หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
*** พาเที่ยว “อดีต” สถานทูตอเมริกาในอิหร่าน ***
กระทู้สนทนา
ประวัติศาสตร์
เที่ยวต่างประเทศ
รัฐศาสตร์
การเมืองระหว่างประเทศ
เมื่อเอ่ยคำว่าฐานปฏิบัติการลับ… ทุกท่านนึกถึงอะไร? มันควรเป็นสถานที่ซึ่งลอบเร้นอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสังเกต หรือห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยจำนวนมาก ตามที่ปรากฏตามภาพยนตร์สายลับมากมาย?
แน่นอนว่าคำตอบเหล่านี้ล้วนมีส่วนถูกทั้งสิ้น ทว่ามันจะเป็นอย่างไรหากฐานลับที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังตั้งอยู่ภายในอาคารใจกลางเมืองหลวง อย่างสถานทูตอเมริกาใจกลางกรุงเตหะรานอันเป็นสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิหร่าน โดยเมื่อ 40 ปีก่อน ม๊อบนักเรียนอิหร่านได้บุกจับคนในสถานที่นี้เป็นตัวประกัน กลายเป็นจุดแตกหักด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้
เรื่องราวที่ท่านจะได้ชมจากนี้คือเรื่องราวของ “ฐานลับ” ใจกลางกรุงเตหะรานอันเต็มไปด้วยอดีตอันน่าค้นหากันได้เลยครับ
*** เบื้องหลังเหตุการณ์ ***
ปี 1979 อิหร่านเกิด “การปฏิวัติอิสลาม” เปลี่ยนการปกครองจากระบบพระเจ้าชาห์ เป็นรัฐเคร่งศาสนา พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี อดีตกษัตริย์ต้องหลับไปรักษาตัวที่อเมริกา
รุ่งเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน 1979 นักศึกษาหลายร้อยคนได้รวมตัวกันหน้าอาคารสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเตหะราน เพื่อกดดันให้ทางการสหรัฐส่งตัวพระเจ้าชาห์มา
จากนั้นการประท้วงกลับทวีความรุนแรงขึ้น กลุ่มนักศึกษาบุกเข้าไปยังตัวอาคารจนสามารถจับกุมคนในสถานทูตเป็นตัวประกัน 66 ชีวิต
ภาพแนบ: นักศึกษาประกาศชัยชนะหน้าสถานทูตสหรัฐ
สาเหตุของการต่อต้านอเมริกาในอิหร่านนั้นมิได้เพิ่งจะเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าชาห์ แต่เป็นสามารถย้อนกลับไปถึงการที่อเมริกาแอบสนับสนุนการรัฐประหารอิหร่านในปี 1953
โดยพวกเขาโค่นล้มนายกรัฐมนตรี โมฮัมหมัด โมซัดเดกห์ ผู้พยายามยุติการให้สัมปทานน้ำมันกับต่างชาติ ทำให้ชาติตะวันตกเสียประโยชน์ จึงต้องโค่นเขาจากอำนาจ
ภาพแนบ: นายกรัฐมนตรี โมฮัมหมัด โมซัดเดกห์
จากนั้นอเมริกาได้สนับสนุนให้พระเจ้าชาห์มีอำนาจมากขึ้น เพราะพระเจ้าชาห์สวามิภักดิ์ตน และยอมให้ชาติตะวันตกเข้าไปควบคุมกิจการน้ำมันในอิหร่าน…
…เรื่องนี้เป็นบาดแผลลึกที่อยู่ในใจคนอิหร่านเรื่อยมา…
ภาพแนบ: พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี และครอบครัว
หลังการปฏิวัติอิสลาม อิหร่านได้เปลี่ยนตนเองจากบริวารผู้ภักดีต่ออเมริกามาเป็นอภิมหาหนามยอกอกในตะวันออกกลาง
อดีตสถานทูตอเมริกาในอิหร่านจึงเปรียบเสมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นชัยชนะของชาวอิหร่านต่อสหรัฐที่เข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ของตนจึงเป็นพิพิธภัณฑ์ภายใต้การดูแลของรัฐบาล แต่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเพื่อเรียนรู้ถึง “โฉมหน้าแท้จริงของประชาธิปไตยของสหรัฐ” ที่จัดการกับคู่ขัดแย้งของพวกเขา
ภาพแนบ: ด้านหน้าของสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเตหะรานในปัจจุบัน
เมื่อเดินเข้าไปบริเวณทางเข้าสถานทูตจะพบกับธงชาติอเมริกาถูกแขวนกลับหัวในสภาพยับเยิน
เสมือนตัวแทนความคับแค้นใจของชาวอิหร่านต่อสหรัฐ
รูปแนบ: ธงสหรัฐบริเวณหน้าอาคารสถานทูต
ทางเข้าประตูด้านหนึ่งถูกสลักเป็นรูปตีนเหยียบธงชาติสหรัฐเป็นการประกาศชัยชนะของประชาชนเหนือชาติผู้อยู่เบื้องหลังการชักใยรัฐบาลของพระเจ้าชาร์ได้สำเร็จ เรียกว่าเป็นการหยามศักดาแบบโต้งๆ ก็คงไม่ผิดนัก!
