หมายเหตุ
ก่อนเริ่ม ขอชี้แจงว่า กระทู้นี้ ตั้งเพื่อถามและอยากได้แนวคิดคำตอบในทุกๆด้าน ตัวเลือกทั้งสามข้อที่นำมาไม่ใช่ทางเลือกใดๆที่ผมตั้งไว้ แต่อยากรู้ว่าจะเลือกกันแบบไหน หรือใครจะให้แง่คิดทางเลือกไหนที่ไม่ใช่สามข้อนี้ ด้านล่างที่ถกเถียงยาวๆ โดยมาก ท่านได้อ่านแล้วมากระหน่ำผมว่า ผมเป็นพ่อเผด็จการ บังคับ ลูกต่างๆนั้น เพียงอยากบอกว่า หัวเรื่องนี้ ไม่มีพ่อลูกบังคับบีบน้ำตาขืนใจปิดประตูใส่หน้า นอนฟุบหมอน ใส่กัน เรื่องคือ เจ้าตัวสนใเรียนแลกเปลี่ยน แต่ไม่อยากไปเพราะกลัว รับปากพ่อว่าจะไปทำข้อสอบเพราะรู้ว่าอยากให้สอบ แต่สอบมั่วๆเพราะกลัวถ้าติดทุนจะถูกบังคับให้ไป ตัวพ่อ ยังไม่ให้ไปเพราะอายุยังไม่ถึงรับทุน และควรรอให้ถึง ม 5 แต่นางเข้าใจผิด
ทั้งหมดนี้ เคลียร์กันแบบนอนคุยไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องที่ต้องมีเหตุผลคุยกัน ก็ไม่เคยกัดกัน มันเป็นกึ่งๆเกมส์ประจำบ้าน
ต้องขออภัยที่ทำให้เกิดขุ่นเคืองและขอบคุณทุกท่านที่สละเสลามาตอบ
เริ่ม --------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องดราม่า วัยรุ่นวุ่นวายอย่างที่ประทู้เก่าๆมักจะเป็นแต่เป็นสิ่งที่ ติดในใจผมและยังลงเอยกันไม่ได้
เข้าเรื่อง
ลูกสาว 14 ขวบ ไม่อยากไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
-ที่โรงเรียนมีสอบชิงทุน
-ทางบ้านยินดีสนับสนุนค่าใช้จ่ายไหว
-ผมอยากให้ไป ไปรับผิดชอบชีวิต เรียนรู้ดลก เอามุมมองและประสบการณ์กลับมาปรับใช้
ที่โรงเรียนมีให้สอบชิงทุนไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ซึ่งโรงเรียนมีการเชื่อมกับโรงเรียนมัธยมปลายในจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ โดยตรงและเชื่อมผ่านประเทศอื่นๆด้วยโครงการ นร.แลกเปลี่ยนที่รู้จักกันดี ถ้าสอบชิงทุนได้ก็เลือกไปตามระดับคะแนน และระดับทุนที่ได้ ซึ่งสูงสุดคือ ได้ทุนค่าเรียนและกินอยู่ทั้งหมด (แต่ต้องเป็นจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น) ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มักได้ทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยในโครงการนี้ที่นั่น (แลกเปลี่ยนระดับมหาวิทยาลัย)
รอบแรกสอบออกมา คะแนนต่ำมาก จนต้องมาคุยกัน เธอบอกว่า "หนูไม่อยากไป" เลยไปทำสอบมั่วๆให้จบๆไปตามที่รับปาก
เหตุผลที่ไม่อยากไปคือ
-ก็ไม่อยากไป (ไม่มีเหตุผล)
-อยู่ที่นี่ก็รับผิดชอบตัวเองได้ อยากให้ทำอะไรก็บอก
-เปลืองเงิน ใช้เงินเยอะ พ่อเหนื่อยแล้ว
-ไม่อยากไปไหนไกลๆ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ เป็นห่วงบ้าน พ่อ ปลา หนูไม่อยู่ใครจะช่วยทำ (ผมอยู่กันสองคนนะครับ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว)
-เอาไว้ไปเรียนมหาวิทยาลัยทีเดียวก็ได้ อันนี้แค่ไปเรียนปีเดียว รอไปของจริงเลยดีกว่า
ความเห็นทุกท่าน คิดว่าทำยังไงดี?
