เริ่มต้น มาจาก ปี 2561 ที่ผม ไปเที่ยว เคนย่า จากที่เคย ลงกระทู้นี้ไป
https://pantip.com/topic/37942645
ตอนที่ไป เจอ หลายคน และ camp manager ต่างๆ ไก้ด์ ที่ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทาง East Africa ซึ่งก็คือ Tanzania, Kenya นี่ มีสัตว์เยอะมากจริงๆ แต่ พิเศษที่สุด ที่ต้องไปให้ได้ คือ Okavango Delta ที่ Botswana นี่แหละ พอกลับมาก็มีเพื่อน ชวนมาแอฟริกา อีกพอดี ผมเลยเสนอ Botswana ซะเลย วางแผนกันไว้อย่างดีว่า 2563 จะไปกัน หนอย แหนะ คุณ โควิด มาเสียก่อน เลยทำให้ แผน เลื่อนมาเรื่อยๆ จนได้ฤกษ์ เอาปีนี้แหละ ทริปนี้ตอนแรก มี 12 คน ไทย อเมริกา ยุโรป สารพัด แต่พอเลื่อนมาเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ หายไปเรื่อย จนเหลือเพื่อน ที่ อเมริกา แค่ 2 คน ทียืนยันว่า ไม่สนหละปีนี้ต้องมาให้ ได้ ก็เลยคุย กับเอเยนต์ ตกลงเดินทางกัน เดือน มิย นี้ วางแผนกันตั้งแต่ ช่วง สิ้นปีที่แล้ว ตอนแรก ผมจองตั๋ว Ethiopian Airline ไว้ แต่เลื่อนตั๋วได้ถึงแค่ สิ้นปีที่แล้ว ทางสายการบินเลย คืนเงินค่าตั๋วให้ หมด ซึ่งต้องขอบคุณ สายการบินมากๆ ทีนี้ตอนจองทริปใหม่ Ethiopian Airline ตอนนั้นยังไม่เปิดให้ จอง เดือน มิย ปีนี้ ผมเลยเลือก Singapore Airline แทน แล้วบินไป Cape Town พักซะวันนึง เลือกเมืองนี้เพราะมีที่ให้เที่ยวให้ดู น่าสนใจกว่า เมืองอื่น นะ ทั้งๆที่ Johannesburg ใกล้กว่าหน่อย

จะไป Okavango Delta นี่ เท่าที่ผมรู้คือ ปลายทางจะต้องเดินทางไปเมือง Maun ที่ Botswana ซึ่งไปได้ สามทาง คือ มี flight จาก Cape Town, Johannesburg ใน South Africa หรือ ถ้าใครไปเที่ยว Victoria Fall ที่ Zimbabwe ก่อน ก็ต่อรถ แล้ว ขึ้นเรือ ข้ามชายแดนเข้า Botswana แล้วมีสนามบินเล็ก บินเข้า Maun ได้
ทริปนี้ ผม ใช้ เอเยนต์ เจ้าเดิม คือ
https://www.a2asafaris.com/ เป็นผู้ช่วย ติดต่อ จัดการ เรื่อง แคมป์ และ เครื่องบินเล็ก บินระหว่าง Maun กับ แคมป์ ที่จะไปพัก โดยทริปนี้ ทางเอเยนต์ แนะนำให้ ไปพัก ที่ Mapula Lodge และ Sable Alley Camp ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Natural Selection
https://naturalselection.travel/locations/botswana/
เดินทาง South Africa ไม่ต้องขอวีซ่า กรอกฟอร์ม สุขภาพ แล้วโชว vaccine passport QR Code หมอพร้อม ในมือถือ ได้เลย
ส่วน Botswana ขอ online visa ได้เลย กรอกฟอร์ม จ่ายเงิน ส่ง เอกสาร พวก passport ข้อมูลทริป อะไร หน่อย ก็เรียบร้อย 10-14 วันก็ได้