รูปแนบ: รูปสลักเท้าเหยียบธงชาติสหรัฐ
ทางเข้าประตูอีกด้านถูกสลักเป็นเรื่องราวของการทำสงครามต่อต้านสหรัฐ ด้านหนึ่งเป็นรูปของทหารแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard) ซึ่งถูกตั้งขึ้นหลังการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 เพื่อปกป้องรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจากศัตรูภายในและมีบทบาทสำคัญต่อการทำสงครามนอกประเทศอีกด้วย
รูปแนบ: รูปสลักทหารกองกำลังปฏิวัติอิหร่าน
เมื่อเดินเข้าไปบริเวณลอบบี้ท่านจะพบกับพื้นที่จัดแสดงทั้งหนังสือพิมพ์จำนวนมาก, เอกสารต่างๆ รวมทั้งงานศิลปะที่น่าสนใจโดยเฉพาะรูปชัยชนะของกองทัพอิหร่านจากเหตุการณ์จับกุมเรือสังกัดกองเรือลาดตระเวณแม่น้ำของสหรัฐจำนวน 2 ลำ พร้อมกับลูกเรืออีก 10 นาย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2016
ภาพแนบ: รูปเหตุการณ์วันที่ 12 มกราคม 2016
กลายเป็นความอับอายครั้งใหญ่ของอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่เข้มแข็งเป็นอันดับหนึ่งของโลก แม้ว่าทางการอิหร่านจะทำการปล่อยเชลยทั้งหมดในเวลาต่อมาก็ตาม
ภาพแนบ: นายทหารอิหร่าน (ซ้าย) เข้าเยี่ยมเชลยสหรัฐ (ขวา)
จากนั้นท่านจะพบกับไฮไลท์แรกของสถานที่แห่งนี้คือ “ห้องประชุมลับสุด” ซึ่งถูกสร้างไว้สำหรับการประชุมระดับลับสุดยอดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้วยวัสดุอาทิกระจกและฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อดูดเสียงของกระประชุมเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลใดๆสามารถเล็ดรอดออกจากห้องดังกล่าว
น่าเสียดายว่า… วัสดุชั้นดีเหล่านี้ไม่สามารถช่วยให้มันหลบเร้นจากกลุ่มนักศึกษาได้ เพราะมันกลายเป็นห้องแรกๆ ซึ่งถูกค้นพบโดยกลุ่มนักศึกษาที่บุกเข้าไปถึง!
ห้องประชุมลับ (ที่ตั้งในที่ไม่ลับ) ในสถานทูต
นอกจากห้องประชุมลับแล้ว ทางอิหร่านยังคงรักษาสภาพห้องทำงานของเอกอัคราชทูตสหรัฐไว้ในสภาพเดิมตั้งแต่ปี 1979 โดยมีการเพิ่มกิมมิคการจิกกัดเล็กๆคือ ธงไอซิสที่ตั้งคู่กับธงสหรัฐ เสมือนการสื่อเป็นนัยว่า “สหรัฐนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มไอซิส” จึงเป็นหน้าที่ของอิหร่านที่จะต้องเข้าแทรกแซงประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางอาทิ อิรัก, เยเมน และซีเรีย เพื่อขจัดอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว แม้จะต้องถูกโดดเดี่ยวจากมาตรการคว่ำบาตารของตะวันตก
ตรงกันข้ามกับชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ที่ผู้นำยอมส… See more
เมื่อออกมาด้านหน้าห้องทำงานของท่านทูตจะพบกับโต๊ะเล็กๆของเลขาที่ไกด์ชาวอิหร่านเล่าว่าเป็นชาวแอฟริกันอเมริกันซึ่งถูกหน่วยงานใช้งานเยี่ยงทาส!