1.หาทางอธิบายให้เข้าใจ และสนใจไป สร้างเป้าหมายแรงผลักดันจากตัวเค้าเอง (แล้วทำยังไงล่ะ?)
2.เอาให้ไปให้ได้ ไปแล้วกลับมาก็เข้าใจเองแหละ
3.ยอมรับฟังลูกและล้มเลิกความคิดนี้
แก้ไขเพิ่มรายละเอียด
จริงๆสมัยอนุบาลที่เคยไปเรียนที่นิวซีแลนด์ปีนึง พอมาตอนนี้ถามว่างั้นไปอยู่กับญาติที่นิวฯเรียนปีนึงสองปีอีกเอามั้ย นางเอาแบบไม่อิดออด ยินดีและขอเลือกทางนี้ แต่ไม่เอาแบบไปแลกเปลี่ยน อยู่กับโฮสท์ บอกเองเลย ปีหน้าไปเลยมั้ยล่ะ อยากไปๆ
แก้ไขเพิ่มด้วยหลังจากโดนด่าว่าบงการและหัวโบราณ
ลูกผมเป็นคนอยากไปเรียนต่างประเทศตอนมหาวิทยาลัยเอง เพราะ ก่อนนี้เค้าสนใจวาดรูป มังงะ อนิเมชั่น เกมส์ การออกแบบตัวละคร ผมให้ไป observe ที่สตูดิโอทำอนิเมฯส่งไป ตปท. ทำคาแร็คเตอร์ดีไซน์จริงจัง(ของเพื่อน) จนกที่สุดเธอมาบอกว่าเธออยากทำแบบนี้ เธออยากไปเรียนญี่ปุ่น อยากทำงานญี่ปุ่น หรือที่ไหนก็ได้ที่มีแบบนี้ให้ทำเยอะๆ ผมไม่ได้บอกให้เธอต้องไป สุดท้ายถ้าจะไม่ไป ก็แค่มาบอกว่ามมีหนทางใหม่ที่สนใจ แต่ต้องมีมากกว่าแค่อยาก ไม่อยาก ต้องตอบได้ว่าทางข้างหน้าคืออะไร ทำยังไงจะไปให้ถึง
แล้วไอ้การไปแลกเปลี่ยน มันก็เริ่มมาจาก รร มีทุนให้ และ รร มักมีทุนหรือโอกาสต่อไปจนถึงทุนมหาวิทยาลัยแลกเปลี่ยน มีประเทศปลายทางคือญี่ปุ่นด้วย จึงอยากให้ไปสอบ และถ้าได้ก็อยากให้ไป เพราะมันดีต่อเป้าหมายของเธอเอง แต่ไม่โอเค กับการตอบเหตุผลว่า "ไม่อยากไป"
อัพเดท สถานการณ์ใน คห 19 นะครับ
ปล.คุยกันคร่าวๆ ถ้าไปแลกเปลี่ยน ที่ๆเค้าอยากไปที่สุดคือญี่ปุ่น แต่นอกจากภาษาอังกฤษเค้าต้องเรียนญี่ปุ่น เพราะต่อให้โรงเรียนที่ไปเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักแต่ชีวิตประจำวันก็ต้องพูดและอ่านได้ในระดับหนึ่ง ส่วนที่ๆสนใจอีกก็พวก เยอรมัน เบลเยียม เพราะชอบประวัติศาสตร์สงครามโลกตามเกมส์ที่เล่น และท้ายที่สุดคือ นิวซีแลนด์เพราะเคยไปเรียนอนุบาลที่นั่นปีนึง (ไปอยู่กับญาติ ซึ่งเค้าจำได้เลือนลางๆ)
เพิ่มเติมนะครับ ทำไมมนุษย์พ่อถึงอยากให้ไป
เพราะตัวผมเอง สมัยมัธยมต้น เคยไปค่ายฤดูร้อนนานาชาติ ไปทำกิจกรรมกับเด็กต่างประเทศในยุโรปเดือนนึง รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่ามาก จากภาษาอังกฤษระดับสอบผ่านได้ กลายเป็นเก่งขึ้นในเดือนเดียว เพราะต้องพูดแต่ภาษานี้ ฟังแต่ภาษานี้ ถ้าไปยาวๆน่าจะดี การเรียนรู้รับผิดชอบชีวิตก็แตกต่างกันมากๆ จากอยู่บ้านสลัดตัวจากเตียงก็ต้องเก็บที่นอนเอง จัดของเอง จัดการเสื้อผ้าเองทั้งหมด ไม่ทำก็ไม่ได้ ทุกคนเค้าทำ
