ตอนนี้ผมมีเพจแล้วนะครับ ไปติดตามกันได้ครับ
https://www.facebook.com/Mr.CoffeeKDramaReview
รีวิวซีรีส์
เรื่องที่ 126 Bloody Heart มี 16 EP EP ละประมาณ 60 นาที / Disney+
ช่วงที่ผ่านมา มีซีรีส์เกาหลีที่ดูแล้วติดหนึบชนิดที่พอจบแล้วเกิดอาการลงแดงอยากดูต่อไม่กี่เรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Again My Life (Why Her? กับ Doctor Lawyer ไม่นับเพราะเพิ่งมา) ส่วนเรื่องอื่น ไม่มีเรื่องไหนดูแล้วติดขนาดนั้น ยกเว้นซีรีส์พีเรียดเรื่องเดียวในช่วงนี้ นั่นคือ Bloody Heart
บอกเลยว่า Bloody Heart เป็นหนึ่งในพีเรียดที่ดูแล้วติดมากที่สุดเท่าที่ดูมาในช่วงหลังๆนี้เลย แม้แต่ Red Sleeve ผมก็ยังไม่ติดขนาดนี้ จุดขายของ Bloody Heart นั้นขายเรื่อง "การเมืองสมัยโชซอน" เป็นหลักเลยครับ
ช่วงแรกเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวแสนเข้มข้นของการชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง โดยเรื่องนี้ได้นักแสดงฝั่งตัวร้ายเกรด top อย่างจางฮยอก ที่ฝีมือมหาโหด มาประชันกับพระเอกอย่าง อีจุน และนางเอก คังฮันนา ที่ดีกรีต้องยอมรับว่าเป็นรองจางฮยอกอยู่เล็กน้อย
ความมันของเรื่องนี้มันอยู่ที่บทและการกำกับครับ พอไปดูชื่อนักเขียนบทกับผู้กำกับ ก็ไม่ใช่มือโด่งดังอะไร แต่มันสนุกมากจริงๆครับ การหักเหลี่ยมเฉือนคม การแย่งชิงอำนาจกันระหว่าง พระราชากับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั้นดุเดือดสุดๆ พระราชาออกจะเป็นรองอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งการมาของนางเอก
เสน่ห์อีกอย่างของเรื่องนี้คือนางเอกเป็นคนฉลาดมาก มันทำให้การประลองกำลังกันทางการเมืองของเรื่องนี้เข้มข้นสุดๆ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ชอบการเมือง แต่การเมืองของเรื่องนี้นั้นสนุกและเดาไม่ได้เลยแทบทุกตอน
สิ่งที่ขอชื่นชมอีกอย่างของเรื่องนี้คืองานภาพ งานนี้ผู้กำกับภาพบ้าพลังมาก มีฉากเยอะมากที่สวยอย่างกับภาพวาด การจัดภาพ แสง เงา องค์ประกอบนั้นสุดยอดแบบสุดๆ เหมือนดูงานศิลป์ชั้นดี ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน Production ของเรื่อง
ประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้คือ "การเมือง" นั้น มันลึกมากทีเดียวครับ ถ้าไม่ดูจนจบ เราอาจะเห็นแค่ตัวดี ตัวร้าย แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ คุณจะเห็นเบื้องหลังเหตุผล แนวความคิดทางการเมืองของแต่ละตัวละคร ความเชื่อ ความศรัทธา โดยเฉพาะของตัวร้าย ที่ตอนแรกผมว่ามาแนวเดียวกับโจแทซอบใน Again My Life แต่พอดูไปเรื่อยๆ พบว่าแนวความคิดของตัวร้ายในเรื่องนี้ไปไกลมากกว่าด้วยซ้ำ
พระเอก - อีจุน ผมเคยดูเขาใน My Father Is Strange ซึ่งในเรื่องนี้ต้องบอกว่าแคสติ้งมาดีมาก เพราะพระราชาในเรื่องนี้ ต้องดูดิบๆ เทาๆ สักหน่อย ไม่ได้เน้นหล่อใส ซึ่งอีจุนทำได้ดีมากๆ