ดังนั้นการบุกสถานทูตในครั้งนั้นจึงมิใช่เป็นเพียงการขับไล่ศัตรู แต่ยังช่วยปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ในระบบการทำงานอันไม่เป็นธรรมอีกด้วย (ชวนเชื่อสุดๆ)
รูปแนบ: โต๊ะทำงานเจ้าหน้าที่สถานทูต
เมื่อชมน้ำจิ้มกันไปแบบหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะไปชมไคลแม็กซ์ที่แท้จริงของสถานทูตแห่งนี้! ตามที่ผมเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าความโหดของสถานทูตแห่งนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงอาคารสำนักงาน แต่ยังทำหน้าเสมือนฐานทัพลับของหน่วยข่าวกรองอย่างซีไอเอที่จับตาดูความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอิหร่านอย่างเงียบๆ
พื้นที่เหล่านี้ถือเป็นชั้นความลับที่มีเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนสามารถเข้าถึงได้ แม้แต่เอกอัครราชทูต ผู้ควรจะมีอำนาจสูงสุดในสถานทูตก็ยังไม่สามารถเข้าได้หากไม่ได้รับอนุญาต!
หากท่านเคยเห็นฐานลับของหน่วยจารชนตามภาพยนตร์น่าจะนึกถึงอุปกรณ์ไฮเทคจำนวนมากทั้งเครื่องดักฟัง, เครื่องรับส่งข้อมูล, คอมพิวเตอร์ล้ำสมัย ฯลฯ แน่นอนว่าในห้องทำงานภายในนั้นมีอุปกรณ์เหล่านี้แทบทั้งสิ้น แม้ว่าอายุของเครื่องมือเหล่านี้จะล่วงเลยมามากกว่า 40 ปี ทว่าในช่วงเวลาที่มันยังใช้งานฐานลับแห่งนี้คงจะทันสมัยเป็นอย่างมาก
ภาพแนบ: ทางเข้าประตู
บริเวณทางเข้าท่านจะพบกับประตูเหล็กความหนาเป็นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างจากโลหะผสมที่มีคุณสมบัติในการกันเสียง, ความร้อน รวมทั้งคลื่นรบกวนต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงาน โดยตัวประตูนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ “ด้านเหนือและใต้ของตึก”ซึ่งมีการทำงานแยกจากกัน
ภาพแนบ: คำอธิบายตัวประตู
ผมทำการซูมแบบสั้นๆ เพื่อยืนยันว่ามันลับจริงๆ ครับ!
อุปกรณ์แรกที่เราจะได้เห็นคือเครื่องดักคลื่นสัญญาณทั้งความถี่ FM, AM รวมถึงวิทยุทางการทหาร เรียกได้ว่าเป็นการดักฟังการติดต่อสื่อสารจากใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์ดังกล่าวตั้งอยู่ภายในห้องที่ได้รับการป้องกันจากคลื่นต่างๆอย่างแน่นหนา
อิหร่านจึงเชื่อมั่นอย่างสนิทใจว่าสหรัฐนั้นพยายามแทรกแซงและชักใยอยู่เบื้องหลังรัฐบาลของพระเจ้าชาห์ อย่างแน่นอน !
ภาพแนบ: เครื่องดักฟังสัญญาณ
นอกจากเครื่องดักฟังสัญญาณแล้ว บริเวณใกล้กันยังมีเครื่องที่เรียกว่าเป็นคุณปู่ของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งใช้สำหรับการถอดรหัสเพื่อจารกรรมข้อมูลต่างๆ ซึ่งสำคัญต่อการดำเนินยุทธศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จึงถือได้ว่าฐานลับแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของอุปกรณ์สาย ลับไฮเทค ณ ช่วงเวลานั้นก็ว่าได้
ภาพแนบ: ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
เครื่องมืออีกชิ้นที่สำคัญต่อการติดต่อสื่อสารโดยตรงกับวอชิงตันคือ เครื่องโทรพิมพ์ KSR28 ซึ่งใช้เพื่อรับและส่งข้อความต่างๆ ในรูปแบบรหัสมอสคล้ายกับโทรเลข แต่ตัวแป้นพิมพ์จะเป็นตัวอักษรปกติคล้ายกับพิมพ์ดีด โดยกลไกภายในจะมีเดือยเหล็กขนาดเล็กซึ่งจะสัมผัสกับแผ่นเหล็กเบื้องล่างเพื่อส่งกระแสไฟดังกล่าวเข้าในสายโทรเลข
เมื่อกระแสไฟที่ถูกส่งออกไปยังปลายสายจะเข้าสู่เครื่องโทรพิมพ์ ปลายทางซึ่งจะแสดงผลออกมาเป็นตัวอักษรตามที่ต้นทางได้ส่งออกมา
ในยุคหนึ่งการใช้เครื่องโทรพิมพ์ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน แทนการส่งโทรเลขด้วยการเคาะรหัสมอสที่ต้องอาศัยผู้ชำนาญในการเขียนและแปลรหัสดังกล่าวเป็นตัวอักษร
ระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้นำอุปกรณ์ภายในบางส่วนออกมา ก่อนทำลายมันด้วยฆ้อนและเลื่อย เพื่อให้เครื่องมือไม่สามารถใช้การได้
ภาพแนบ: ตัวอย่างการทำงานของเครื่องโทรพิมพ์
นอกจากอุปกรณ์การดักฟังและถอดรหัสอันทันสมัย ฐานลับแห่งนี้ยังมีเครื่องสร้างเอกสารยืนยันตัวตนปลอมทั้ง หนังสือเดินทาง, บัตรประชน รวมทั้งใบขับขี่แสดงจุดประสงค์ในการจารกรรมสุดๆ!
