สวัสดีครับ กระทู้นี้จะมารีวิวหลังจากใช้บริการแอปฯเช่ารถระยะยาวตัวนึงเป็นเวลา 1 เดือนจากแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “ekar” เป็นแอปฯที่เพิ่งมาเปิดให้บริการในไทย และดังมากในแถบตะวันออกกลาง อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอาระเบีย) โดยบริการในไทยตอนนี้จะเป็นในรูปแบบเช่ารถระยะยาวหรือ car subscription พูดง่ายๆ ก็คือเป็น Netflix หรือ Disney+ ที่เราสมัครสมาชิกไว้แล้วจ่ายรายเดือนทุกเดือนๆ แต่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นรถยนต์นั่นเองครับ เหมาะสำหรับคนที่อยากใช้รถแต่ไม่อยากมีภาระผูกพันนาน หรือคนที่ต้องการใช้รถแค่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ekar จะตอบโจทย์
ขั้นตอนการสมัครสมาชิกกับทาง ekar ก็ไม่ยุ่งยากเลย เริ่มจากโหลดแอปฯ ekar มาก่อน แล้วเลือกยี่ห้อรถ ขนาด ฟีเจอร์รถ และประเภทของรถที่ต้องการ (Sedan, Hatchback, VanSUV, Pickup truck) ในงบประมาณที่กำหนดได้ โดยระบบจะโชว์รถที่มีให้บริการ พร้อมบอกช่วงราคาต่อเดือน (ระยะเวลาเริ่มต้น 1เดือน จนถึง 12 เดือน แต่ถ้าหากเราใช้รถจนครบกำหนดจองแล้วอยากใช้ต่อก็สามารถขยายต่อได้เลย)
โดยราคาที่โชว์ในแอปฯ จะเป็นราคาค่าสมาชิกรายเดือน ซึ่งรวมบริการรับส่งรถและคืนรถ, รถทดแทนกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน(Roadside assistance) 24ชั่วโมง, ค่าบำรุงรักษา, ประกันภัย และภาษีประจำปี ไว้หมดในราคาเดียวแล้ว ทำให้เราสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนได้แม่นยำ ไม่มีค่าใช้จ่ายจุกจิกเพิ่มเติม
หลังจากเลือกรุ่นรถเสร็จแล้ว ก็กดล็อคอิน หรือสมัครสมาชิกได้เลย ส่วนเอกสารที่ใช้ส่งเพื่อยืนยันตัวตนกับทางแอปฯ ใช้แค่ 2 อย่างเท่านั้นครับ คือ 1.ใบขับขี่รถยนต์ 2.บัตรประชาชน/passport (กรณีชาวต่างชาติ) โดยจะต้องส่งอีเมลไปยัง help@ekar.co.th หลังจากใส่รายละเอียดครบถ้วน
ส่วนเรื่องการจ่ายเงินทางแอปฯ ก็รองรับการชำระผ่านบัตรเครติด และบัตรเดบิต เราจะถูกตัดเงินจริงๆ ตอนรับรถเสร็จแล้วเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ทำการจองวัน เวลาที่ต้องการรับรถผ่านทางแอปฯ ได้เลย โดยทาง ekar จะโทรมายืนยันนัดและสถานที่ต้องการรับรถ เห็นว่าถ้าต้องการไปรับรถเองที่สาขาก็ทำได้ครับ และยังสามารถต่ออายุการใช้งานได้ทุกเดือน หรือจะเลิกใช้-เปลี่ยนรถเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีเงื่อนไขผูกมัดเรา อันนี้เจ๋งจริงครับ
คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เรารอคอย นั่นก็คือ การรับรถครับผม ทาง ekar ส่งรถมาให้ตามที่จองไว้เลย ในขั้นตอนนี้เราจะต้องถ่ายรูปรถที่เรารับเข้าไปในแอปฯ โดยจะมีการถ่ายรูปสภาพรถทุกด้านเพื่อยืนยันสภาพรถ เผื่อไว้ในกรณีมีปัญหาหรืออุบัติเหตุนั่นเองครับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งรถ จะขอตรวจเอกสารยืนยันตัวตน 2 อย่าง ก็คือ ใบขับขี่รถยนต์และบัตรประชาชนว่าตรงกับที่จองมามั้ย หลังจากนั้นก็รับกุญแจรถไปขับได้เลยครับ
เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจรถก่อนทำการส่งมอบให้ เช่นรอยต่างๆ ก่อนรับรถ ในส่วนตัวรถที่ได้ค่อนข้างใหม่และสะอาด
ซึ่งหลังจากที่ผมใช้บริการมาตลอด 1 เดือนนี้ ยังไม่เจอปัญหาอะไรที่น่าหนักใจ หรือต้องเปลี่ยนรถนะครับ ก็รู้สึกประทับใจในบริการของเขา คราวหน้าหากมีโอกาสจะลองสลับรถอีกรุ่นดูแล้วจะมารีวิวให้อ่านกันอีกครั้งนะครับ
ก่อนจะจบกระทู้ ผมได้ลองทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างสมัครสมาชิก vs ซื้อรถใหม่ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ผมจะไม่พูดว่าการสมัครสมาชิกมันดีกว่าการซื้อรถเอง เพราะมันมีดีมีเสียแตกต่างกันครับ ข้อดีของการสมัครสมาชิกรถกับ ekar เท่าที่ผมได้ลองสัมผัสมา ก็คือหากเกิดอุบัติเหตุหรือรถมีปัญหาก็เคลมได้ มีรถทดแทนให้ใช้ และมีประกันชั้น 1 มาให้ หรือหากเบื่อรถรุ่นนี้แล้ว ก็สามารถส่งเรื่องเปลี่ยน/สลับคันได้เลย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่จำเป็นต้องผูกมัดเรากับการเป็นหนี้ระยะยาวเหมือนการออกรถ แถมไม่ต้องเสียเงินมัดจำเหมือนการเช่ารถแบบทั่วไป ซึ่งปกติเช่ารถรายเดือนหรือระยะยาวแบบนี้ต้องเสียเงินมัดจำเยอะมาก
ผมลองทำเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรุ่นรถที่ผมเช่ามา เทียบกับซื้อรถใหม่ให้ดูประกอบการตัดสินใจกันนะครับราคาค่างวดกรณีซื้อรถคันใหม่ Toyota Vios กับทางศูนย์ ราคารถ 699,000.- วางเงินดาวน์ 10% ซึ่งต้องผ่อนทั้งหมด 48 งวด จะตกอยู่เดือนละ 15,000 บาทต่อเดือน (อ้างอิงจาก
https://www.toyotathonburi.com/calculation) โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คนซื้อรถต้องมีนะครับ
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ ekar รุ่นเดียวกัน จะตกเดือนละ 19,000 บาท และหากยิ่งใช้ยาวก็จะตกเพียงเดือนละ 17,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเน็ตต่อเดือน โดยรวมค่าใช้จ่ายจุกจิกทุกอย่างแล้ว
สรุป เช่าหรือซื้อรถอันไหนคุ้มกว่ากันนั้น คงขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน หากมีความจำเป็นต้องการใช้รถในระยะเวลาสั้นๆ หลักเดือน หรือต้องการทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอน ekar ก็จะตอบโจทย์ เพราะไม่ต้องปวดหัวกับค่าใช้จ่ายเวลาเอารถเข้าอู่ และไม่ต้องใช้เงินดาวน์ ไม่ต้องเป็นหนี้ระยะยาว แล้วก็ใครที่ไม่พร้อมเรื่องเงินสด ekar ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย
แต่ถ้าหากบ้านไหนใช้รถในระยะยาวแบบหลักสิบปีขึ้นจริงๆ อันนั้นก็อาจจะยังมีโอกาาสได้เงินคืนจากการขายรถต่อในอนาคต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ารถรุ่นนั้นในอนาคตจะราคาขายต่อตกหรือไม่ เพราะถ้าหากมองในมุมนี้ก็อาจจะคุ้มค่ากว่าอยู่ที่การใช้งานของแต่ล่ะบ้านและบุคคลจริงๆ
สุดท้ายผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนว่าจะซื้อรถใหม่หรือสนใจบริการสมัครสมาชิกรถแบบนี้อยู่ ถ้าหากยังไม่มั่นใจก็สามารถลองโหลดแอปฯ ekar มาลองเปรียบเทียบก่อนได้
