สารานุกรมปืนตอนที่ 1558 Koksan SPG, the Kim's sledgehammer

ผู้เขียนบทความต้นฉบับ https://www.facebook.com/groups/360605677692324/user/100008422425931/

ในสงครามสมัยใหม่นั้น บ่อยครั้งที่ปัจจัยสำคัญในการกำชัยชนะคือการมีปืนใหญ่ที่ทรงพลังกว่าศัตรู โดยในด้านการมุ่งเน้นการพัฒนาปืนใหญ่ให้มีพลังทำลายล้างต่อนัดสูงที่สุดนั้น มีเพียงไม่กี่ประเทศในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ผลักดันแนวคิดนี่มากเช่นเกาหลีเหนือ โดยปืนใหญ่อัตตาจรหนักรุ่นแรกและอาจจะเป็นหนึ่งในอัตตาจรที่ทรงพลังที่สุดในยุคนั้นคงหนีไม่พ้น M1978 Koksan หรือที่เรียกโดยเกาหลีเหนือว่า Chuche-po (ปืนหลัก)
นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาเกาหลีเหนือทุ่มทรัพยากรและการวิจัยจำนวนมากกับการทหารและอาวุธ (จนบ่อยครั้งก็มากเกินไป) รวมถึงได้รับการสนับสนุนต่างๆ จากจีนและสหภาพโซเวียตค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็ยังไม่สามารถพัฒนาและผลิตอัตตาจรได้ด้วยตนเองจนถึงปลายทศวรรษที่ 1960s และใช้เวลาอีกเกือบยี่สิบปีต่อมาที่เกาหลีเหนือจะสามารถผลิตอัตตาจรหนักได้ อย่างไรก็ตาม อัตตาจรนี้ก็นับว่าทรงพลังและก้าวหน้าไม่น้อยทีเดียวสำหรับประเทศที่ยากจนและขาดเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นนั้น



M1978 Koksan ปรากฏตัวต่อหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาในปี 1978 โดยเป็นอัตตาจรที่ใช้ตัวถังของรถถัง T-54, T-55 และ Type 59 ที่ดัดแปลงตัวรถให้ยาวขึ้น โดยควาดว่ามาจากทั้งรถถังที่ซื้อมาจากสหภาพโซเวียตและจีน และรถถัง T-55 ที่ผลิตเองภายใต้ใบอนุญาตในเกาหลีเหนือ เนื่องจากอุตสาหกรรมของเกาหลีเหนือไม่ดีพอในการผลิตรถถังให้ไวเพียงพอกับความต้องการ โดยอัตตาจรนี้หนัก 30-40 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Model 12150L V-12 liquid-cooled กำลัง 520 แรงม้า และเคลื่อนที่ได้เร็วราว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของมันคือปืนใหญ่ของมันที่มีทั้งความยาวที่มากถึง 8 เมตร (L/50) และมีขนาดกระบอกปืนกว้างถึง 170 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้างเฉพาะเนื่องจากแม้แต่ในค่ายคอมมิวนิสต์เองก็แทบไม่มีการใช้ปืนใหญ่ไซส์เท่านี้ โดยมีข้อสันนิษฐานที่ต่างกันออกไปถึงที่มาในการพัฒนา โดยบางแหล่งอ้างอิงคาดว่ามันพัฒนามาจากปืนใหญ่เยอรมนี Kanone 18 ขนาด 170 มม. ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยอาศัยข้อมูลจากโซเวียต หรือพัฒนาต่อมาจากปืนใหญ่ชายฝั่ง Type 96 L/52 ที่ญี่ปุ่นทิ้งไว้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่แหล่งอ้างอิงอื่นคาดว่าเกาหลีเหนือพัฒนามันขึ้นเองโดยอาศัยเทคโนโลยีจากปืนใหญ่โซเวียตที่มีอยู่

