*กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม อาจใข้ดูแปลกๆ ไม่เหมือนกระทู้อี่นๆ มากนัก ครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดบหลักๆ แล้วผมจะมาอวดคะแนนสอบ...เอ้ย!!!......รีวิวการสอบ TOEIC ครับ จะมาแชร์ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ
ตลอดจนรีวิวการการทำข้อสอบด้วยในตัวเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนนี้เป็นคะแนนสอบของผมครับ
การสอบของผมจะเป็นแบบประเภทนักศึกษาครับ โดยจะต่างจากประเภทบุคคลทั่วไปหรือ Personal ตรงที่จะไม่มีรูปผู้สอบติดที่ใบแจ้งคะแนนและของนักศึกษาค่าสมัครจะ๔ูกกว่าด้วยครับ ส่วนตัวคิดว่าทั้งสองประเภทสามาร๔นำคะแนนไปใช้สมัครงานหร์อทำอย่างอื่นได้เหมืนกันครับ
การเตรียมตัวสอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้อ่านหนังสือเข้าติวคอร์สใดๆ เลยครับ
ต้องบอกก่อนเลยว่าส่วนตัวผมมีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว
การเตรียมตัวสอบจึงจะเป็นการทบทวนและดึงความรู้ใรด้านภาษาอังกฤษที่เคยได้รับร็และเข้าใจมาแล้วนำมาใช้งานอีกครั้งครับ
โดยจะแบ่งเป็นก่รทบทวน Grammar 15 วัน และการทำข้อสอบเก่าอีก 15 วัน รวมเป้นการเตรียมตัว 30 วันครับ
**และจะมีการท่องคำศัพท์ TOEIC เพิ่มเติมทุกๆ วันครับ**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มจาก Grammar
การทบทวนและเรียนรู้เรื่อง Grammar ของผมส่วนใหญ่จะ้เป็นแบบการดู Youtube ครับ
มันเป็นอะไรที่ง่ายมากเลย แค่ค้นหาคำว่า TOEIC แล้วดูมันทุกคลิป โดยที่ดูๆ มาส่วนใหญ่จะเป็น Grammar ผสมกับข้อสอบเก่าๆ และเทคนิคการทำข้อสอบครับ โดยที่ผมดูบ่อยที่สุด ก็น่าจะเป้นคลิปของ -ครูดิว- เพราเป็นอะไรที่ดูง่ายที่สุดแล้วครับ แล้วดูแบบนี้วนไปหลายรอบมาก
และคำศัพท์ถื่อว่าสำคํญมากเหมือนกันครับ โดยว่างๆ ก็จะเปฺิดคลิปคำศัพท์ TOEIC ดูครับ บางทีก็ใช้กล่อมตัวเองนอน 555
การฝึกทำข้อสอบเก่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การทำข้อสอบเก่า
Warp : https://toeic-tests.com/

เว็ปที่ผมใช้ฝึกทำข้อสอบก็ตามข้างบนเลย มีข้อสอบพร้อมเฉลยมากพอจะทำให้เกิดอาการเมาข้อสอบได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การฝึกทำข้อสอบเก่าของผมนี้จะเป้นการทำแบบจับเวลาทำจริงๆ ครับ ทั้ง Listening และ Reading เลยครับ
โดยใช้กระดาษคำตอบบจริงและฝนกันจริงๆ เวลาทำด้วยครับ เพื่อฝึกความเคยชิน
Listening Part ในส่วนการซ้อมทำข้อสอบผมได้ทำแบบแยกกันเป็น Part ย่อยๆ ครับ เพื่อลดความตึงเครียมและบางทีเสียงรอบข้างก็ดังด้วย
โดยในการสอบจริงระหว่าง Part ย่อย จะมีการอธิบายนิดหน่อย เราสามารถใช้ส่วนนี้ไปทำอย่างอื่นได้ครับ (ทำได้แค่ในการซ้อมทำข้อสอบเท่านั้นนะครับ) การสอบจริงๆ จะยิงยาวเลย
**แนะนำให้ลองเปิดลำดพงทำแทนการใส่หูฟังดูครับ เพราะตอนสอบเค้าจะเปิดออกลำโพงครับ มันต่างกับเสียงจากหูฟังราวฟ้ากับเหวเลยครับ
ผมโดนมาแล้วตอนสอบจริง**
Reading Part ในส่วนนี้การจับเวลาทำข้อสอบจะเข้ามามีบทบาทครับเพราะข้อสอบจริงคนส่วนใหญ่จะทำไม่ทันกัน Time Management จึงเป็นสิ่งสำคํญ โดย การทำ Reading มี่เวลาอยู่ที่ 75 นาที ต่อเนื่องจาก Listening เลย (ตอนฝึกทำข้อสอบผมจะทำแยกจาก Listening เลยครับ)
จะมีข้อสอบบางข้อที่มีคำศัพท์ที่ผมไม่รู้ก็จะมาร์คเอาไวแล้วจะกลับมาแปลอีกที่ เป็นการท่องคำศัพท์ในตัว