ผมฝึกงานต่างประเทศตอนเรียนมหาวิทยาลัยครับ โดยการส่งพอร์ทร่อนไปที่ต่างๆในอเมริกา จนมีที่ๆรับไปทำงานในฐานะเด็กฝึกงาน ซึ่งก็ไปอยู่สามเดือนกว่า เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและได้เงินก้อนโตกลับมาเป็นทุนไว้เรียนต่อ ท้ายที่สุด ก็เรียนต่างประเทศ ที่อเมริกา ในแบบสู้ชีวิตคือ เรียนไปทำงานไป รับจ้างเป็นแรงงานเพื่อให้มีค่าข้าวค่าห้อง
ประสบการณ์ทั้งหมดทำให้ผมทำงานในโปรเจ็คต่างๆที่เจอคนต่างชาติเยอะ เคยอยู่ฮ่องกงทำงานที่นั่นหลายปี ไปทำงานไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี ทำงานร่วมกับอิตาลี ฝรั่งเศส สิงคโปร์ มาเล ถ้าไม่มีโควิด ชีวิตก็จัดว่าเดินทางในระดับเมียนักบินได้เลย
ผมอยากให้ลูกโตไปเป็นประชากรของโลกนี้ครับ
ลูกไม่อยากไปเรียนแลกเปลี่ยน คิดว่ายังไงดี?
ก่อนเริ่ม ขอชี้แจงว่า กระทู้นี้ ตั้งเพื่อถามและอยากได้แนวคิดคำตอบในทุกๆด้าน ตัวเลือกทั้งสามข้อที่นำมาไม่ใช่ทางเลือกใดๆที่ผมตั้งไว้ แต่อยากรู้ว่าจะเลือกกันแบบไหน หรือใครจะให้แง่คิดทางเลือกไหนที่ไม่ใช่สามข้อนี้ ด้านล่างที่ถกเถียงยาวๆ โดยมาก ท่านได้อ่านแล้วมากระหน่ำผมว่า ผมเป็นพ่อเผด็จการ บังคับ ลูกต่างๆนั้น เพียงอยากบอกว่า หัวเรื่องนี้ ไม่มีพ่อลูกบังคับบีบน้ำตาขืนใจปิดประตูใส่หน้า นอนฟุบหมอน ใส่กัน เรื่องคือ เจ้าตัวสนใเรียนแลกเปลี่ยน แต่ไม่อยากไปเพราะกลัว รับปากพ่อว่าจะไปทำข้อสอบเพราะรู้ว่าอยากให้สอบ แต่สอบมั่วๆเพราะกลัวถ้าติดทุนจะถูกบังคับให้ไป ตัวพ่อ ยังไม่ให้ไปเพราะอายุยังไม่ถึงรับทุน และควรรอให้ถึง ม 5 แต่นางเข้าใจผิด
ทั้งหมดนี้ เคลียร์กันแบบนอนคุยไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องที่ต้องมีเหตุผลคุยกัน ก็ไม่เคยกัดกัน มันเป็นกึ่งๆเกมส์ประจำบ้าน
ต้องขออภัยที่ทำให้เกิดขุ่นเคืองและขอบคุณทุกท่านที่สละเสลามาตอบ
เริ่ม --------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องดราม่า วัยรุ่นวุ่นวายอย่างที่ประทู้เก่าๆมักจะเป็นแต่เป็นสิ่งที่ ติดในใจผมและยังลงเอยกันไม่ได้
เข้าเรื่อง
ลูกสาว 14 ขวบ ไม่อยากไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
-ที่โรงเรียนมีสอบชิงทุน
-ทางบ้านยินดีสนับสนุนค่าใช้จ่ายไหว