ภาพแนบ: เครื่องมือปลอมแปลงเอกสาร (ตามคำกล่าวอ้างของอิหร่าน)
นอกเหนือจากเครื่องมือดักฟังและติดต่อสื่อสารที่ใช้สำหรับภายนอกแล้ว ตัวอาคารยังมีการติดตั้งเครื่องส่งเอกสารภายในที่จะลำเลียงเอกสารสำคัญต่างๆผ่านท่อไปยังจุดหมาย
เนื่องจากอาคารแห่งนี้มีการแบ่งโซนการทำงานเป็นฝั่งเหนือและใต้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานเฉพาะส่วนงานของตนเองแต่ไม่สามารถก้าวล่วงส่วนงานอื่นๆ หรือรับรู้การทำงานแบบครบวงจรเพื่อรักษาความลับอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภาพแนบ: เครื่องลำเลียงเอกสาร
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ทำไมอเมริกาไม่เคยส่งทหารบุกอิหร่านครับ
เท่าที่ทราบมา ไม่เคยได้ยินข่าวอเมริกาส่งทหารไปบุกแผ่นดินอิหร่านเหมือนกับที่บุกอิรัก อัฟกันเลย มีแต่คว่ำบาตรทางการค้าเท่านั้น มันมีเหตุปัจจัยอะไรที่อเมริกายังไม่กล้าบุกครับ ทั้งที่อิหร่านเองหลังจากมีก
สมาชิกหมายเลข 1174694
อยากทราบเรื่อง สถานทูตอเมริกาขนาดใหญ่อลังการที่เชียงใหม่ มันเป็นยังไงกันแน่เหรอคะเรื่องราว
ในฐานะคนไทยตัวเล็กๆคนหนึ่ง อยากทราบว่ามันเป็นยังไงเหรอคะ จะมีผลเสียผลดีในอนาคตต่อไทยเราหรือไม่ประการใด คลิบข่าวที่ลง เป็นข่าวเก่าของเมื่อต้นปีก่อน แต่ดิฉันเห็นว่ามันน่าสนใจทีเดียวค่ะ +++++++++++++++
สมาชิกหมายเลข 7337754
Homeland ss6 ดูจบแล้วมีคำถาม
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ปาะทับใจมากๆ สนุกทุกซีซั่นเลย ตอนแรกนึกว่าหลังจบss3แล้วจะดรอปลง แต่เปล่าเลย สนุกสุดๆ จากss4,5,6 ทำให้เห็นว่าน่ากลัวกว่าผู้ก่อการร้ายก็คืออเมริกาที่สมรู้ร่วมคิดไปไหนทาวไม่ดี พวกหนอนบ
สมาชิกหมายเลข 5302681
<รีวิวหนัง> Argo (2012) Ben Affleck | หนังรางวัลออสการ์
ภาพยนตร์: Argo กำกับ: Ben Affleck นักแสดงนำ: Ben Affleck, Bryan Cranston, John Goodman, Alan Arkin Argo นำเหตุการณ์จริงในประเทศอิหร่านเมื่อปี 1979 มาแต่งเติมเรื่องราวให้กลายเป็นหนังตื่นเต้นระทึกใจ โด
Gorjai Writer
อิหร่านทวีตกลับ โต้ขู่ล๊อค 52 เป้า อย่าลืมเลข 290 อย่ามาข่มขู่อิหร่าน!!
