โควิดวันนี้ ป่วยใหม่ 2,313 ราย เสียชีวิต 16 ราย เอทีเค 3,172 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3417183
โควิดวันนี้ ป่วยใหม่ 2,313 ราย เสียชีวิต 16 ราย เอทีเค 3,172 ราย
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 2,313 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,309 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,286,106 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 1,489 ราย หายป่วยสะสม 2,288,030 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 22,458 ราย เสียชีวิต 16 ราย เสียชีวิตสะสม 8,861 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 602 ราย
ทั้งนี้ เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
ลูกหนี้โอด! ธอส.จ่อขึ้นดอกเบี้ยบ้าน ต.ค.นี้ กนง.คาดขยับถึง 1 %
https://ch3plus.com/news/economy/morning/297601
วานนี้ (วันที่ 23 มิ.ย.) นาย
ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า คณะกรรมการธนาคารได้ประชุม เพื่อวางแผนทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยเบื้องต้นมีการประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% อย่างน้อย 2 ครั้ง รวมเป็นการปรับขึ้น 0.50% ขณะที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566 อีกอย่างน้อย 0.50% ต่อปี ทำให้คาดว่าในช่วง 2 ปีนี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประมาณ 1%
“ในการประชุม กนง. รอบเดือน ส.ค. 2565 หากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารก็ตรึงไว้ถึงเดือน ต.ค. โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกและครั้งเดียวของปีนี้ ที่เฉลี่ย 0.125%-0.150% ต่อปี ส่วนที่เหลือคาดว่าธนาคารจะทยอยปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2566”
อย่างไรก็ดี มองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่มีการปรับขึ้น แต่คงไม่ถึง 2 หลัก เหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะในกรณีนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเท่านั้น แต่ธนาคารก็อยู่ในภาวะช็อกเหมือนกัน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ยอมรับว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จะกระทบทำให้ต้นทุนของ ธอส. เพิ่มขึ้น เพราะต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากทันที ส่วนฝั่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ก็อยู่ที่แต่ละธนาคารจะพิจารณาบริหารต้นทุนอย่างไร ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีเวลาเหลืออีก 5 เดือน แต่จากการประมาณการคาดว่าการตรึงดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชน จะทำให้ ธอส. มีต้นทุนในปีนี้เพิ่มขึ้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2566 คาดว่าจะกระทบประมาณ 1,300 ล้านบาท
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ‘ชัชชาติ’ นั่งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3415913
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ว่าเงินงวดของลูกค้าก็จะยังไม่ปรับขึ้นในทันที ถ้ายังเป็นการชำระดอกเบี้ยและยังมีเงินบางส่วนที่ไปตัดเงินต้น แต่ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจนกระชั้นมาก ๆ เงินงวดไม่พอที่จะนำไปหักเงินต้น ก็จะต้องมีการขึ้นเงินงวด หรือจ่ายภายใต้เงินงวดเท่าเดิมแต่ตัดเงินต้นน้อยกว่าเดิม
ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ต้องขยายเงินงวดออกไปเป็นระยะยาวมากขึ้น นอกจากนี้ มองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับลูกค้าในกลุ่มเปราะบางที่ต้องการกู้บ้าน แต่ฐานเงินเดือนไม่สูงมากเป็นหลัก เช่น เงินเดือน 20,000 บาท ต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท ธนาคารอาจจะต้องลดวงเงินกู้ ส่งผลทำให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าวมีบ้านที่ต้องการยากขึ้น ขณะที่กลุ่มที่มีความสามารถในการกู้เดิม ก็จะเข้าหาธนาคารเพื่อเลือกแพ็คเกจสินเชื่อที่สามารถชำระได้โดยไม่มีปัญหามากขึ้น
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ชัชชาติ-เปิดประเทศ-สลากดิจิทัล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ “10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” ว่า แม้จะอยู่ในช่วงสงครามสหรัฐ-ยูเครนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ปัญหาโควิดระบาดแม้เบาบางแต่หลายประเทศ รวมถึงไทย ยังต้องระวังกันอยู่ และกระแสตื่นตัวหลังได้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่
ทั้งนี้ จากสำรวจ 10 ธุรกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงหลังปี 2565 ได้แก่
1.ธุรกิจการแพทย์และความงามโดยเน้นธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
2.ธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆ
3.ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
4.ธุรกิจด้านกีฬา
5.ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้า