-ผมอยากให้ไป ไปรับผิดชอบชีวิต เรียนรู้ดลก เอามุมมองและประสบการณ์กลับมาปรับใช้
ที่โรงเรียนมีให้สอบชิงทุนไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ซึ่งโรงเรียนมีการเชื่อมกับโรงเรียนมัธยมปลายในจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ โดยตรงและเชื่อมผ่านประเทศอื่นๆด้วยโครงการ นร.แลกเปลี่ยนที่รู้จักกันดี ถ้าสอบชิงทุนได้ก็เลือกไปตามระดับคะแนน และระดับทุนที่ได้ ซึ่งสูงสุดคือ ได้ทุนค่าเรียนและกินอยู่ทั้งหมด (แต่ต้องเป็นจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น) ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มักได้ทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยในโครงการนี้ที่นั่น (แลกเปลี่ยนระดับมหาวิทยาลัย)
รอบแรกสอบออกมา คะแนนต่ำมาก จนต้องมาคุยกัน เธอบอกว่า "หนูไม่อยากไป" เลยไปทำสอบมั่วๆให้จบๆไปตามที่รับปาก
เหตุผลที่ไม่อยากไปคือ
-ก็ไม่อยากไป (ไม่มีเหตุผล)
-อยู่ที่นี่ก็รับผิดชอบตัวเองได้ อยากให้ทำอะไรก็บอก
-เปลืองเงิน ใช้เงินเยอะ พ่อเหนื่อยแล้ว
-ไม่อยากไปไหนไกลๆ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ เป็นห่วงบ้าน พ่อ ปลา หนูไม่อยู่ใครจะช่วยทำ (ผมอยู่กันสองคนนะครับ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว)
-เอาไว้ไปเรียนมหาวิทยาลัยทีเดียวก็ได้ อันนี้แค่ไปเรียนปีเดียว รอไปของจริงเลยดีกว่า
ความเห็นทุกท่าน คิดว่าทำยังไงดี?
1.หาทางอธิบายให้เข้าใจ และสนใจไป สร้างเป้าหมายแรงผลักดันจากตัวเค้าเอง (แล้วทำยังไงล่ะ?)
2.เอาให้ไปให้ได้ ไปแล้วกลับมาก็เข้าใจเองแหละ
3.ยอมรับฟังลูกและล้มเลิกความคิดนี้
แก้ไขเพิ่มรายละเอียด
จริงๆสมัยอนุบาลที่เคยไปเรียนที่นิวซีแลนด์ปีนึง พอมาตอนนี้ถามว่างั้นไปอยู่กับญาติที่นิวฯเรียนปีนึงสองปีอีกเอามั้ย นางเอาแบบไม่อิดออด ยินดีและขอเลือกทางนี้ แต่ไม่เอาแบบไปแลกเปลี่ยน อยู่กับโฮสท์ บอกเองเลย ปีหน้าไปเลยมั้ยล่ะ อยากไปๆ
แก้ไขเพิ่มด้วยหลังจากโดนด่าว่าบงการและหัวโบราณ
ลูกผมเป็นคนอยากไปเรียนต่างประเทศตอนมหาวิทยาลัยเอง เพราะ ก่อนนี้เค้าสนใจวาดรูป มังงะ อนิเมชั่น เกมส์ การออกแบบตัวละคร ผมให้ไป observe ที่สตูดิโอทำอนิเมฯส่งไป ตปท. ทำคาแร็คเตอร์ดีไซน์จริงจัง(ของเพื่อน) จนกที่สุดเธอมาบอกว่าเธออยากทำแบบนี้ เธออยากไปเรียนญี่ปุ่น อยากทำงานญี่ปุ่น หรือที่ไหนก็ได้ที่มีแบบนี้ให้ทำเยอะๆ ผมไม่ได้บอกให้เธอต้องไป สุดท้ายถ้าจะไม่ไป ก็แค่มาบอกว่ามมีหนทางใหม่ที่สนใจ แต่ต้องมีมากกว่าแค่อยาก ไม่อยาก ต้องตอบได้ว่าทางข้างหน้าคืออะไร ทำยังไงจะไปให้ถึง
