหร่ในช่วง 2-3 ep แรก
แต่ข้อดีที่เด่นชัดของการเล่าสไตล์นี้คือ มันทำให้เรารู้สึกเรียลมากประหนึ่งนั่งอยู๋ในเหตุการณ์นั้นและเฝ้าดูมันอยู่จริงๆ ยิ่งบวกกับบทที่เขียนมาได้อย่างละเอียดและแยบยล ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สูงมาก มีมุมที่ดีและร้าย ไม่มีใครเพอร์เฟ็ค แม้แต่ประเด็นหลักในเรื่อง ที่ชวนตั้งคำถามกับคนดูตลอดว่า ฝ่ายที่นอกใจคือคนผิดเสมอไปใช่ไหม? ซีรีย์เรื่องนี้จะพาไปสำรวจเเง่มุมแบบเจาะลึกถึงประเด็นการนอกใจทั้งจากมุมบุคคลที่3 คนนอกใจ และฝ่ายถูกนอกใจ ที่ไม่ได้เล่าแบบผิวเผิน ประเด็นการเรื่องบทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ประเด็นการเป็นพ่อม้ายที่ในสังคมเกาหลีถือเป็นแผลเป็นตราบาปในชีวิต
นอกจากนี้การผูกปมระหว่งพระเอกนางเอกก็ทำได้ดี รู้สึกว่ามันสามารถเกิดเหตุการณ์นี้ได้ในชีวิตจริง ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน คลุมเครือกับการกระทำของตัวละคร ที่บางทีเราที่เป็นคนดูเอง ก็ไม่รู้ว่าตัวละครทำแบบนี้แปลอะไร ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้ เพราะในชีวิตจริงคนเราก็ทำอะไรที่คลุมเครือ หรือบางอารมณ์ที่ไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ แต่สุดท้ายเราจะเข้าใจมันได้เอง ไม่ช้าก็เร็ว
7.5/10 ให้เรื่องภาพ ตัวละครที่มีหลายแง่มุม นักแสดง หักอย่างเดียวการดำเนินเรื่องที่เนิบๆไปนิด แต่ยังดีที่เนื้อเรื่องน่าติดตาม
one spring night
หรือในชื่อไทย ก็คือ "สายใยคืนใบไม้ผลิ" อีกหนึ่งซีรีย์เกาหลีเรียลๆน้ำดีเรื่องหนึ่งและเรตติ้งถล่มทลายที่เกาหลี ที่ดูจะไม่ได้เป็นกระแสในไทยมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะด้วยจังหวะจะโคนในการเล่าค่อนข้างมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวและแตกต่างจากซีรีย์เกาหลีส่วนใหญ่ ถ้าผมพูดว่าให้อารมณ์เหมือนซีรีย์เรื่อง something in the rain เชื่อว่าคงอ๋อกันแน่นอน เพราะเป็นคนเขียนบทเดียวกัน ผกกคนเดียวกัน
ดังนั้นวิธีการเล่าเรื่อง รวมถึงการเลือกใช้ซาวด์ประกอปเลยไม่ได้แตกต่างกับ something in the rain เอกลักษณ์การเล่าเรื่องเฉพาะตัวที่พูดถึงคือ ซีรีย์แทบจะไม่ใส่ซาวด์ประกอปเลย นอกจากเพลงประกอปเป็นช่วงๆ และจังหวะการเล่าที่ค่อนข้างเนิบๆเรื่อยๆ แช่ภาพและ long take ค่อนข้างเยอะ ไม่มีการตัดฉึบฉับ หรือจังหวะเร้าอารมณ์คนดูเท่าไหร่ ผมคนนึงแหละที่ไม่ชินกับการเล่าสไตล์นี้เท่าไหร่ในช่วง 2-3 ep แรก
แต่ข้อดีที่เด่นชัดของการเล่าสไตล์นี้คือ มันทำให้เรารู้สึกเรียลมากประหนึ่งนั่งอยู๋ในเหตุการณ์นั้นและเฝ้าดูมันอยู่จริงๆ ยิ่งบวกกับบทที่เขียนมาได้อย่างละเอียดและแยบยล ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สูงมาก มีมุมที่ดีและร้าย ไม่มีใครเพอร์เฟ็ค แม้แต่ประเด็นหลักในเรื่อง ที่ชวนตั้งคำถามกับคนดูตลอดว่า ฝ่ายที่นอกใจคือคนผิดเสมอไปใช่ไหม? ซีรีย์เรื่องนี้จะพาไปสำรวจเเง่มุมแบบเจาะลึกถึงประเด็นการนอกใจทั้งจากมุมบุคคลที่3 คนนอกใจ และฝ่ายถูกนอกใจ ที่ไม่ได้เล่าแบบผิวเผิน ประเด็นการเรื่องบทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ประเด็นการเป็นพ่อม้ายที่ในสังคมเกาหลีถือเป็นแผลเป็นตราบาปในชีวิต
นอกจากนี้การผูกปมระหว่งพระเอกนางเอกก็ทำได้ดี รู้สึกว่ามันสามารถเกิดเหตุการณ์นี้ได้ในชีวิตจริง ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน คลุมเครือกับการกระทำของตัวละคร ที่บางทีเราที่เป็นคนดูเอง ก็ไม่รู้ว่าตัวละครทำแบบนี้แปลอะไร ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้ เพราะในชีวิตจริงคนเราก็ทำอะไรที่คลุมเครือ หรือบางอารมณ์ที่ไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ แต่สุดท้ายเราจะเข้าใจมันได้เอง ไม่ช้าก็เร็ว
7.5/10 ให้เรื่องภาพ ตัวละครที่มีหลายแง่มุม นักแสดง หักอย่างเดียวการดำเนินเรื่องที่เนิบๆไปนิด แต่ยังดีที่เนื้อเรื่องน่าติดตาม