ห้วยมรณะ ตอน ตามหาช้างเเคระ

กระทู้สนทนา

เช้าตรู่วันนั้น แดดจ้าส่องหนังหัวเป็นมันเงาของกำนันหาญ 
แกพาพุงพลุ้ยเดินจ้ำอ้าวมาถึงเรือนของทิดสิน พรานใหญ่อาคมกล้าแห่งบ้านหนองส้มป่อย 
คราวนี้แกไม่ได้มาเดี่ยวยังพาคนรู้จักมาด้วย รูปร่างคล้ายกันโดยเฉพาะตรงที่กบาล   
    
ทิดสินหันมาตามเสียงขานเรียกจากหน้าบ้าน  เป็นต้องหรี่ตากับความเจิดจ้า 
หมาที่เลี้ยงไว้พวกมันตกใจออกมาเห่าขับไล่เสียงดังระงม  
เขาสะบัดผ้าขาวม้าไล่ดังพรึบพับไล่ให้หยุดเห่า 
พวกมันพากันเงียบหลบไปนอนคู้ตัวหมอบแถวนั้น

“ทิดสิน ข้าพานายห้างมาพบ หวังว่าช่วงนี้คงไม่ได้มีธุระทางอื่นนะ” 

“ว่างครับกำนัน ช่วงนี้ผมต้องหาฟืนมาเก็บก่อนเข้าหนาวครับ”

กำนันหาญเริ่มเอ่ยถึงธุระ แล้วชี้ไปที่นายห้าง 
ทิดสินจำได้ทันทีรีบเข้าไปน้อมตัวยกมือไหว้ และเชื้อเชิญเข้ามาในบ้าน

“จำได้ซิครับนายห้างบุญเลี้ยง หลายเดือนก่อนเราไปตามหาเทวรูปกาลี 
ในสุสานโบราณฝั่งพม่าด้วยกัน” 

“สบายดีนะนายพราน สมบูรณ์พูนสุขกว่าที่คิดไว้นะ เมียก็สวยด้วย” 
นายห้างเอ่ยปากชื่นชมเมื่อเห็นสาวสวยอยู่ในครัวกำลังทำกับข้าว 
เธอสวมชุดไทยห่มสไบ ท่าทางการหยิบจับสิ่งของดูกรีดกรายราวกับชาววัง ผิดกับบ้านไม้ซอมซ่อ

ทิดสินพาเอาสีหน้าฉงนหันไปในครัว เขาต้มแกงเอาไว้ อยู่ตัวคนเดียวแล้วนายห้างมองหาใคร
“ชีวิตผมก็เรื่อย ๆ ครับนายห้าง ว่าแต่มีอะไรให้รับใช้ครับ”

ความสวยของเธอคนนั้นทำเอานางห้างบุญลือพะวักพะวง

“จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ ผู้หญิงคนนั้น เป็นญาติฝ่ายไหน หรือว่าเป็นเมีย”

ทิดสินเกาหนังหัว นายห้างพูดถึงใคร แล้วมองหาอะไรในครัวไฟ 

“ผมอยู่ตัวคนเดียวครับนายห้าง และก็มีหมาพวกนี้เป็นเพื่อน”

“สงสัยจะหวง เห่อ ๆ” นายห้างยิ้มตาหยี นายพรานหุ่นงาม ไม่แปลกจะมีเมียสวย

เจ้าของบ้านเชื้อเชิญแขกมานั่งใต้ร่มต้นขนุนร่มรื่นสบายหนังหัว มีแคร่ให้นั่งรับลม 
มุมนี้ทิดสินใช้เอนหลังพักผ่อนประจำจนไม้เป็นมัน 
บรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย 
เจ้าของบ้านนำขันน้ำฝนมารับรองแขก 
มีขันเล็กตักแบ่งไปดื่มพอชื่นใจ แล้วสนทนากันต่อตามประสาคนคุ้นเคย 