นางเอก - คังฮันนา ปกติเธอจะเป็นนางรองเป็นหลัก ทั้งใน Start-Up และ My Roommate is a Gumiho พอเรื่องนี้มารับบทเป็นนางเอกเต็มตัว ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
Love Line - ไม่ได้มากมาย หวานฉ่ำแบบ Red Sleeve และจะดูค่อนข้างรันทดอยู่บ้าง แต่ความรักของเรื่องนี้นั้นทรงพลังแบบสุดๆ เอาชนะการเมืองได้ในทุกรูปแบบ
เพลงประกอบ - มีเพราะๆหลายเพลงเลยครับ แต่เพลงที่ผมชอบมาก คือ It's Red ที่ดนตรีทรงพลังสุดๆ ทำนองแนวลั่นกลองรบนั้นเจ๋งและส่งให้เพลงนี้ฟังแล้วเดือดทุกครั้ง
เรื่องนี้มีบทสนทนาที่เท่ห์สุดๆอยู่หลายฉาก โดยเฉพาะการเปรียบเทียบกับการเดินหมากกระดาน (น่าจะเป็นโกะ) ฉาก "รุกฆาต" นั้น เจ๋งสุดๆ แต่พอมาย้อนคิดต่อไป ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "รุกฆาต" ตานั้น ส่งผลย้อนกลับมาอย่างมหาศาล และเป็นหัวใจของเรื่องนี้เลย
บทสรุปที่เจ๋งที่สุดของเรื่องนี้นั้นสอนให้เรารู้ถึงความสำคัญของอำนาจ และเมื่อมีมันแล้วจะใช้อย่างไร อีกทั้งการคานอำนาจนั้นสำคัญมากขนาดไหน ดั่งเช่น "เป็นคมดาบบนศรีษะ และเป็นที่พักใจ" ที่เรื่องนี้ได้กล่าวไว้ในตอนสุดท้าย
นานๆจะมีซีรีส์พีเรียดที่ดูแล้วติด สนุก เข้มข้น ถึงเลือดถึงเนื้อ และให้แง่คิดกับเราได้ขนาดนี้ ดูแล้วแนะนำให้ลองพยายามมองในมุมของแต่ละคน แล้วจะรู้ซึ้งถึงคำว่า "การเมือง" แนะนำให้ดูให้ได้ครับเรื่องนี้
[CR] [Mr. Coffee รีวิว] Bloody Heart พีเรียดสุดเดือด สุดมันส์ เข้มข้นสุดๆ
https://www.facebook.com/Mr.CoffeeKDramaReview
รีวิวซีรีส์
เรื่องที่ 126 Bloody Heart มี 16 EP EP ละประมาณ 60 นาที / Disney+
ช่วงที่ผ่านมา มีซีรีส์เกาหลีที่ดูแล้วติดหนึบชนิดที่พอจบแล้วเกิดอาการลงแดงอยากดูต่อไม่กี่เรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Again My Life (Why Her? กับ Doctor Lawyer ไม่นับเพราะเพิ่งมา) ส่วนเรื่องอื่น ไม่มีเรื่องไหนดูแล้วติดขนาดนั้น ยกเว้นซีรีส์พีเรียดเรื่องเดียวในช่วงนี้ นั่นคือ Bloody Heart
บอกเลยว่า Bloody Heart เป็นหนึ่งในพีเรียดที่ดูแล้วติดมากที่สุดเท่าที่ดูมาในช่วงหลังๆนี้เลย แม้แต่ Red Sleeve ผมก็ยังไม่ติดขนาดนี้ จุดขายของ Bloody Heart นั้นขายเรื่อง "การเมืองสมัยโชซอน" เป็นหลักเลยครับ
ช่วงแรกเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวแสนเข้มข้นของการชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง โดยเรื่องนี้ได้นักแสดงฝั่งตัวร้ายเกรด top อย่างจางฮยอก ที่ฝีมือมหาโหด มาประชันกับพระเอกอย่าง อีจุน และนางเอก คังฮันนา ที่ดีกรีต้องยอมรับว่าเป็นรองจางฮยอกอยู่เล็กน้อย
ความมันของเรื่องนี้มันอยู่ที่บทและการกำกับครับ พอไปดูชื่อนักเขียนบทกับผู้กำกับ ก็ไม่ใช่มือโด่งดังอะไร แต่มันสนุกมากจริงๆครับ การหักเหลี่ยมเฉือนคม การแย่งชิงอำนาจกันระหว่าง พระราชากับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั้นดุเดือดสุดๆ พระราชาออกจะเป็นรองอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งการมาของนางเอก
