JJNY : ป่วยใหม่ 1,892 เสียชีวิต 22│‘เจ๊เกียว’ตื๊อขอขึ้นค่าตั๋ว│เรือประมงจอดคาฝั่ง 22 จว.│นาโตเตือนสงครามยูเครนยืดเยื้อ

ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ พบผู้ป่วยใหม่ 1,892 ราย และเสียชีวิต 22 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3408083


 
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ พบผู้ป่วยใหม่ 1,892 ราย และเสียชีวิต 22 ราย
 
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565 โดยมีผู้ป่วยใหม่ จำนวน 1,892 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,888 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 4 ราย และผู้ป่วยสะสม 2,275,609 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
ขณะที่หายป่วยกลับบ้าน 1,874 ราย หายป่วยสะสม 2,278,772 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 21,311 ราย เสียชีวิต 22 ราย เสียชีวิตสะสม 8,769 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) และจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 607 ราย
 
ทั้งนี้ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
 

 
น้ำมันแพงพ่นพิษ! รถทัวร์จ่อลดเที่ยววิ่ง ‘เจ๊เกียว’ ตื๊อขอขึ้นค่าตั๋ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3407705
  
น้ำมันแพงพ่นพิษ! รถทัวร์จ่อลดเที่ยววิ่ง ‘เจ๊เกียว’ ตื๊อขอขึ้นค่าตั๋ว
 
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย เปิดเผยว่า หลังรัฐยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร ตามที่ได้ยื่นเสนอไป ในวันที่ 20 มิถุนายน 2565 สมาคมจะประชุมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด บริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด และบริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด เพื่อหารือถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะหารือลดเที่ยววิ่งหรือหยุดเดินรถ ซึ่วในเบื้องต้นอาจจะปรับลดเที่ยววิ่งลงประมาณ 60-70 เส้นทาง และหากน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นอีก อาจจะหยุดการให้บริการในบางเส้นทาง ซึ่งสมาคมอยากให้เป็นทางเลือกสุดท้ายก่อนอาจต้องปิดกิจการถาวรในที่สุด
 
“ค่าโดยสารในปัจจุบันเราคิดบนฐานเมื่อปี 2562 ราคาน้ำมันที่ลิตรละ 27.79 บาท แต่วันนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 8 บาทต่อลิตร ทำให้เราแบกรับต้นทุนไม่ไหว ประสบปัญหาขาดทุนและขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ขณะนี้หากผู้โดยสารไม่ถึง 80% เราจะไม่วิ่งรถ เพราะวิ่งไปก็ไม่คุ้ม ทั้งนี้ จากรถมีอยู่ทั้งหมด 7,000 คัน ตอนนี้หยุดวิ่งไปแล้ว 30% และมีการพักใช้รถ 20%” นายพิเชษฐ์กล่าว
 
นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่งและเจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัท เดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 สมาคมได้ยื่นหนังสือถึงนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อขอให้พิจารณาขึ้นค่าโดยสารอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร หลังน้ำมันปรับสูงขึ้นต่อเนื่องล่าสุดแตะอยู่ที่ลิตรละ 35 บาทแล้ว ขณะที่ค่าโดยสารที่เก็บในปัจจุบันคิดราคาน้ำมันที่ลิตรละ 27.79 บาท ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สมาคมได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งบกไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา
 
“ตอนนี้เราก็วิ่งบ้าง หยุดวิ่งบ้าง สลับกันไป เพราะแบกต้นทุนไม่ไหว ขอให้กรมการขนส่งทางบกไม่คิดค่าปรับกับเรา ส่วนการขายกิจการเดินรถในเส้นทางระยะยาวในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสาน หลังประกาศขายก็มีคนติดต่อเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด เราอยากขายทั้งรถและเส้นทางวิ่ง แต่เขาอยากซื้อเฉพาะเส้นทางวิ่งและไม่อยากได้รถ จึงยังตกลงกันไม่ได้” นางสุจินดากล่าว
 