ตอนเดินทาง ต้องโชว์ vaccine passport เหมือน South Africa ไป แสตมป์ passport ที่สนามบินที่ Maun เลย ง่ายดีใช้เอกสารเยอะหน่อย
แต่ เอเยนต์ ทำให้ หมด มีหน้าที่โหลด อย่างเดียวพอ
ทีนี้สิ่งที่พิเศษ ของ Okavango Delta ก็คือ หน้าหนาว ที่เป็น high season ของ Safari ใน Africa ก็คือ มิย ถึง สค กย ที่ อุณหภูมิ ตํ่ากว่า 10 C กลางคืน กลางวัน 20C กว่าๆ กำลังสบาย ตค นี่ร้อนที่สุด 40+ C ได้ แล้ว ธค ถึง เมย เป็นหน้าฝน ที่นี้ ที่ Okavango Delta จะต่างกับที่อื่นๆ ใน Africa ก็คือ เป็นที่ลุ่ม ช่วงหน้าฝน ก็มีฝนตกเยอะ ส่วนหน้าหนาว ก็ฟ้าโล่งไม่มีฝนควรจะแห้งแล้งเหมือนประเทศอื่นๆ ใน Africa แต่ที่ต่างก็คือ นํ้าฝนในหน้าฝนประเทศเพื่อนบ้าน Angola ค่อยๆ ไหล ลงมาเรื่อยๆ มาถึง Okavango Delta เอาช่วงหน้าหนาวพอดี ทำให้ แถวนี้ มีหนองหนามเต็มไปหมดอุดมสมบูรณ์มากทั้งๆที่ไม่มีฝนกลายเป็นแก้มลิงธรรมชาติในช่วงหน้าหนาว ในขนาดที่ รอบๆ ข้างเป็นหน้าหนาวที่ไม่มีนํ้าทำให้ มีสัตว์ อพยพ เข้ามา เยอะ จนขึ้นชื่อลือชาว่าเป็น Last Eden on Earth อะไรแบบนั้นเลย

ภาพจากเครื่องบินเล็ก
แต่จริงๆ Okavango Delta นี่เที่ยวได้ ทั้งปี หน้าร้อน หน้าฝน ราคาจะถูกหน่อย แต่ หน้าหนาว นี่ เห็นราคาก็หนาวแล้ว คือโดยเฉลี่ย ราคาค่อยข้างแพง กว่า Kenya Tanzania พอควร Camp ที่ดังที่สุด ของ Botswana คือ Mombo Camp ตอนนี้ peak season ราคาคืนละ $US 4000++ ที่ผม พัก ราคาถูกกว่าเยอะ แต่ราคาเท่าไหร่ ไปหาดูกันในเวป ของ Natural Selection ที่ผมแปะไว้ กันเองนะครับ แต่เตรียมใจไว้เลยว่า ค่าที่พัก ซึ่งรวมอาหาร game drive ทุกอย่าง หมดนี่ คืนละหลักหมื่น ทั้งนั้น จะกี่หมื่น ก็แล้วแต่จะเลือก ข้อดีคือ จ่ายไปแล้วเวลาไปเที่ยว เตรียมเงิน ค่าทิป กะถ้าจะซื้อของที่ระลึกอะไรหน่อย ก็พอ ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก กับเตรียม ค่าเดินทาง จาก Maun ไป สารพัดแคมป์ นี่ ใช้เครื่องบินเล็กลูกเดียว ซึ่งตก รอบละ $US300 ได้ เพราะเดินทาง ทางรถลำบากมาก บางทีก็ไปไม่ได้ด้วย เพราะ มีนํ้าล้อมรอบ หรือไปได้ ก็เสียเวลาอ้อม มากๆ
เวลาต่อเครื่องบินเล็ก ที่ Botswana นี่เขาให้ แค่ คนละ 20kg รวม carry-on นะครับ อย่างผม แบกกล้องไป กระเป๋ากล้อง ก็ 15 kg+ แล้ว ต้องซื้อตั๋วใบที่สอง เพิ่มไว้ ดูกฎ สายการบิน ใครหนักเกิน 100kg นี่ อาจจะโดนบังคับให้ ซื้อตั๋วใบที่สองก็ได้ เขาเตือนเอาไว้ ทีนี้ ช่องเก็บของในเครื่องบิน มันเล็ก เขาเลยบังคับว่า ทุกอย่างต้องใส่ใน duffel bag เท่านั้น กระเป๋าเดินทางแข็งจะใช้ไม่ได้ ผมเลยใช้วิธี เดินทาง ด้วยกระเป๋าแข็ง มาถึง Cape Town แล้ว เอาของทุกอย่างใส่ duffel