เสน่ห์อีกอย่างของเรื่องนี้คือนางเอกเป็นคนฉลาดมาก มันทำให้การประลองกำลังกันทางการเมืองของเรื่องนี้เข้มข้นสุดๆ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ชอบการเมือง แต่การเมืองของเรื่องนี้นั้นสนุกและเดาไม่ได้เลยแทบทุกตอน
สิ่งที่ขอชื่นชมอีกอย่างของเรื่องนี้คืองานภาพ งานนี้ผู้กำกับภาพบ้าพลังมาก มีฉากเยอะมากที่สวยอย่างกับภาพวาด การจัดภาพ แสง เงา องค์ประกอบนั้นสุดยอดแบบสุดๆ เหมือนดูงานศิลป์ชั้นดี ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน Production ของเรื่อง
ประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้คือ "การเมือง" นั้น มันลึกมากทีเดียวครับ ถ้าไม่ดูจนจบ เราอาจะเห็นแค่ตัวดี ตัวร้าย แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ คุณจะเห็นเบื้องหลังเหตุผล แนวความคิดทางการเมืองของแต่ละตัวละคร ความเชื่อ ความศรัทธา โดยเฉพาะของตัวร้าย ที่ตอนแรกผมว่ามาแนวเดียวกับโจแทซอบใน Again My Life แต่พอดูไปเรื่อยๆ พบว่าแนวความคิดของตัวร้ายในเรื่องนี้ไปไกลมากกว่าด้วยซ้ำ
พระเอก - อีจุน ผมเคยดูเขาใน My Father Is Strange ซึ่งในเรื่องนี้ต้องบอกว่าแคสติ้งมาดีมาก เพราะพระราชาในเรื่องนี้ ต้องดูดิบๆ เทาๆ สักหน่อย ไม่ได้เน้นหล่อใส ซึ่งอีจุนทำได้ดีมากๆ
นางเอก - คังฮันนา ปกติเธอจะเป็นนางรองเป็นหลัก ทั้งใน Start-Up และ My Roommate is a Gumiho พอเรื่องนี้มารับบทเป็นนางเอกเต็มตัว ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
Love Line - ไม่ได้มากมาย หวานฉ่ำแบบ Red Sleeve และจะดูค่อนข้างรันทดอยู่บ้าง แต่ความรักของเรื่องนี้นั้นทรงพลังแบบสุดๆ เอาชนะการเมืองได้ในทุกรูปแบบ
เพลงประกอบ - มีเพราะๆหลายเพลงเลยครับ แต่เพลงที่ผมชอบมาก คือ It's Red ที่ดนตรีทรงพลังสุดๆ ทำนองแนวลั่นกลองรบนั้นเจ๋งและส่งให้เพลงนี้ฟังแล้วเดือดทุกครั้ง
เรื่องนี้มีบทสนทนาที่เท่ห์สุดๆอยู่หลายฉาก โดยเฉพาะการเปรียบเทียบกับการเดินหมากกระดาน (น่าจะเป็นโกะ) ฉาก "รุกฆาต" นั้น เจ๋งสุดๆ แต่พอมาย้อนคิดต่อไป ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "รุกฆาต" ตานั้น ส่งผลย้อนกลับมาอย่างมหาศาล และเป็นหัวใจของเรื่องนี้เลย
บทสรุปที่เจ๋งที่สุดของเรื่องนี้นั้นสอนให้เรารู้ถึงความสำคัญของอำนาจ และเมื่อมีมันแล้วจะใช้อย่างไร อีกทั้งการคานอำนาจนั้นสำคัญมากขนาดไหน ดั่งเช่น "เป็นคมดาบบนศรีษะ และเป็นที่พักใจ" ที่เรื่องนี้ได้กล่าวไว้ในตอนสุดท้าย
นานๆจะมีซีรีส์พีเรียดที่ดูแล้วติด สนุก เข้มข้น ถึงเลือดถึงเนื้อ และให้แง่คิดกับเราได้ขนาดนี้ ดูแล้วแนะนำให้ลองพยายามมองในมุมของแต่ละคน แล้วจะรู้ซึ้งถึงคำว่า "การเมือง" แนะนำให้ดูให้ได้ครับเรื่องนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้