สำหรับกระทู้นี้ก็ของจบการรีวิวการใช้งานแอปฯ ekar แต่เพียงเท่านี้ ใครที่มีคำถามอะไรก็สามารถคอมเมนต์พูดคุยในกระทู้นี้ได้มาแชร์ความเห็นกัน ผมจะพยายามตอบทุกคำถามหรือจะ DM มาถามหลังไมค์ก็ได้นะครับ ขอบคุณครับ
[CR] รีวิวหลังเช่ารถในแอปฯ ekar บริการ car subscription รูปแบบรายเดือน
โดยราคาที่โชว์ในแอปฯ จะเป็นราคาค่าสมาชิกรายเดือน ซึ่งรวมบริการรับส่งรถและคืนรถ, รถทดแทนกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน(Roadside assistance) 24ชั่วโมง, ค่าบำรุงรักษา, ประกันภัย และภาษีประจำปี ไว้หมดในราคาเดียวแล้ว ทำให้เราสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนได้แม่นยำ ไม่มีค่าใช้จ่ายจุกจิกเพิ่มเติม
ส่วนเรื่องการจ่ายเงินทางแอปฯ ก็รองรับการชำระผ่านบัตรเครติด และบัตรเดบิต เราจะถูกตัดเงินจริงๆ ตอนรับรถเสร็จแล้วเท่านั้น
ก่อนจะจบกระทู้ ผมได้ลองทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างสมัครสมาชิก vs ซื้อรถใหม่ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ผมจะไม่พูดว่าการสมัครสมาชิกมันดีกว่าการซื้อรถเอง เพราะมันมีดีมีเสียแตกต่างกันครับ ข้อดีของการสมัครสมาชิกรถกับ ekar เท่าที่ผมได้ลองสัมผัสมา ก็คือหากเกิดอุบัติเหตุหรือรถมีปัญหาก็เคลมได้ มีรถทดแทนให้ใช้ และมีประกันชั้น 1 มาให้ หรือหากเบื่อรถรุ่นนี้แล้ว ก็สามารถส่งเรื่องเปลี่ยน/สลับคันได้เลย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่จำเป็นต้องผูกมัดเรากับการเป็นหนี้ระยะยาวเหมือนการออกรถ แถมไม่ต้องเสียเงินมัดจำเหมือนการเช่ารถแบบทั่วไป ซึ่งปกติเช่ารถรายเดือนหรือระยะยาวแบบนี้ต้องเสียเงินมัดจำเยอะมาก
ผมลองทำเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรุ่นรถที่ผมเช่ามา เทียบกับซื้อรถใหม่ให้ดูประกอบการตัดสินใจกันนะครับราคาค่างวดกรณีซื้อรถคันใหม่ Toyota Vios กับทางศูนย์ ราคารถ 699,000.- วางเงินดาวน์ 10% ซึ่งต้องผ่อนทั้งหมด 48 งวด จะตกอยู่เดือนละ 15,000 บาทต่อเดือน (อ้างอิงจาก https://www.toyotathonburi.com/calculation) โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คนซื้อรถต้องมีนะครับ
แต่ถ้าหากบ้านไหนใช้รถในระยะยาวแบบหลักสิบปีขึ้นจริงๆ อันนั้นก็อาจจะยังมีโอกาาสได้เงินคืนจากการขายรถต่อในอนาคต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ารถรุ่นนั้นในอนาคตจะราคาขายต่อตกหรือไม่ เพราะถ้าหากมองในมุมนี้ก็อาจจะคุ้มค่ากว่าอยู่ที่การใช้งานของแต่ล่ะบ้านและบุคคลจริงๆ
สุดท้ายผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนว่าจะซื้อรถใหม่หรือสนใจบริการสมัครสมาชิกรถแบบนี้อยู่ ถ้าหากยังไม่มั่นใจก็สามารถลองโหลดแอปฯ ekar มาลองเปรียบเทียบก่อนได้
สำหรับกระทู้นี้ก็ของจบการรีวิวการใช้งานแอปฯ ekar แต่เพียงเท่านี้ ใครที่มีคำถามอะไรก็สามารถคอมเมนต์พูดคุยในกระทู้นี้ได้มาแชร์ความเห็นกัน ผมจะพยายามตอบทุกคำถามหรือจะ DM มาถามหลังไมค์ก็ได้นะครับ ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้