Hassan ทวีตกลับมั่ง ล๊อค 52 เป้า อย่าลืม ระลึกถึงตัวเลข 290 อย่ามาคุกคามกัน อิหร่านเริ่มโต้กลับแล้ว เลยออกมาทวีตมั่ง “คนที่อ้างถึงหมายเลข 52 ควรระลึกถึงหมายเลข 290 ด้วย #IR655 อย่าได้ข่มขู่ประเ
cho presley
*** "อิหร่าน" มหาอาณาจักรเปอร์เซียในวันเปลี่ยนผ่าน ***
การปฏิวัติอิสลามที่เกิดขึ้นในอิหร่านปี 1979 เป็นการปฏิวัติที่แปลก และสวนทางกับการปฏิวัติอื่นๆ ในโลก โดยเปลี่ยนจากรัฐบาลหัวเสรีโปรตะวันตก ไปเป็นระบบรัฐศาสนาที่ค่อนข้างสุดโต่ง&
เชษฐา
อิหร่านเผยโฉม "กาเฮอร์ เอฟ 313" เครื่องบินรบ"ผลิตในประเทศ"รุ่นล่าสุด
จากมติชนออนไลน์ อิหร่านเผยโฉมเครื่องบินรบที่ผลิตภายในประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งทางการอ้างว่าสามารถหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยเรดาร์ได้ เครื่องบินรบแบบที่นั่งเดียว กาเฮอร์ เอฟ 313 นับเป็นเครื่องบินรบรุ่
Anemone2526
5 ประเทศที่ถูกแบนโดยสหรัฐอเมริกา
5 ประเทศที่ถูกแบนโดยสหรัฐอเมริกา คิวบา: ถูกแบนตั้งแต่ปี 1962 สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทางอุดมการณ์ คิวบาปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ อิหร่าน: ถูกแบนตั้งแต่ปี 1979 ส
แทคเองครับ
*** 10 เรื่องแปลกของ ซัดดัม ฮุสเซน ***
เมื่อพูดถึงซัดดัม ฮุสเซน แทบทุกคนก็จะนึกถึงประธานาธิบดีจอมโฉดแห่งอิรัก ก่อสงครามหลายครั้ง ทำคนตายไปนับหมื่นนับแสน แต่รู้ไหมว่า นอกจากสิ่งที่เราเห็นส่วนใหญ่ตามหน้าข่าวดังๆ&nbs
เชษฐา
ฝูงบินต้องสงสัยว่าเป็นของอิสราเอล ทิ้งระเบิดถล่มสถานทูตอิหร่านในซีเรีย เมื่อวันจันทร์(1เม.ย.)
ฝูงบินต้องสงสัยว่าเป็นของอิสราเอล ทิ้งระเบิดถล่มสถานทูตอิหร่านในซีเรีย เมื่อวันจันทร์(1เม.ย.) นับเป็นสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในสงครามหนึ่งๆ ที่นำพาอิสราเอลเผชิญหน้ากับบรรดาอริศัตร
เกรียนระดับ 7 ว
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์
เที่ยวต่างประเทศ
รัฐศาสตร์
การเมืองระหว่างประเทศ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
*** พาเที่ยว “อดีต” สถานทูตอเมริกาในอิหร่าน ***
แน่นอนว่าคำตอบเหล่านี้ล้วนมีส่วนถูกทั้งสิ้น ทว่ามันจะเป็นอย่างไรหากฐานลับที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังตั้งอยู่ภายในอาคารใจกลางเมืองหลวง อย่างสถานทูตอเมริกาใจกลางกรุงเตหะรานอันเป็นสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิหร่าน โดยเมื่อ 40 ปีก่อน ม๊อบนักเรียนอิหร่านได้บุกจับคนในสถานที่นี้เป็นตัวประกัน กลายเป็นจุดแตกหักด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้
เรื่องราวที่ท่านจะได้ชมจากนี้คือเรื่องราวของ “ฐานลับ” ใจกลางกรุงเตหะรานอันเต็มไปด้วยอดีตอันน่าค้นหากันได้เลยครับ
*** เบื้องหลังเหตุการณ์ ***
ปี 1979 อิหร่านเกิด “การปฏิวัติอิสลาม” เปลี่ยนการปกครองจากระบบพระเจ้าชาห์ เป็นรัฐเคร่งศาสนา พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี อดีตกษัตริย์ต้องหลับไปรักษาตัวที่อเมริกา
รุ่งเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน 1979 นักศึกษาหลายร้อยคนได้รวมตัวกันหน้าอาคารสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเตหะราน เพื่อกดดันให้ทางการสหรัฐส่งตัวพระเจ้าชาห์มา
จากนั้นการประท้วงกลับทวีความรุนแรงขึ้น กลุ่มนักศึกษาบุกเข้าไปยังตัวอาคารจนสามารถจับกุมคนในสถานทูตเป็นตัวประกัน 66 ชีวิต
ภาพแนบ: นักศึกษาประกาศชัยชนะหน้าสถานทูตสหรัฐ