**อีกอย่างเวลาฝึกทำข้อสอบผมจะทำเครื่องหมายในข้อที่ผมไม่มันใจหรือเดาเอาไว้ เพื่อกลับมาทวนดูทีหลัง และหลังตรวจข้อสอบเสร็จแล้ว
ผมจะมาทวนดูข้อที่ผมผิด และตรวจดูหาสาเหตุที่ผมทำผิดเพื่อเป้นการทบทวนเพิ่มความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อาจจะเป็นการเพิ่มคำศัพท์ หรื่อ Grammar ที่ลึมไปก็ได้ครับ บางทีอาจจะเป็นการเตือนสติตัวเองด้วยครับ ผมทำแบบนี้ทั้ง Listening และ Reading เลยครับ**
**และหลังจากการฝึกทำข้อสอบมาจะทำให้ได้รูว่าข้อสอบในแต่ละข้อจะมีคำตอบที่ถูกอยู่ 2 ข้อ คือข้อที่ถูกและ -ข้อที่ถูกที่สุด-
ต้องตอบข้อที่ถูกที่สุดถึงจะได้คะแนน**
การสอบจริงในห้องสอบ
ก่อนการสอบในห้องสอบเจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกหรือผนข้อมูลส่วนตัวโดยเขจะอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดให้เราฟังไม่ต้องกังวลครับ
การสอบจะมีด้วยกัน 200 ข้อ แบ่งเป็น 2 Parts ใหญ่ๆ และมี 7 Parts ย่อยๆ แบ่งเป็น Listening 4 Parts และ Reading อีก 3 Parts
โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง ในการสอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Listening Comprehension 100 ข้อ
ส่วนใหญจะเป็นแบบ 4 ตัวเลือก
จะมี 4 Parts ย่อย ด้งนี้
– Part 1: Photographs – 6 ข้อ ระดับความยาก 1/10
ส่วนนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดในโลกแล้ว มันจะมีรูปภาพมาให้ ตั้งใจฟังดีๆ แล้วคำตอบที่ตรงและเกี่ยวข้องกันกับรูปภาพมากที่สุด
อยากได้คะแนนดีต้องได้เต็มครับ
– Part 2: Question-Response – ข้อ ระดับความยาก 5/10
ในส่วนนี้เรียกว่ายากปานกลางครับแค่ 3 ตัวเลือก เป็นการเอาบุคคลที่ 1 มาพูดหรือถามคำถาม แล้วให้เลือก reaction หรือ คำตอบของบุคคลที 2
ให้สอดคล้องกันกับคำพูดของบุคลลที่ 1 ถ้าตั้งใจฟังดีๆ ก็จะเก็บคะแนนได้มาก การจับคำขึ้นต้นประโยคคำถาม Who, Where, How etc. พวกนี้ให้ได้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญใน Part นี้เลยครับ
– Part 3: Conversations – 39 ข้อ เยอะมาก ระดับความยาก 8/10
เป็นประโยคสนทนาของคน 2 คน หรือ 3 คน แล้วแต่อารมณ์ โดย 1 บทสนทนาจะมีอยูทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน และในส่วนช่วงท้ายๆ จะมีรูปภาพหรือข้อมูลบางอย่างประกอบการสนทนาด้วยครับ ต้องฟังให้ทันและจับใจความให้ได้
เทคนิคของผม คือ การอ่านคำถามไปพร้อมๆ กับการฟังเลยพยายามตอบให้ทั ก่อนที่คลิปเสียงจะอ่านคำถามให้เราฟังและเอาเวลาตอนเขาอ่านคำถามข้อปัจจุบันที่เราทำเสร็จแล้ว ไปอ่านคำถามข้อถัดไปได้ครับ
– Part 4: Talks – 30 ข้อ ระดับความยาก 7/10
ในส่วนนี้มีความคล้ายกันกับ Part 3 ครับ แต่จะเป็นเสียงของคนคนเดียวพูดกับบุคคลอื่นด้วยวัตถูประสงค์บางอย่างแทนแทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เทคนิคลับ ใน Part 1,Part 2 จะเป็นการพูตัวเลือกในแต่ละข้อให้เราพังครับ และเพื่อเป็นการประหยัดเวลา คนบางคนเลือกเลือทีจะฝนคำตอบทันทีที่เข้าได้ยินตัวเลือกที่ถูกที่สุดครับ เราสามาร๔ใช้จุดนี้เหล่ซ้ายขวามองคนในห้องสอบได้ครับ ถ้าเขาก้มลงฝนคำตอบตรงตัวเลือกไหนแสดงว่าตัวเลือกนั้นน่าจะถูก...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Reading Comprehension 100 ข้อ
ข้อสอบแบบ 4 ตัวเลือก เริ่มทำต่อจาก Listening ทันทีเลย ในส่วนนี้จะเป็นการทดความรู้และความเร็วแบบ 2 in 1 ครับ
จะมี 3 Parts ย่อย ด้งนี้
– Part 5: Incomplete Sentences – 30 ข้อ ระดับความยาก 7/10
จะเป็นข้อความหรื่อประโยคบางอย่าง 1 ประโยค พร้อมช่องว่างให้เราเลือกเติมคำครับ สิ่งที่ควรรู้คือเรื่องของ Grammar ต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือคำศัพท์ครับ