bag บิน จาก Cape Town ไป Maun แล้วไปเที่ยวต่อ ทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ที่ รร ที่ Cape Town ขากลับ มาพักที่ รร เดิม อีกคืนค่อยเอากระเป๋าคืน จริงๆ SQ บินถึง Cape Town เช้า จะต่อ เข้า Maun เลยก็ได้ แล้วเอากระเป๋าไปฝาก เอเยนต์ ที่ Maun แต่ มันจะวุ่นวาย ไปรื้อกระเป๋าถ่ายเทของกลางสนามบินลง duffel bag แล้วบิน ทั้งหมด รวม lay over ที่สิงคโปร์ 2 ชม แวะจอด Johannesburg อีก ชม ก็ เดินทาง 18 ชม ผมว่า ลุยเข้า Maun ไปเลย แล้วเที่ยวเลยหนื่อยไปหน่อย เลยแวะ Cape Town เที่ยวสบายๆ ปรับเวลาอีกวันนึงก่อน ดีกว่า

หน้าตาเครื่องบิน รอบแรก มี 6 ที่นั่ง ชอ่งแคบๆที่เขามุดอยู่นั่นแหละที่เก็บกระเป๋า กระเป๋ากล้องของแตกง่าย เขามีที่วางท้ายเครื่องหลังที่นั่งอีกหน่อย
พูดมาตั้งนาน เริ่ม เที่ยวเลยดีกว่า บินจาก Cape Town มา Maun ก็ สอง ชม หน่อยๆ ลงแล้ว ผม ต้องรอที่สนามบิน 45 นาที เพราะเพื่อน ชาว อเมริกัน ที่นัดกันไว้ ไปเที่ยว Tanzania ก่อน อาทิตย์นึงแล้วบินมา Johannesburg แล้วบินเข้า Maun มา ถึงหลังผมหน่อย นึง เจอกันปุ๊ปก็บินเครื่องบินเล็กต่อ ไป แคมป์แรก คือ Mapula Lodge เลย อยู่กลางๆ Okavango Delta เลย บนเกาะเล็กๆ เหนือ Mombo Camp เจ้าดังขึ้นมากอีกหน่อย

สนามบินสุดหรู รวมถึง terminal 555555
รถที่ใช่ในการเดินทางและ game drive หน้าตาแบบนี้

รถสูงแล้วยกท่อไอเสียขึ้นอีก เพื่อลุยนํ้าแหลก แต่ที่ Mapula ตอนนี้นํ้าบางจุดค่อยข้างสูง เขาเลยใช่วิธี ขับรถไปท่าเรือ แล้ว นั่งเรือ อีก 20 นาที ไปที่แคมป์ แทน




ได้ยินมาแว่วๆ ว่า Prince Harry เคยพา Meghan Markle มาพักที่นี่ด้วย ตอน เป็นแฟนกัน จริงหรือ ปล่าวไม่รู้ แต่แว่วๆมา ประกาศว่า หมั้นกันเป็นทางการที่อังกฤษ แต่ propose กันจริงๆ Meno a Kwena อีกแคมป์นึง ของ Natural Selection ที่ Botswana แต่จริงหรือปล่าวไม่ทราบนะครับ
แคมป์ ที่นี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องหิว ตราบใดที่ ไม่ติดอาหารไทย มาก อาหารฝรั่งเป็นหลัก แต่ผสมชาตินั้นชาตินี้ บ้าง ที่นี่ ออกเที่ยวตั้งแต่ 6.30 เช้าพระอาทิตย์ ยังไม่ขึ้น จะได้เป็นเก็บแสงเช้าทัน มีกาแฟ ชาเสริฟก่อน แพ๊ค อาหารเช้าไปกินระหว่างทาง กลับมากินเที่ยงบ่ายโมง นอนพักบ่าย บ่ายสี่ มีของว่าง แล้วออกไปเที่ยว ต่อ มี sunset drink แล้วกลับเข้าแคมป์ กินอาหารเย็น ที่นี่ เครื่องดื่ม และเหล้ามีสารพัด กินฟรีตลอดวัน เพื่อน ชอบ gin and tonic เขาก็จัดให้ ทุกวันตอน sunset drink ให้ ผมไม่กิน เหล้านะ ขาดทุนมาก อาหารเย็นมีสารพัดไวน์ให้เลือก