6.ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และทางการแพทย์รวมไปถึงธุรกิจจัดงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า
7.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
8.ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่
9.ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนต์
10.ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/U9pw_OUiQNc
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส 'ชัชชาติ' นั่งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3415913
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ชัชชาติ-เปิดประเทศ-สลากดิจิทัล
นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ “
10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” ว่า แม้จะอยู่ในช่วงสงครามสหรัฐ-ยูเครนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ปัญหาโควิดระบาดแม้เบาบางแต่หลายประเทศ รวมถึงไทย ยังต้องระวังกันอยู่ และกระแสตื่นตัวหลังได้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่
ทั้งนี้ จากสำรวจ 10 ธุรกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงหลังปี 2565 ได้แก่
1.ธุรกิจการแพทย์และความงามโดยเน้นธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
2.ธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆ
3.ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
4.ธุรกิจด้านกีฬา
5.ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้า
6.ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และทางการแพทย์รวมไปถึงธุรกิจจัดงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า
7.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
8.ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่
9.ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนต์
10.ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
นาย
ธนวรรธน์กล่าวว่า ในเหตุผลหลักที่ทำให้ 10 ธุรกิจเด่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้น ได้แก่ กระแสการตื่นตัวของคนกรุงเทพมหานครที่ได้ผู้ว่าฯคนใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังมีอยู่ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหารถติดและอื่นๆ ที่คน กทม.ส่วนใหญ่ต้องการเห็น ผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้นหลังจากนี้ไป และกระแสการตอบรับการซื้อสลากดิจิทัลในราคา 80 บาท ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่หมดลงเพียงระยะเวลาอันสั้น รวมถึงการคลี่คลายให้ธุรกิจบางประเภทเปิดบริการหลังจากเห็นว่าปัญหาการแพร่ระบาดโควิดในประเทศเบาบางลง แม้ว่าจะยังไม่หมดไป แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นได้ ล้วนเป็นกระแสหลักทำให้คนรุ่นใหม่เห็นช่องทางทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นไปได้สูง หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากปัญหาแพร่ระบาดโควิดทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะเริ่มทำธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯมองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง2565 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลายปัจจัยที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มขานรับโดยเฉพาะธุรกิจบริการและท่องเที่ยวที่จะดีขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งทำให้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้าคงทน เช่น บ้านในแนวราบ รถยนต์และอื่นๆ เพื่อสอดรับกับเศรษฐกิจที่จะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
นาย
ธนวรรธน์กล่าวว่า ส่วนสิ่งที่ประชาชนยังกังวลใจอยู่มาก สาเหตุหลักคือสงครามรัสเซียและยูเครนที่มองว่าจะยืดเยื้อยาวนานส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานทั่วโลก รวมถึงไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกแน่นอน ซึ่งในเดือน ก.ค.นี้จะหมดมาตรการพยุงราคาน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลอาจจะขึ้นไปมากกว่า 40 บาทต่อลิตร และหากเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่จะลดการท่องเที่ยวและอยู่กับบ้านมากขึ้น ดังนั้น เหตุผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นที่ต้องการ
นาย
ธนวรรธน์กล่าวว่า พร้อมกันนี้ได้สำรวจ 10 ธุรกิจดาวร่วงในครึ่งปีหลัง 2565 ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร 2.ธุรกิจฟอกย้อม 3.ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีการออกแบบและราคาถูก 4.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร 5.ธุรกิจรับส่งสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน 6.ธุรกิจโรงพิมพ์ การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรกิจคนกลาง 7.ธุรกิจผลิตและขายต้นไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ 8.ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก 9.ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ขายหนังสือ และ 10.ธุรกิจร้านถ่ายรูป เป็นต้น