สาเหตุของการต่อต้านอเมริกาในอิหร่านนั้นมิได้เพิ่งจะเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าชาห์ แต่เป็นสามารถย้อนกลับไปถึงการที่อเมริกาแอบสนับสนุนการรัฐประหารอิหร่านในปี 1953
โดยพวกเขาโค่นล้มนายกรัฐมนตรี โมฮัมหมัด โมซัดเดกห์ ผู้พยายามยุติการให้สัมปทานน้ำมันกับต่างชาติ ทำให้ชาติตะวันตกเสียประโยชน์ จึงต้องโค่นเขาจากอำนาจ
ภาพแนบ: นายกรัฐมนตรี โมฮัมหมัด โมซัดเดกห์
จากนั้นอเมริกาได้สนับสนุนให้พระเจ้าชาห์มีอำนาจมากขึ้น เพราะพระเจ้าชาห์สวามิภักดิ์ตน และยอมให้ชาติตะวันตกเข้าไปควบคุมกิจการน้ำมันในอิหร่าน…
…เรื่องนี้เป็นบาดแผลลึกที่อยู่ในใจคนอิหร่านเรื่อยมา…
ภาพแนบ: พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี และครอบครัว
หลังการปฏิวัติอิสลาม อิหร่านได้เปลี่ยนตนเองจากบริวารผู้ภักดีต่ออเมริกามาเป็นอภิมหาหนามยอกอกในตะวันออกกลาง
อดีตสถานทูตอเมริกาในอิหร่านจึงเปรียบเสมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นชัยชนะของชาวอิหร่านต่อสหรัฐที่เข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ของตนจึงเป็นพิพิธภัณฑ์ภายใต้การดูแลของรัฐบาล แต่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเพื่อเรียนรู้ถึง “โฉมหน้าแท้จริงของประชาธิปไตยของสหรัฐ” ที่จัดการกับคู่ขัดแย้งของพวกเขา
ภาพแนบ: ด้านหน้าของสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเตหะรานในปัจจุบัน
เมื่อเดินเข้าไปบริเวณทางเข้าสถานทูตจะพบกับธงชาติอเมริกาถูกแขวนกลับหัวในสภาพยับเยิน
เสมือนตัวแทนความคับแค้นใจของชาวอิหร่านต่อสหรัฐ
รูปแนบ: ธงสหรัฐบริเวณหน้าอาคารสถานทูต
ทางเข้าประตูด้านหนึ่งถูกสลักเป็นรูปตีนเหยียบธงชาติสหรัฐเป็นการประกาศชัยชนะของประชาชนเหนือชาติผู้อยู่เบื้องหลังการชักใยรัฐบาลของพระเจ้าชาร์ได้สำเร็จ เรียกว่าเป็นการหยามศักดาแบบโต้งๆ ก็คงไม่ผิดนัก!
รูปแนบ: รูปสลักเท้าเหยียบธงชาติสหรัฐ
ทางเข้าประตูอีกด้านถูกสลักเป็นเรื่องราวของการทำสงครามต่อต้านสหรัฐ ด้านหนึ่งเป็นรูปของทหารแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard) ซึ่งถูกตั้งขึ้นหลังการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 เพื่อปกป้องรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจากศัตรูภายในและมีบทบาทสำคัญต่อการทำสงครามนอกประเทศอีกด้วย
รูปแนบ: รูปสลักทหารกองกำลังปฏิวัติอิหร่าน
เมื่อเดินเข้าไปบริเวณลอบบี้ท่านจะพบกับพื้นที่จัดแสดงทั้งหนังสือพิมพ์จำนวนมาก, เอกสารต่างๆ รวมทั้งงานศิลปะที่น่าสนใจโดยเฉพาะรูปชัยชนะของกองทัพอิหร่านจากเหตุการณ์จับกุมเรือสังกัดกองเรือลาดตระเวณแม่น้ำของสหรัฐจำนวน 2 ลำ พร้อมกับลูกเรืออีก 10 นาย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2016
ภาพแนบ: รูปเหตุการณ์วันที่ 12 มกราคม 2016
กลายเป็นความอับอายครั้งใหญ่ของอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่เข้มแข็งเป็นอันดับหนึ่งของโลก แม้ว่าทางการอิหร่านจะทำการปล่อยเชลยทั้งหมดในเวลาต่อมาก็ตาม
ภาพแนบ: นายทหารอิหร่าน (ซ้าย) เข้าเยี่ยมเชลยสหรัฐ (ขวา)
จากนั้นท่านจะพบกับไฮไลท์แรกของสถานที่แห่งนี้คือ “ห้องประชุมลับสุด” ซึ่งถูกสร้างไว้สำหรับการประชุมระดับลับสุดยอดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้วยวัสดุอาทิกระจกและฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อดูดเสียงของกระประชุมเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลใดๆสามารถเล็ดรอดออกจากห้องดังกล่าว
น่าเสียดายว่า… วัสดุชั้นดีเหล่านี้ไม่สามารถช่วยให้มันหลบเร้นจากกลุ่มนักศึกษาได้ เพราะมันกลายเป็นห้องแรกๆ ซึ่งถูกค้นพบโดยกลุ่มนักศึกษาที่บุกเข้าไปถึง!