กำนันหาญมาบ่อยที่บ้านของทิดสิน รู้ว่าเลี้ยงผีไว้เฝ้าบ้าน 
แกสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างทางหางตา 
แต่ไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตนจริงจัง อย่างมากแค่ขนลุกโดยไม่รู้ตัว  
ตอนนี้นายห้างคงโดนดีเข้าให้แล้ว เห็นหันไปโบกมือไหว ๆ 
ไปทางครัวทั้งที่ไม่เห็นมีใคร แกซักอยากเห็นแล้วซิ 
พอเพ่งมองให้ดีเป็นอันอ้าปากขากรรไกรค้าง เมื่อเห็นทัพพีลอยค้างในอากาศ

“กำนัน เรามาเข้าธุระกันดีกว่านะครับ” นายห้างเขย่าหัวเข่ากำนันให้หันหน้ามาคุยกัน

“ช..ชะ เชิญว่ามาได้เลยครับนายห้าง” กำนันเสียงสั่น เอาผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อบนกบาลไปด้วย 

“เข้าเรื่องกันเลยนะ คราวนี้ต้องขอพึ่งพรานใหญ่อีกแล้วให้ช่วยตามหาคนหาย 
เป็นหลานชายของผมเองชื่อ “ทะนง” ไปกับเพื่อนอีกคนชื่อเนตร 
หลานผมคนนี้รักการผจญภัย ชอบเข้าป่าล่าสัตว์ ฝีมือเข้าขั้นพรานเซียวล่ะ 
ล่าสุดออกไปตามหาช้างแคระ หายไปเป็นเดือนแล้ว 
ไอ้ผมไม่เท่าไหร่หรอกแต่ทางบ้านนี่ซิเป็นกังวลเอามาก 
ผมเองก็ต้องรับผิดชอบตามคนกลับมา” 

“ขอถามครับ นายห้างมีส่วนกับการออกตามหาช้างแคระ ตั้งแต่แรกด้วยหรือเปล่าครับ” ทิ
ดสินชักตงิด ๆ นายห้างจะหางานยากมาให้ช่วยแก้  อีหรอบเดียวกับกำนัน

“เฮ้อ... ผมเองที่ต้องการของที่ว่า แต่ติดงานไม่ว่างไป หลานชายเลยอาสาไปเอามาให้ 
พูดแค่นี้พรานใหญ่คงเข้าใจนะ” สีหน้าของนายห้างเปลี่ยนเป็นกลุ้มใจ 
ในเมื่อแกเองเป็นคนส่งเสริมจนลูกเขาหายไปไม่รู้ชะตากรรม จำต้องตามมาแก้ไข 

ทิดสินยิ้มอย่างปลง ๆ นายห้างกับกำนันเข้าใจหางานมาให้ช่วยแก้
รายละเอียดหลังจากนั้น นายห้างเรียกหลานชาย “พรานทะนง” กับ “พรานเนตร” 
ทั้งสองหายไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ตามเบาะแสช้างแคระที่ได้มาจากพรานป่าในพื้นที่ 

อันว่าช้างน้ำเป็นสัตว์ในตำนานของไทย มีขนาดเล็กลำตัวยาวเพียง 6 นิ้ว     
สูง 3 นิ้ว มีรูปลักษณะคล้ายช้างปกติ จะต่างกันก็คือมีหางอย่างปลา เพราะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ

กล่าวกันว่าช้างน้ำมีพิษร้ายแรงมาก เมื่อช้างบกลงไปอาบน้ำ 
และถูกช้างน้ำแทงด้วยงา ก็จะตายด้วยพิษของช้างน้ำในไม่ช้า
ในปี 2483 มีข่าวว่าพบช้างน้ำในภาคเหนือ และว่ามีชุมอยู่ในแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน 
และแม่น้ำปิง มีส่วนสูง 6 นิ้ว ไม่มีขน หนังสีดำมอ ๆ เหี่ยวย่น

ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีคนนำซากช้างน้ำมาให้ผู้สื่อข่าวดู 
อ้างว่าได้มาจากชาวพม่าที่จับได้จากสระน้ำบนภูเขา แต่เลี้ยงไว้เจ็ดวันก็ตาย ตอนมีชีวิตอยู่ร้องเหมือนช้าง