แล้วไอ้การไปแลกเปลี่ยน มันก็เริ่มมาจาก รร มีทุนให้ และ รร มักมีทุนหรือโอกาสต่อไปจนถึงทุนมหาวิทยาลัยแลกเปลี่ยน มีประเทศปลายทางคือญี่ปุ่นด้วย จึงอยากให้ไปสอบ และถ้าได้ก็อยากให้ไป เพราะมันดีต่อเป้าหมายของเธอเอง แต่ไม่โอเค กับการตอบเหตุผลว่า "ไม่อยากไป"
อัพเดท สถานการณ์ใน คห 19 นะครับ
ปล.คุยกันคร่าวๆ ถ้าไปแลกเปลี่ยน ที่ๆเค้าอยากไปที่สุดคือญี่ปุ่น แต่นอกจากภาษาอังกฤษเค้าต้องเรียนญี่ปุ่น เพราะต่อให้โรงเรียนที่ไปเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักแต่ชีวิตประจำวันก็ต้องพูดและอ่านได้ในระดับหนึ่ง ส่วนที่ๆสนใจอีกก็พวก เยอรมัน เบลเยียม เพราะชอบประวัติศาสตร์สงครามโลกตามเกมส์ที่เล่น และท้ายที่สุดคือ นิวซีแลนด์เพราะเคยไปเรียนอนุบาลที่นั่นปีนึง (ไปอยู่กับญาติ ซึ่งเค้าจำได้เลือนลางๆ)
เพิ่มเติมนะครับ ทำไมมนุษย์พ่อถึงอยากให้ไป
เพราะตัวผมเอง สมัยมัธยมต้น เคยไปค่ายฤดูร้อนนานาชาติ ไปทำกิจกรรมกับเด็กต่างประเทศในยุโรปเดือนนึง รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่ามาก จากภาษาอังกฤษระดับสอบผ่านได้ กลายเป็นเก่งขึ้นในเดือนเดียว เพราะต้องพูดแต่ภาษานี้ ฟังแต่ภาษานี้ ถ้าไปยาวๆน่าจะดี การเรียนรู้รับผิดชอบชีวิตก็แตกต่างกันมากๆ จากอยู่บ้านสลัดตัวจากเตียงก็ต้องเก็บที่นอนเอง จัดของเอง จัดการเสื้อผ้าเองทั้งหมด ไม่ทำก็ไม่ได้ ทุกคนเค้าทำ
ผมฝึกงานต่างประเทศตอนเรียนมหาวิทยาลัยครับ โดยการส่งพอร์ทร่อนไปที่ต่างๆในอเมริกา จนมีที่ๆรับไปทำงานในฐานะเด็กฝึกงาน ซึ่งก็ไปอยู่สามเดือนกว่า เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและได้เงินก้อนโตกลับมาเป็นทุนไว้เรียนต่อ ท้ายที่สุด ก็เรียนต่างประเทศ ที่อเมริกา ในแบบสู้ชีวิตคือ เรียนไปทำงานไป รับจ้างเป็นแรงงานเพื่อให้มีค่าข้าวค่าห้อง
ประสบการณ์ทั้งหมดทำให้ผมทำงานในโปรเจ็คต่างๆที่เจอคนต่างชาติเยอะ เคยอยู่ฮ่องกงทำงานที่นั่นหลายปี ไปทำงานไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี ทำงานร่วมกับอิตาลี ฝรั่งเศส สิงคโปร์ มาเล ถ้าไม่มีโควิด ชีวิตก็จัดว่าเดินทางในระดับเมียนักบินได้เลย
ผมอยากให้ลูกโตไปเป็นประชากรของโลกนี้ครับ