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ทางสมาพันธ์ได้ปรับขึ้นค่าขนส่งอีก 3% ตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้น 1 บาทต่อลิตร จาก 34 บาท เป็น 35 บาทต่อลิตร ส่งผลทำให้ค่าขนส่งโดยรวมอยู่ที่ 20-23% และคาดว่าอาจจะต้องปรับขึ้นอีกตามราคาน้ำมันที่คาดการณ์กันว่าราคาจะไปแตะที่ 38 บาทต่อลิตร
 

 
เรือประมงจอดคาฝั่ง 22 จังหวัด แพปลาหยุดกิจการสูญ 400 ล้านบาท
https://www.prachachat.net/local-economy/news-957847

เศรษฐกิจไม่ดี น้ำมันแพงกระทบหนัก “ธุรกิจประมง” เรือหยุดหาปลาแล้ว 50% ผู้ประกอบการสมุทรสาครจี้รัฐช่วยเหลือคลายกฎ IUU ชี้ปัญหาลามถึง 22 จังหวัดชายฝั่ง หวั่นแรงงานหนีหาย ตลาดทะเลไทยเงียบเหงา เงินหมุนเวียนต่อวันจาก 1,000 ล้านบาทเหลือแค่ 400 ล้านบาท
 
นายจุมพล ฆนวารี ประธานชมรมผู้ขายปลาจังหวัดสมุทรสาคร (ตลาดทะเลไทย) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้การค้าขายสัตว์น้ำในตลาดทะเลไทยซบเซาลง จากเงินหมุนเวียนวันละ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 400-500 ล้านบาท เนื่องจากน้ำมันแพงต่อเนื่อง ส่งผลให้เรือประมงต้องหยุดออกเรือ 60-70% ทำให้ตลาดทะเลไทยมีสัตว์น้ำจำหน่ายลดลง
 
ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีจะปรับราคาขายให้สูงขึ้นก็ไม่ได้ กลายเป็นว่าต้นทุนขึ้น แต่ราคาขายเท่าเดิม สุดท้ายชาวประมงจะได้รับผลกระทบหนัก ขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเรื่องราคาน้ำมันที่เป็นตัวขับเคลื่อนของภาคอุตสาหกรรมประมง
 
“ภาพรวมตอนนี้แย่ลงมาก ผลกระทบเป็นลูกโซ่ ถ้าเรือประมงหยุดลากปลา แพก็มีของขายน้อย ตลาดทะเลไทยที่เคยมีรถสัตว์น้ำเข้ามาวันละ 10 ตู้ตอนเทนเนอร์ ก็เหลือแค่ 3-5 ตู้คอนเทนเนอร์ ในทางกลับกันรายจ่ายกลับเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่ต้นทุนแพปลามีอยู่ทุกวัน ทั้งพนักงานที่ไม่สามารถเลิกจ้างได้ รายได้ก็หายไป 70% แพปลาอยู่ลำบาก”
 
“ด้านเรือประมงบางส่วนหยุดทำไป ส่วนเรือที่ไม่สามารถหยุดได้ เพราะต้องแบกรับภาระค่าแรงงาน ปลาที่จับมาขายก็พอจ่ายค่าน้ำมันกับค่าแรงงาน แต่ไม่มีกำไร เรือบางลำออกไปจับปลาก็ขาดทุน หากเรือหยุดทำประมงหลายวัน แรงงานจะย้ายไปทำที่อื่น หาทดแทนยาก”
 
ส่วนสัตว์น้ำที่นำเข้าจากเมียนมา ตอนนี้ตลาดทะเลไทยนำเข้าประมาณ 10% สินค้านำเข้ายังสู้ของสดจากเรือประมงที่เข้ามาวันต่อวันไม่ได้ จริง ๆ แล้วเรือประมงของเมียนมาใช้น้ำมันราคาแพงกว่าเรือประมงไทย แต่ในเรื่องระเบียบกฎหมายในการควบคุมเรือประมงน้อยกว่าไทย และไม่โดนสหภาพยุโรป (EU) ให้ใบเหลืองการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) เหมือนประเทศเรา ทำให้มีความคล่องตัวในการทำประมงมากกว่าไทย
 
นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจประมงได้รับผลกระทบจากระเบียบข้อกฎหมายเรื่อง IUU มาตลอด 8 ปี ธุรกิจภาคประมงไปต่อลำบาก ยิ่งราคาน้ำมันสูงขึ้นก็ยิ่งเป็นต้นทุนสำหรับอาชีพนี้ โดยส่งผลให้ 22 จังหวัดที่ทำธุรกิจประมงได้รับผลกระทบหมด
 
คาดว่าเรือจะหายไป 50% เฉพาะสมุทรสาครจะเห็นภาพชัด เพราะเป็นศูนย์กลางอาหารทะเลจากทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดนี้มีเรืออยู่ 400 ลำ ปัจจุบันหยุดไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะสู้กับต้นทุนไม่ได้
 
จึงขอให้รัฐบาลช่วยใน 3 ประเด็นหลัก คือ 

1. เร่งแก้ไขกฎระเบียบข้อกฎหมาย IUU ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติ แยกประเด็นความผิดทางธุรการ และความผิดทางทรัพยากร เนื่องจากที่ผ่านมาความผิดทางธุรการเล็ก ๆ น้อย ๆ โดนค่าปรับ ถูกยึดเรือ ยึดสัตว์น้ำ
 
2. อุดหนุนราคาน้ำมัน อย่าให้ขึ้นสูงมาก 
 
3. การขาดแคลนแรงงาน บางส่วนทยอยหมดอายุ ให้รีบออกประกาศเปิดลงทะเบียน เพื่อไม่ให้แรงงานที่ถูกกฎหมายกลายเป็นแรงงานเถื่อน
 
“หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึงลิตรละ 38-39 บาทก็ยังอยู่กันได้ เพราะค่าแรงงานไม่สูง กฎระเบียบการทำประมงก็ไม่ได้มากมาย แต่ปัจจุบันกฎระเบียบเพิ่ม รวมทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะน้ำมันแพง เมื่อก่อนเศรษฐกิจดีกว่านี้ ประชาชนมีกำลังซื้อ แต่ตอนนี้กลายเป็นปัญหาทั้งระบบ ถ้าน้ำมันราคาลง แต่ไม่มีแรงงานก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี”
  
ถ้าราคาน้ำมันขึ้นถึง 38 บาทต่อลิตร คาดว่าจะมีการหยุดกิจการกว่า 80% เรือประมงที่ออกจับปลาอยู่ในตอนนี้ไม่มีกำไร แต่ออกเพื่อหารายได้ประคองดูแลแรงงาน ตอนนี้เหลือเรือลากอยู่ 100 กว่าลำ หวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ คงดีขึ้น
 
ส่วนเรื่องปลานำเข้าจากเมียนมา ซึ่งเริ่มเปิดอ่าวจะมีผลต่อราคาสัตว์น้ำของไทย ที่ผ่านมารัฐพยายามจัดระเบียบประมงไม่ให้เป็น IUU ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่สินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำผิด IUU กลับเข้ามาขายในประเทศได้อย่างเสรี เป็นปัญหาความเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ
 
นายพรภิรมย์ อื้อศรีชัย เจ้าของเรือประมง และแพปลา ป.รุ่งนาวีลากแขก จ.สมุทรสาคร กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทำปลาส่งโรงงานปลากระป๋อง ตอนนี้อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องราคาน้ำมัน จากเดิมออกเรือครั้งหนึ่งใช้น้ำมัน 7 ลิตร ค่าน้ำมัน 3-4 แสนบาท
 
ตอนนี้เพิ่มเท่าตัวประมาณ 6 แสนบาท ถ้าราคาปรับขึ้นลิตรละ 1 บาทไปเรื่อย ๆ ต้นทุนการขนส่งทุกอย่างจะเพิ่มหมด ทั้งการจ้างรถตู้คอนเทนเนอร์ ค่าจ้าง 12,000 บาทต่อเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 15,000-16,000 บาท

“ช่วงปกติเรือประมงจับปลามาส่งได้ 2 แสนกิโลกรัมต่อวัน แต่ปัจจุบันมีเพียง 14,000 ตันต่อวัน ลดลงไปมาก ทำให้ส่งเข้าโรงงานทำปลากระป๋องได้ลดลงเช่นกัน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่