ทิดสินพยักหน้าหงึก ๆ หน้าซื่อตาใสตั้งหน้ารับฟัง 
ดูเหมือนนายห้างจะสนใจเรื่องช้างแคระ หรือช้างน้ำเอามาก              
มีการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี ไม่แน่เข้าป่าตามหาคนครั้งนี้ 
อาจมีเป้าประสงค์คือตามหาช้างมากกว่าคนหาย

“เข้าใจแล้วครับนายห้าง ผมตกลงจะเดินทางวันพรุ่งนี้”

“ช้าก่อนพรานใหญ่ งานนี้ผมไปด้วยตัวเอง ขอให้หาลูกหาบมาเพิ่มด้วย 
งานนี้ผมจ่ายไม่อั้นขอเพียงตามคนกลับมาได้ และถ้าได้ช้างน้ำมาด้วย ผมจะจ่ายพิเศษให้อีก”

“แต่ว่า...ไปกันหลายคน การเดินทางจะล่าช้านะครับนายห้าง 
ทุ่งใหญ่นเรศวรต้องรอนแรมไปไกลด้วย” แววหนักใจของทิดสินเป็นจริง 
นายห้างแก่และอ้วนทำให้เดินทางช้า ทำไมถึงชอบเข้าป่า ลำพังเขาไปกับแสงถาก็เพียงพอแล้ว

“ผิดแล้วพรานใหญ่ เราจะนั่งรถไปเริ่มต้นที่หมู่บ้านชาวป่า เบาะแสสุดท้ายที่สองคนนั่นหายไป”

“ตามใจนายห้างหน่อยทิดสิน ข้าให้คนไปตามพรานมาก พรานช่วย 
พรานน้อยมาด้วยจะให้เป็นลูกหาบ จะให้พรานแสงถามาด้วยอีกคนจะได้ครบคู่กัน”
พูดจบกำนันหาญหัวเราะเสียงแฮะ ๆ ทิดสินหน้าง้ำ 
รู้ว่างานนี้กำนันคงได้ค่ารับเป็นธุระกับกินเงินหัวคิวอีกตามเคย

“ถ้างั้นขอฝากกำนันเป็นธุระให้คนไปตามแสงถา ที่บ้านกุยเลอตอด้วยละกัน”

“ดีมากพรานใหญ่ ไม่เสียแรงที่ผมดั้นด้นมาถึงนี่ ความจริงจะจ้างพรานในพื้นที่ก็ได้ 
แต่ผมไม่เชื่อมั่นฝีมือ โดยเฉพาะในเรื่องคุณธรรม ผมเคยร่วมงานกับพรานมาก็หลายคน 
พรานใหญ่คือที่หนึ่งในใจผม” นายห้างชูนิ้วโป้งให้

พอเสร็จกิจที่ต้องพูดคุย นายห้างขอตัวกลับ เรื่องที่พักได้อาศัยนอนบ้านกำนัน 
รอคนกับสัมภาระพร้อมจะเดินทางทันที  ทิดสินตามไปส่งถึงรถยนต์ 
นายห้างยังหันมากระแซะถามถึงคนสวยในครัว
“พรานมีเมียสวยไม่ยักบอก อิแบบนี้คงไม่อยากทิ้งเมียไปไหนไกลสิท่า”  
แล้วแกก็หัวเราะชอบใจ แม้แก่ตัวแล้วยังอดมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มไม่ได้  

ทันใดนั้นต้องร้องอ้าวเมื่อเจ้าหล่อนหายไปดื้อ ๆ ราวกับละลายไปในอากาศ
“นายห้างกลับกันเถอะครับ อยู่นานไปชักไม่เข้าท่า” 
กำนันชักสีหน้าพะอืดพะอม เข้าไปคว้าแขนนายห้างให้รีบออกไป
ทิดสินเลิกคิ้วฉงน หันไปมองในครัว ทำไมสองคนนี้มองอยู่ได้ หรือมีอะไรผิดปกติ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่