JJNY : ป่วยใหม่ 2,313 เสียชีวิต 16│ลูกหนี้โอด! ธอส.จ่อขึ้นดอกเบี้ย│10ธุรกิจคึกคักรับ‘ชัชชาติ’│ยูเครนได้สถานะผู้สมัครอียู
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3417183
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 2,313 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,309 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,286,106 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 1,489 ราย หายป่วยสะสม 2,288,030 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 22,458 ราย เสียชีวิต 16 ราย เสียชีวิตสะสม 8,861 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 602 ราย
ทั้งนี้ เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
ลูกหนี้โอด! ธอส.จ่อขึ้นดอกเบี้ยบ้าน ต.ค.นี้ กนง.คาดขยับถึง 1 %
https://ch3plus.com/news/economy/morning/297601
วานนี้ (วันที่ 23 มิ.ย.) นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า คณะกรรมการธนาคารได้ประชุม เพื่อวางแผนทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยเบื้องต้นมีการประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% อย่างน้อย 2 ครั้ง รวมเป็นการปรับขึ้น 0.50% ขณะที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566 อีกอย่างน้อย 0.50% ต่อปี ทำให้คาดว่าในช่วง 2 ปีนี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประมาณ 1%
“ในการประชุม กนง. รอบเดือน ส.ค. 2565 หากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารก็ตรึงไว้ถึงเดือน ต.ค. โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกและครั้งเดียวของปีนี้ ที่เฉลี่ย 0.125%-0.150% ต่อปี ส่วนที่เหลือคาดว่าธนาคารจะทยอยปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2566”
อย่างไรก็ดี มองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่มีการปรับขึ้น แต่คงไม่ถึง 2 หลัก เหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะในกรณีนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเท่านั้น แต่ธนาคารก็อยู่ในภาวะช็อกเหมือนกัน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ยอมรับว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จะกระทบทำให้ต้นทุนของ ธอส. เพิ่มขึ้น เพราะต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากทันที ส่วนฝั่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ก็อยู่ที่แต่ละธนาคารจะพิจารณาบริหารต้นทุนอย่างไร ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีเวลาเหลืออีก 5 เดือน แต่จากการประมาณการคาดว่าการตรึงดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชน จะทำให้ ธอส. มีต้นทุนในปีนี้เพิ่มขึ้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2566 คาดว่าจะกระทบประมาณ 1,300 ล้านบาท
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ‘ชัชชาติ’ นั่งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3415913
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ว่าเงินงวดของลูกค้าก็จะยังไม่ปรับขึ้นในทันที ถ้ายังเป็นการชำระดอกเบี้ยและยังมีเงินบางส่วนที่ไปตัดเงินต้น แต่ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจนกระชั้นมาก ๆ เงินงวดไม่พอที่จะนำไปหักเงินต้น ก็จะต้องมีการขึ้นเงินงวด หรือจ่ายภายใต้เงินงวดเท่าเดิมแต่ตัดเงินต้นน้อยกว่าเดิม
ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ต้องขยายเงินงวดออกไปเป็นระยะยาวมากขึ้น นอกจากนี้ มองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับลูกค้าในกลุ่มเปราะบางที่ต้องการกู้บ้าน แต่ฐานเงินเดือนไม่สูงมากเป็นหลัก เช่น เงินเดือน 20,000 บาท ต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท ธนาคารอาจจะต้องลดวงเงินกู้ ส่งผลทำให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าวมีบ้านที่ต้องการยากขึ้น ขณะที่กลุ่มที่มีความสามารถในการกู้เดิม ก็จะเข้าหาธนาคารเพื่อเลือกแพ็คเกจสินเชื่อที่สามารถชำระได้โดยไม่มีปัญหามากขึ้น
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ชัชชาติ-เปิดประเทศ-สลากดิจิทัล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ “10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” ว่า แม้จะอยู่ในช่วงสงครามสหรัฐ-ยูเครนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ปัญหาโควิดระบาดแม้เบาบางแต่หลายประเทศ รวมถึงไทย ยังต้องระวังกันอยู่ และกระแสตื่นตัวหลังได้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่
ทั้งนี้ จากสำรวจ 10 ธุรกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงหลังปี 2565 ได้แก่
1.ธุรกิจการแพทย์และความงามโดยเน้นธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
2.ธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆ
3.ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
4.ธุรกิจด้านกีฬา
5.ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้า