ปืนใหญ่ 170 มม.ของ Koksan มีระยะยิงที่สูงมาก โดยกระสุนระเบิดธรรมดานั้นยิงได้ไกลถึง 43 กิโลเมตร และสามารถยิงได้ไกลมากถึง 54-60 กิโลเมตรโดยใช้กระสุนเสริมแรงขับเคลื่อน ทำให้เป็นหนึ่งในปืนใหญ่อัตตาจรที่ยิงได้ไกลที่สุดในโลกในขณะนั้น โดยสถิตินี้ไม่ถูกทำลายจนกระทั่งการพัฒนากระสุน Excalibur รุ่นใหม่ของสหรัฐในปี 2020 ที่ทำให้อัตตาจรตะวันตกสมัยใหม่ยิงได้ไกลถึง 70 กิโลเมตร ซึ่งความสามารถที่ยิงได้ไกลมากๆ ของ Koksan นี่เพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือเพื่อในในการข่มขู่เกาหลีใต้ เนื่องจาก Koksan สามารถยิงถล่มถึงกรุงโซลและเมืองอินชอนได้โดยที่ไม่ต้องข้ามเขต DMZ มา และยิงได้ไกลพอที่จะเลี่ยงการโดนยิงสวนกลับโดยอัตตาจรของเกาหลีใต้ (แม้แต่ K9 ของเกาหลีใต้ที่ใช้กระสุนเสริมแรงขับเคลื่อนก็ยิงได้ไกลไม่เท่ากับ Koksan ที่ใช้กระสุนระเบิดปกติ) รวมถึงการที่มีบางรายงานอ้างว่ามันยังสามารถยิงกระสุนแก๊สพิษหรืออาวุธเคมีได้อีกด้วย ซึ่งหากมีการยิงขึ้นมาจริงๆ Koksan ก็จะทำให้พลเรือนเกาหลีใต้ตายได้ไม่น้อยทีเดียว



แม้จะทรงพลังแต่ Koksan เองก็มีข้อบกพร่องหลายประการโดยมันต้องใช้พลรถในการควบคุมถึงแปดคน โดยมีเพียงพลขับและผู้บัญชาการเท่านั้นที่อยู่ในรถ ขณะที่พลปืนและพลรถที่เหลือต้องอยู่นอกรถที่ไร้การป้องกัน (ซึ่งไม่ปกติแม้แต่มาตรฐานประเทศคอมมิวนิสต์อย่างโซเวียตและจีนในขณะนั้น) และต้องมีรถบรรทุกกระสุนปืนใหญ่ไปด้วยเสมอเนื่องจากภายในตัวรถเองไม่สามารถบรรจุกระสุนได้ โดยในหนึ่งกองพัน จะต้องใช้รถบรรทุกกระสุนมากถึง 30 คันสำหรับ Koksan 12 คันเลยทีเดียว นอกจากนี้ กระสุนปืนใหญ่นี้ยังมีแรงเสียดสีที่มาก ทำให้ปืนใหญ่เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และท้ายสุดก็คือ อัตราเร็วในการยิงของมันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับอัตตาจรสมัยใหม่ของโลกเสรี โดยมันยิงได้เพียงประมาณ 1 นัดทุกๆ 2.5 นาทีเท่านั้น โดยการบรรจุนั้นทำโดยพลรถบรรจุโดยมือโดยไม่มีระบบบรรจุกึ่งอัตโนมัติช่วย ทำให้อาจยิงได้ช้าหรือเร็วกว่านั้นเล็กน้อย (K9 ยิงได้ 2-6 นัดต่อนาที)
นอกจากใช้เองในประเทศแล้ว Koksan ยังได้รับการส่งออกไปยังอิหร่านในช่วงทำสงครามกับอิรักโดยแม้จะถูกอิรักยึดหรือทำลายไปบ้าง อิหร่านในปัจจุบันก็ยังมีอัตตาจรชนิดนี้ใช้ประจำการจนถึงปัจจุบัน



Koksan ในงานพาเหรดของอิหร่านในปี 2014



สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่