– Part 6: Text Completion – 16 ข้อ ระดับความยาก 7/10
ในส่วนนี้มีความคล้ายกันกับ Part 5 ครับ แต่จะมาในรูปแบบกลุ่มก้อนของข้อความทน โดยใน 1 ข้อความจะมีอยู่ 4 ข้อ โดย 1 ในนั้นจะเป็นการใส่ประโดยคทั้งประโยคเข้าไปเลย
เทคนิคของผม คือ อ่านดูรูปแบบข้อความคร่าวๆ แล้วเลือกตัวเลือกจากแต่ละข้อมาใส่ดู จากนั้นก็ดูรูปประโยคโดยรวมว่าข้อความสมบรณ์ดีไหม
– Part 7: Reading Comprehension 54 ข้อ ระดับความยาก 8/10 เพราะจะทำไม่ทันแล้ว
ประกอบด้วย—– Single Passages – 29 ข้อ
—– Double Passages – 10 ข้อ
—– Triple Passages – 15 ข้อ
มันคือการอ่านข้อความแบบหลากหลายรูปแบบที่คนทำข้อสอบจะสรรหามาให้เราทำ เป็นการทดสอบคามไวในการทำข้อสอบ และทดสอบทักษะการอานจับใจความสำคัญ
เทคนิคของผม คือ การอ่านเปิดมาทำในส่วน Triple Passages 15 ข้อ แถวหลังของกระดาษคำตอบก่อน แล้วค่อยกลับไปทำ Part 5 ต่อ ความละเอียดรอบคอยเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องเร็วด้วยครับ
สรุปส่งท้าย
สำหรับผมแล้วการทำข้อสอบ TOEIC นั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวมาอย่างดีทั้งการทบทวนควมารู Grammar การท่องคำศัพท์ และฝึกทำข้อสอบเก่าแบบจำเวลาทำจริงๆ การทำข้อสอบจะต้องมีความมั่นใจและรอบคอบในการการทำข้อสอบเพราะแค่ความลังเลหรือความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวก็อาจทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน จนต้องดิ่งในตอนสุดท้ายได้
**สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
การสอบ TOEIC ครั้งแรก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดบหลักๆ แล้วผมจะมาอวดคะแนนสอบ...เอ้ย!!!......รีวิวการสอบ TOEIC ครับ จะมาแชร์ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ
ตลอดจนรีวิวการการทำข้อสอบด้วยในตัวเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การสอบของผมจะเป็นแบบประเภทนักศึกษาครับ โดยจะต่างจากประเภทบุคคลทั่วไปหรือ Personal ตรงที่จะไม่มีรูปผู้สอบติดที่ใบแจ้งคะแนนและของนักศึกษาค่าสมัครจะ๔ูกกว่าด้วยครับ ส่วนตัวคิดว่าทั้งสองประเภทสามาร๔นำคะแนนไปใช้สมัครงานหร์อทำอย่างอื่นได้เหมืนกันครับ
การเตรียมตัวสอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การฝึกทำข้อสอบเก่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การสอบจริงในห้องสอบ
ก่อนการสอบในห้องสอบเจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกหรือผนข้อมูลส่วนตัวโดยเขจะอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดให้เราฟังไม่ต้องกังวลครับ
การสอบจะมีด้วยกัน 200 ข้อ แบ่งเป็น 2 Parts ใหญ่ๆ และมี 7 Parts ย่อยๆ แบ่งเป็น Listening 4 Parts และ Reading อีก 3 Parts
โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง ในการสอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปส่งท้าย
สำหรับผมแล้วการทำข้อสอบ TOEIC นั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวมาอย่างดีทั้งการทบทวนควมารู Grammar การท่องคำศัพท์ และฝึกทำข้อสอบเก่าแบบจำเวลาทำจริงๆ การทำข้อสอบจะต้องมีความมั่นใจและรอบคอบในการการทำข้อสอบเพราะแค่ความลังเลหรือความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวก็อาจทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน จนต้องดิ่งในตอนสุดท้ายได้
**สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