6.ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และทางการแพทย์รวมไปถึงธุรกิจจัดงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า
7.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
8.ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่
9.ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนต์
10.ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/U9pw_OUiQNc
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส 'ชัชชาติ' นั่งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_3415913
เปิด 10 ธุรกิจ กลับมาคึกคัก รับกระแส ชัชชาติ-เปิดประเทศ-สลากดิจิทัล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ “10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” ว่า แม้จะอยู่ในช่วงสงครามสหรัฐ-ยูเครนไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ปัญหาโควิดระบาดแม้เบาบางแต่หลายประเทศ รวมถึงไทย ยังต้องระวังกันอยู่ และกระแสตื่นตัวหลังได้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่
ทั้งนี้ จากสำรวจ 10 ธุรกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงหลังปี 2565 ได้แก่
1.ธุรกิจการแพทย์และความงามโดยเน้นธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
2.ธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆ
3.ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
4.ธุรกิจด้านกีฬา
5.ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้า
6.ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และทางการแพทย์รวมไปถึงธุรกิจจัดงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า
7.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
8.ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่
9.ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนต์
10.ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ในเหตุผลหลักที่ทำให้ 10 ธุรกิจเด่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้น ได้แก่ กระแสการตื่นตัวของคนกรุงเทพมหานครที่ได้ผู้ว่าฯคนใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังมีอยู่ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหารถติดและอื่นๆ ที่คน กทม.ส่วนใหญ่ต้องการเห็น ผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้นหลังจากนี้ไป และกระแสการตอบรับการซื้อสลากดิจิทัลในราคา 80 บาท ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่หมดลงเพียงระยะเวลาอันสั้น รวมถึงการคลี่คลายให้ธุรกิจบางประเภทเปิดบริการหลังจากเห็นว่าปัญหาการแพร่ระบาดโควิดในประเทศเบาบางลง แม้ว่าจะยังไม่หมดไป แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นได้ ล้วนเป็นกระแสหลักทำให้คนรุ่นใหม่เห็นช่องทางทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นไปได้สูง หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากปัญหาแพร่ระบาดโควิดทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะเริ่มทำธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯมองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง2565 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลายปัจจัยที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มขานรับโดยเฉพาะธุรกิจบริการและท่องเที่ยวที่จะดีขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งทำให้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้าคงทน เช่น บ้านในแนวราบ รถยนต์และอื่นๆ เพื่อสอดรับกับเศรษฐกิจที่จะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ส่วนสิ่งที่ประชาชนยังกังวลใจอยู่มาก สาเหตุหลักคือสงครามรัสเซียและยูเครนที่มองว่าจะยืดเยื้อยาวนานส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานทั่วโลก รวมถึงไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกแน่นอน ซึ่งในเดือน ก.ค.นี้จะหมดมาตรการพยุงราคาน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลอาจจะขึ้นไปมากกว่า 40 บาทต่อลิตร และหากเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่จะลดการท่องเที่ยวและอยู่กับบ้านมากขึ้น ดังนั้น เหตุผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นที่ต้องการ
นายธนวรรธน์กล่าวว่า พร้อมกันนี้ได้สำรวจ 10 ธุรกิจดาวร่วงในครึ่งปีหลัง 2565 ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร 2.ธุรกิจฟอกย้อม 3.ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีการออกแบบและราคาถูก 4.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร 5.ธุรกิจรับส่งสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน 6.ธุรกิจโรงพิมพ์ การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรกิจคนกลาง 7.ธุรกิจผลิตและขายต้นไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ 8.ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก 9.ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ขายหนังสือ และ 10.ธุรกิจร้านถ่ายรูป เป็นต้น