ห้องประชุมลับ (ที่ตั้งในที่ไม่ลับ) ในสถานทูต
นอกจากห้องประชุมลับแล้ว ทางอิหร่านยังคงรักษาสภาพห้องทำงานของเอกอัคราชทูตสหรัฐไว้ในสภาพเดิมตั้งแต่ปี 1979 โดยมีการเพิ่มกิมมิคการจิกกัดเล็กๆคือ ธงไอซิสที่ตั้งคู่กับธงสหรัฐ เสมือนการสื่อเป็นนัยว่า “สหรัฐนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มไอซิส” จึงเป็นหน้าที่ของอิหร่านที่จะต้องเข้าแทรกแซงประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางอาทิ อิรัก, เยเมน และซีเรีย เพื่อขจัดอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว แม้จะต้องถูกโดดเดี่ยวจากมาตรการคว่ำบาตารของตะวันตก
ตรงกันข้ามกับชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ที่ผู้นำยอมส… See more
เมื่อออกมาด้านหน้าห้องทำงานของท่านทูตจะพบกับโต๊ะเล็กๆของเลขาที่ไกด์ชาวอิหร่านเล่าว่าเป็นชาวแอฟริกันอเมริกันซึ่งถูกหน่วยงานใช้งานเยี่ยงทาส!
ดังนั้นการบุกสถานทูตในครั้งนั้นจึงมิใช่เป็นเพียงการขับไล่ศัตรู แต่ยังช่วยปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ในระบบการทำงานอันไม่เป็นธรรมอีกด้วย (ชวนเชื่อสุดๆ)
รูปแนบ: โต๊ะทำงานเจ้าหน้าที่สถานทูต
เมื่อชมน้ำจิ้มกันไปแบบหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะไปชมไคลแม็กซ์ที่แท้จริงของสถานทูตแห่งนี้! ตามที่ผมเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าความโหดของสถานทูตแห่งนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงอาคารสำนักงาน แต่ยังทำหน้าเสมือนฐานทัพลับของหน่วยข่าวกรองอย่างซีไอเอที่จับตาดูความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอิหร่านอย่างเงียบๆ
พื้นที่เหล่านี้ถือเป็นชั้นความลับที่มีเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนสามารถเข้าถึงได้ แม้แต่เอกอัครราชทูต ผู้ควรจะมีอำนาจสูงสุดในสถานทูตก็ยังไม่สามารถเข้าได้หากไม่ได้รับอนุญาต!
หากท่านเคยเห็นฐานลับของหน่วยจารชนตามภาพยนตร์น่าจะนึกถึงอุปกรณ์ไฮเทคจำนวนมากทั้งเครื่องดักฟัง, เครื่องรับส่งข้อมูล, คอมพิวเตอร์ล้ำสมัย ฯลฯ แน่นอนว่าในห้องทำงานภายในนั้นมีอุปกรณ์เหล่านี้แทบทั้งสิ้น แม้ว่าอายุของเครื่องมือเหล่านี้จะล่วงเลยมามากกว่า 40 ปี ทว่าในช่วงเวลาที่มันยังใช้งานฐานลับแห่งนี้คงจะทันสมัยเป็นอย่างมาก
ภาพแนบ: ทางเข้าประตู
บริเวณทางเข้าท่านจะพบกับประตูเหล็กความหนาเป็นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างจากโลหะผสมที่มีคุณสมบัติในการกันเสียง, ความร้อน รวมทั้งคลื่นรบกวนต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงาน โดยตัวประตูนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ “ด้านเหนือและใต้ของตึก”ซึ่งมีการทำงานแยกจากกัน
ภาพแนบ: คำอธิบายตัวประตู
ผมทำการซูมแบบสั้นๆ เพื่อยืนยันว่ามันลับจริงๆ ครับ!
