รู้...ตื่น...เบิกบาน...รสพระธรรมกับการเสพติดที่งดงามถ่องแท้จริงหาที่ใดเปรียบเปรยหาได้ไม่....

กระทู้สนทนา
(ค้นหา-ค้นพบ)
    -หลังจากผมเมากัญชาได้พิจารณาสติ..ตัวเองในหัวก็เต็มไปด้วยจิตที่ฟุ้งซ่าน...แต่เมื่อได้พินิจพิเคราะห์หลัก ธรรมคำสั่งสอนชององค์สัมมาพุธทะว่าช่างสิ่งส่งต่อเกินมาช่างเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดของมนุษย์ลิงเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระดูกสันหลังที่บังเอิญยืน2ค่าได้ ช่างเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่เกินคุณานับแก่มวลมนุษยชาติ...
    -หลังจากเมาได้ใช้จิตที่เต็มไปสิ่งมากมายคณานับเพื่อหาเหตุผลที่หักล้างแก่นแท้ของพระธรรมคำสอน
ได้มาพักใหญ่สุดท้ายหลักการทุกแนวคิดถูกหักล้างโดยที่ผมลองคิดอีกแง่ คนที่ฉลาดๆเก่งๆหลายคนทำไมถึงยกย่อง องค์สัมมาพุทธท ขนาดนั้นคนเหล่านั้นเขามองยังไงมุมไหน -เขารู้อะไร อะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า เห็นอะไร อะไรที่เห็นจริงถ่องแท้หรือเปล่า- จึงได้ลองศึกษาพระธรรมคำสอนที่คนเหล่านั้นไปศึกษาที่ใคร นักบวช นั้นคือผู้รู้..ผมก็ศึกษาต่อไปอีกใช้สติเท่ามีความรู้ปรีชาความสารถที่มีครุ่นคิดเมื่อเข้าใกล้แก่นแท้ของพระธรรมได้น้อยนิดแต่ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มปิติ คล้ายคนเมาสิ้นสติปันยะก็คล้ายได้ แล้วเนื้อแท้ของพระจะขนาดไหน..

(เข้าสัจธรรม-เข้าใกล้ความรู้ที่เกิดจากความไม่รู้)
    ความรู้สึกอยากไปฟังเทศน์จากนักบวชเก่งๆ นั้นผมเข้าใจทันที เขาถึงได้ว่ารู้.........
-แต่ถ้าจะตื่นคงต้องใช้เวลาศึกษาให้เข้าใจให้ถ่องแท้ได้ซึ่งก็มีแค่นักบวชเท่านั้นที่มีเวลาโอกาสทำได้..โดยมีผู้ที่ให้อาหารให้เวลานักบวชได้เข้าประตูแห่งการตื่น....เท่าที่ผมพอจะนึกออก ต่อไปก็จากนั้นด้วยไม่รู้จึงต้องศึกษา ไม่รู้เพราะเกินจิตนาของปุถุชนธรรมดา
(รู้)
ยอมรับตามตรงองค์ความรู้ที่ผมคาดเดาจากการเฉียดเข้าถึงแก่นพระธรรมนั้น เป็นองค์ความรู้เดียวจริงแท้และเป็นองค์ความรู้ ที่จะกำจัดคำว่า "ไม่" ออกจากคำว่าไม่รู้ได้ โดยมุ่งสู่หนทางที่คืนกลับจากสิ่งที่เราน่าจะเคยจากมา ที่นั้นน่าคือที่อยู่ของพวกเราๆท่านๆ ก่อนหน้าที่มา เวียนวายในที่นี้
ถ้าหากบวชเป็นนักบวชเพื่อให้เวลาทำความใจมากพอฝึกมากพอ องค์ความที่แก่นนั้นจะหาคำใดเปรียบไม่ได้..ผมอาจเข้าสู่ธรรมโดยอาศัยสิ่งมึนเมาเพื่อหลอนสติหรือเตือนสติให้สมองหลั่งความคิดที่ได้ประสพสั่งสมกันมาเป็นตะกอนความคิดนั้น กลับมาหรือเร่งให้พิจารณาตัวตนของ "เรา" ที่ไม่ใช่ของเราจริงๆ
หากแม้นสตินี้จะเมาแต่กระผมก็ซาบซึ้งถึงความหวานหอมของพระธรรมที่ทรงค้นพบเป็นอย่าง...

จะลืมหัวข้อกระทู้

(ตรัสรู้)->ร้องไห้เบิกบาน)
-ทั้งสองอย่างนั่นไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนที่นักบวชเก่งๆบอกให้ท่านต้องศึกษาเอง พุทธองค์แค่ค้นพบมัน อย่างน้อยๆท่านก็ควรตระหนัก "รู้" ในความ "ไม่รู้" ให้ได้สักก่อน ท่านจะได้"ตื่น" แล้วเมื่อนั้นท่านจะเข้าใจผมรับรองได้ว่าท่านต้องนึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาทั้งชีวิตเป็นแน่ที่โง่ให้ความไม่รู้บดบังสมองเอาไว้...และหลังจากนั้น...ก็ไม่สามารถพิมพ์บรรยายบอกต่อได้...เพราะผู้พิมพ์ก็ยังไม่ "ตื่น" แค่สลึมสลือเพราะฤทธิ์ของมึนเมา แต่ผมรับประกันความประได้เลย ฟากแต่ "รู้เห็นบางอย่างที่แก่นธรรมแล้ว" ท่านจะ "ตื่น" จากความคิดที่เกี่ยวทางโลก มุ่งพิจารณาตัวเนื้อพระธรรมคำสอนให้ลึกซึ้งแล้วจะเริ่มปิติปลื้มเหมือนเด็ก 5 ขวบ โดนจับให้เรียนโรงเรียนประจำเป็นเวลาหลายเดือน แล้วได้กลับบ้านเจอพ่อแม่อีกครั้ง อารมณ์ที่ผมมีความสามารถอธิบายได้นั้นมีเพียงเท่านี้...
(ส่งท้าย-ก่อนนอน-แม้จะมีภาระหน้าที่ ที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้แต่การเมาก่อนนอนคืนนี้จะไม่เสียเปล่ากับการพิจารณาความคิดตัวเองก่อนอน หาเงินเติมค่าน้ำมันไปซื้อข้าวเพื่อมีชีวิตให้ได้มีโอกาศศึกษาพระธรรมต่อ)
ให้คำสอนของพุทธเป็นดังหนทางที่สวนกระแสการวิวัฒนทนาการของมนุษย์ แต่ให้เป็นหนทางสู่ที่ ที่บางที่เราอาจจากมาหรือเป็นที่บริสุทธิ์หรือ หรืออัน "ว่างเปล่า" คือคำนิยามที่ใกล้เคียงที่สุดที่มนุษย์สามารถเข้าใจส่งต่อความหมายได้ให้กันและกันได้
             อุปาทาน 4 โดย (นักบวชพุทธทาสภิกขุ)
             -ในกาม คือของรักของใคร่
             -ในความคิดความเห็นของตัว
             -ในสิ่งที่ประพฤติผิด มาจนชิน
             -ในคำพูดว่า "เรา" ในลัทธิว่า "เรา"
ขอให้ทุกท่านตระหนักรู้ได้ซึ่งกันทุกด้วยความยินดีๆไม่มีกิเลสอันใดเจือปนในเจตนาครับ
        




                            เจริญพุทธะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่