วันแรกมาถึงเย็นแล้ว เขาเลยพาไปนั่งเรือเล่น ดื่ม sunset drink ดู ฮิปโป หน้าที่พักนั่นแหละ
ที่นี่กลางคืนมืดสนิท มีเสียงสัตว์ร้องตลอด ข้างหน้าข้างหลัง บางทีใต้ถุนห้องพัก ก็มีเสียง
คืนแรก ตื่นมา ตี 3 ถ่ายดาว บนระเบียงเล่น ถ่ายไปเสียวไป ทำไมมีเสียงสารพัด รอบตัวตลอด 555 ไม่กลัวผี แต่กลัวเสือย่องมางาบ เนื่อง
จากที่นี่ไม่เหมือนเคยย่าที่มีรั้วไฟฟ้าล้อมรอบแคมป์ คือเปิดโล่งเลย แต่เขาบอกในห้อง บนระเบียงปลดภัยสัตว์ไม่เข้า แต่ กลางคืนห้ามออกมาเดินทางเดินทางข้างหลังที่เชื่อม ทุกห้องกะ ห้องอาหารท่าเรือ กลางคืนต้องมีคนเดินนำทางให้ตลอดคืนนึงเพื่อน เดินกลับห้องเจอ cape buffalo มาด้อมๆมองๆแถวๆ ห้องเขา
จากระเบียงนี่แหละ ถ่ายช้าง ท่ามกลางเสียงฮิปโปเสียง ลิง เสียงสารพัดตัวอะไร ก็ไม่รู้
ทริปแรก หลังติดอดเดินทางมา สองปีกว่า Okavango Delta, Botswana
https://pantip.com/topic/37942645
ตอนที่ไป เจอ หลายคน และ camp manager ต่างๆ ไก้ด์ ที่ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทาง East Africa ซึ่งก็คือ Tanzania, Kenya นี่ มีสัตว์เยอะมากจริงๆ แต่ พิเศษที่สุด ที่ต้องไปให้ได้ คือ Okavango Delta ที่ Botswana นี่แหละ พอกลับมาก็มีเพื่อน ชวนมาแอฟริกา อีกพอดี ผมเลยเสนอ Botswana ซะเลย วางแผนกันไว้อย่างดีว่า 2563 จะไปกัน หนอย แหนะ คุณ โควิด มาเสียก่อน เลยทำให้ แผน เลื่อนมาเรื่อยๆ จนได้ฤกษ์ เอาปีนี้แหละ ทริปนี้ตอนแรก มี 12 คน ไทย อเมริกา ยุโรป สารพัด แต่พอเลื่อนมาเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ หายไปเรื่อย จนเหลือเพื่อน ที่ อเมริกา แค่ 2 คน ทียืนยันว่า ไม่สนหละปีนี้ต้องมาให้ ได้ ก็เลยคุย กับเอเยนต์ ตกลงเดินทางกัน เดือน มิย นี้ วางแผนกันตั้งแต่ ช่วง สิ้นปีที่แล้ว ตอนแรก ผมจองตั๋ว Ethiopian Airline ไว้ แต่เลื่อนตั๋วได้ถึงแค่ สิ้นปีที่แล้ว ทางสายการบินเลย คืนเงินค่าตั๋วให้ หมด ซึ่งต้องขอบคุณ สายการบินมากๆ ทีนี้ตอนจองทริปใหม่ Ethiopian Airline ตอนนั้นยังไม่เปิดให้ จอง เดือน มิย ปีนี้ ผมเลยเลือก Singapore Airline แทน แล้วบินไป Cape Town พักซะวันนึง เลือกเมืองนี้เพราะมีที่ให้เที่ยวให้ดู น่าสนใจกว่า เมืองอื่น นะ ทั้งๆที่ Johannesburg ใกล้กว่าหน่อย
จะไป Okavango Delta นี่ เท่าที่ผมรู้คือ ปลายทางจะต้องเดินทางไปเมือง Maun ที่ Botswana ซึ่งไปได้ สามทาง คือ มี flight จาก Cape Town, Johannesburg ใน South Africa หรือ ถ้าใครไปเที่ยว Victoria Fall ที่ Zimbabwe ก่อน ก็ต่อรถ แล้ว ขึ้นเรือ ข้ามชายแดนเข้า Botswana แล้วมีสนามบินเล็ก บินเข้า Maun ได้