อุปกรณ์แรกที่เราจะได้เห็นคือเครื่องดักคลื่นสัญญาณทั้งความถี่ FM, AM รวมถึงวิทยุทางการทหาร เรียกได้ว่าเป็นการดักฟังการติดต่อสื่อสารจากใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์ดังกล่าวตั้งอยู่ภายในห้องที่ได้รับการป้องกันจากคลื่นต่างๆอย่างแน่นหนา
อิหร่านจึงเชื่อมั่นอย่างสนิทใจว่าสหรัฐนั้นพยายามแทรกแซงและชักใยอยู่เบื้องหลังรัฐบาลของพระเจ้าชาห์ อย่างแน่นอน !
ภาพแนบ: เครื่องดักฟังสัญญาณ
นอกจากเครื่องดักฟังสัญญาณแล้ว บริเวณใกล้กันยังมีเครื่องที่เรียกว่าเป็นคุณปู่ของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งใช้สำหรับการถอดรหัสเพื่อจารกรรมข้อมูลต่างๆ ซึ่งสำคัญต่อการดำเนินยุทธศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จึงถือได้ว่าฐานลับแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของอุปกรณ์สาย ลับไฮเทค ณ ช่วงเวลานั้นก็ว่าได้
ภาพแนบ: ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
เครื่องมืออีกชิ้นที่สำคัญต่อการติดต่อสื่อสารโดยตรงกับวอชิงตันคือ เครื่องโทรพิมพ์ KSR28 ซึ่งใช้เพื่อรับและส่งข้อความต่างๆ ในรูปแบบรหัสมอสคล้ายกับโทรเลข แต่ตัวแป้นพิมพ์จะเป็นตัวอักษรปกติคล้ายกับพิมพ์ดีด โดยกลไกภายในจะมีเดือยเหล็กขนาดเล็กซึ่งจะสัมผัสกับแผ่นเหล็กเบื้องล่างเพื่อส่งกระแสไฟดังกล่าวเข้าในสายโทรเลข
เมื่อกระแสไฟที่ถูกส่งออกไปยังปลายสายจะเข้าสู่เครื่องโทรพิมพ์ ปลายทางซึ่งจะแสดงผลออกมาเป็นตัวอักษรตามที่ต้นทางได้ส่งออกมา
ในยุคหนึ่งการใช้เครื่องโทรพิมพ์ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน แทนการส่งโทรเลขด้วยการเคาะรหัสมอสที่ต้องอาศัยผู้ชำนาญในการเขียนและแปลรหัสดังกล่าวเป็นตัวอักษร
ระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้นำอุปกรณ์ภายในบางส่วนออกมา ก่อนทำลายมันด้วยฆ้อนและเลื่อย เพื่อให้เครื่องมือไม่สามารถใช้การได้
ภาพแนบ: ตัวอย่างการทำงานของเครื่องโทรพิมพ์
นอกจากอุปกรณ์การดักฟังและถอดรหัสอันทันสมัย ฐานลับแห่งนี้ยังมีเครื่องสร้างเอกสารยืนยันตัวตนปลอมทั้ง หนังสือเดินทาง, บัตรประชน รวมทั้งใบขับขี่แสดงจุดประสงค์ในการจารกรรมสุดๆ!
ภาพแนบ: เครื่องมือปลอมแปลงเอกสาร (ตามคำกล่าวอ้างของอิหร่าน)
นอกเหนือจากเครื่องมือดักฟังและติดต่อสื่อสารที่ใช้สำหรับภายนอกแล้ว ตัวอาคารยังมีการติดตั้งเครื่องส่งเอกสารภายในที่จะลำเลียงเอกสารสำคัญต่างๆผ่านท่อไปยังจุดหมาย
เนื่องจากอาคารแห่งนี้มีการแบ่งโซนการทำงานเป็นฝั่งเหนือและใต้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานเฉพาะส่วนงานของตนเองแต่ไม่สามารถก้าวล่วงส่วนงานอื่นๆ หรือรับรู้การทำงานแบบครบวงจรเพื่อรักษาความลับอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภาพแนบ: เครื่องลำเลียงเอกสาร