พูดคุยกันครับ
ยกตัวอย่างเช่นผมอายุ 35 ย่าง 36 ปี มีงานประจำเป็นพนักงานบริษัท ทำมา 15 ปีแล้ว และ รายได้ค่อนไปทางสูง (ก็เสียดายถ้าต้องลาออก) แต่มันก็ไม่มีอารมณ์ หมดไฟกับงานประจำ และเริ่มเบื่อ ซึ่งอาการมันก็ออกแนวชัดเจนแล้วแหละครับ ว่าไม่อยากอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว สภาวะทางกายภาพ ก็พวก Office syndrome เริ่มหนัก สภาวะการทำงานที่ไม่ enjoy กับงานที่มากขึ้น คนที่ทำงานเริ่มเรื่องเยอะขึ้น และก็การแข่งขันที่รุนแรง จนเราเบื่อเพราะไม่อยากแข่งด้วย (เริ่มแก่) นี่คือประเด็นที่เราต้องไปพัฒนาตนเอง เพื่อให้อยู่รอดในองกรค์ต่อไป
แต่ทีนี้พอเริ่มหันมาทำสวนผลไม้ ก็ทำมาสักระยะแล้วครับ ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ ในอีก 2-3 ปี ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในส่วนใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม แล้วก็ต้องใช้เวลาในการดูแล เอาใจใส่มากขึ้น ซึ่งที่กล่าว ๆ มาก็คงจะติดเรื่องเวลานั่นแหละครับ ถ้ามัวแต่พัฒนาตนเองทางด้านองค์กร ก็จะกลายเป็นขาดทักษะ ประสบการณ์ในด้านงานสวน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราชอบอยู่แล้วในตัว
ทีนี้เป็นเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่คือ ถ้าเราไม่พัฒนาตนเองเพื่อบริษัทเพราะเรามีเป้าหมายแน่ชัดอยู่แล้ว เราจะเอาเปรียบบริษัทหรือเปล่า แต่ถ้าเราพัฒนาซึ่งมันก็จะกินเวลาการทำงานสวน คือมันทำพร้อมกัน 2 อย่างไม่ได้ครับ อาจจะมีคนทำได้แต่ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น
ซึ่งค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า อีกไม่เกิน 3 ปี (อายุ 40 ปี)เราจะออกจากตรงนี้เพื่อไปทำสวนเต็มตัว เรายังต้องเอาเวลามาพัฒนาตนเองในสิ่งที่อนาคตไม่ได้ใช้แน่นอนหรือเปล่า ซึ่งการแลกเปลี่ยนที่จะกล่าวถึง คือเรื่องเวลากับ รายได้ ครับ แบบว่าเงินก็สำคัญ เวลาก็ต้องมี ทุกท่านคิดว่าไงครับ
ถ้ามีเป้าหมายชัดเจนแล้วยังต้องพัฒนาตนเองในสิ่งที่ไม่ตรงกับเป้าหมายหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่นผมอายุ 35 ย่าง 36 ปี มีงานประจำเป็นพนักงานบริษัท ทำมา 15 ปีแล้ว และ รายได้ค่อนไปทางสูง (ก็เสียดายถ้าต้องลาออก) แต่มันก็ไม่มีอารมณ์ หมดไฟกับงานประจำ และเริ่มเบื่อ ซึ่งอาการมันก็ออกแนวชัดเจนแล้วแหละครับ ว่าไม่อยากอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว สภาวะทางกายภาพ ก็พวก Office syndrome เริ่มหนัก สภาวะการทำงานที่ไม่ enjoy กับงานที่มากขึ้น คนที่ทำงานเริ่มเรื่องเยอะขึ้น และก็การแข่งขันที่รุนแรง จนเราเบื่อเพราะไม่อยากแข่งด้วย (เริ่มแก่) นี่คือประเด็นที่เราต้องไปพัฒนาตนเอง เพื่อให้อยู่รอดในองกรค์ต่อไป
แต่ทีนี้พอเริ่มหันมาทำสวนผลไม้ ก็ทำมาสักระยะแล้วครับ ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ ในอีก 2-3 ปี ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในส่วนใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม แล้วก็ต้องใช้เวลาในการดูแล เอาใจใส่มากขึ้น ซึ่งที่กล่าว ๆ มาก็คงจะติดเรื่องเวลานั่นแหละครับ ถ้ามัวแต่พัฒนาตนเองทางด้านองค์กร ก็จะกลายเป็นขาดทักษะ ประสบการณ์ในด้านงานสวน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราชอบอยู่แล้วในตัว
ทีนี้เป็นเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่คือ ถ้าเราไม่พัฒนาตนเองเพื่อบริษัทเพราะเรามีเป้าหมายแน่ชัดอยู่แล้ว เราจะเอาเปรียบบริษัทหรือเปล่า แต่ถ้าเราพัฒนาซึ่งมันก็จะกินเวลาการทำงานสวน คือมันทำพร้อมกัน 2 อย่างไม่ได้ครับ อาจจะมีคนทำได้แต่ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น
ซึ่งค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า อีกไม่เกิน 3 ปี (อายุ 40 ปี)เราจะออกจากตรงนี้เพื่อไปทำสวนเต็มตัว เรายังต้องเอาเวลามาพัฒนาตนเองในสิ่งที่อนาคตไม่ได้ใช้แน่นอนหรือเปล่า ซึ่งการแลกเปลี่ยนที่จะกล่าวถึง คือเรื่องเวลากับ รายได้ ครับ แบบว่าเงินก็สำคัญ เวลาก็ต้องมี ทุกท่านคิดว่าไงครับ