ทริปนี้ ผม ใช้ เอเยนต์ เจ้าเดิม คือ https://www.a2asafaris.com/ เป็นผู้ช่วย ติดต่อ จัดการ เรื่อง แคมป์ และ เครื่องบินเล็ก บินระหว่าง Maun กับ แคมป์ ที่จะไปพัก โดยทริปนี้ ทางเอเยนต์ แนะนำให้ ไปพัก ที่ Mapula Lodge และ Sable Alley Camp ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Natural Selection
https://naturalselection.travel/locations/botswana/
เดินทาง South Africa ไม่ต้องขอวีซ่า กรอกฟอร์ม สุขภาพ แล้วโชว vaccine passport QR Code หมอพร้อม ในมือถือ ได้เลย
ส่วน Botswana ขอ online visa ได้เลย กรอกฟอร์ม จ่ายเงิน ส่ง เอกสาร พวก passport ข้อมูลทริป อะไร หน่อย ก็เรียบร้อย 10-14 วันก็ได้
ตอนเดินทาง ต้องโชว์ vaccine passport เหมือน South Africa ไป แสตมป์ passport ที่สนามบินที่ Maun เลย ง่ายดีใช้เอกสารเยอะหน่อย
แต่ เอเยนต์ ทำให้ หมด มีหน้าที่โหลด อย่างเดียวพอ
ทีนี้สิ่งที่พิเศษ ของ Okavango Delta ก็คือ หน้าหนาว ที่เป็น high season ของ Safari ใน Africa ก็คือ มิย ถึง สค กย ที่ อุณหภูมิ ตํ่ากว่า 10 C กลางคืน กลางวัน 20C กว่าๆ กำลังสบาย ตค นี่ร้อนที่สุด 40+ C ได้ แล้ว ธค ถึง เมย เป็นหน้าฝน ที่นี้ ที่ Okavango Delta จะต่างกับที่อื่นๆ ใน Africa ก็คือ เป็นที่ลุ่ม ช่วงหน้าฝน ก็มีฝนตกเยอะ ส่วนหน้าหนาว ก็ฟ้าโล่งไม่มีฝนควรจะแห้งแล้งเหมือนประเทศอื่นๆ ใน Africa แต่ที่ต่างก็คือ นํ้าฝนในหน้าฝนประเทศเพื่อนบ้าน Angola ค่อยๆ ไหล ลงมาเรื่อยๆ มาถึง Okavango Delta เอาช่วงหน้าหนาวพอดี ทำให้ แถวนี้ มีหนองหนามเต็มไปหมดอุดมสมบูรณ์มากทั้งๆที่ไม่มีฝนกลายเป็นแก้มลิงธรรมชาติในช่วงหน้าหนาว ในขนาดที่ รอบๆ ข้างเป็นหน้าหนาวที่ไม่มีนํ้าทำให้ มีสัตว์ อพยพ เข้ามา เยอะ จนขึ้นชื่อลือชาว่าเป็น Last Eden on Earth อะไรแบบนั้นเลย
ภาพจากเครื่องบินเล็ก
แต่จริงๆ Okavango Delta นี่เที่ยวได้ ทั้งปี หน้าร้อน หน้าฝน ราคาจะถูกหน่อย แต่ หน้าหนาว นี่ เห็นราคาก็หนาวแล้ว คือโดยเฉลี่ย ราคาค่อยข้างแพง กว่า Kenya Tanzania พอควร Camp ที่ดังที่สุด ของ Botswana คือ Mombo Camp ตอนนี้ peak season ราคาคืนละ $US 4000++ ที่ผม พัก ราคาถูกกว่าเยอะ แต่ราคาเท่าไหร่ ไปหาดูกันในเวป ของ Natural Selection ที่ผมแปะไว้ กันเองนะครับ แต่เตรียมใจไว้เลยว่า ค่าที่พัก ซึ่งรวมอาหาร game drive ทุกอย่าง หมดนี่ คืนละหลักหมื่น ทั้งนั้น จะกี่หมื่น ก็แล้วแต่จะเลือก ข้อดีคือ จ่ายไปแล้วเวลาไปเที่ยว เตรียมเงิน ค่าทิป กะถ้าจะซื้อของที่ระลึกอะไรหน่อย ก็พอ ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก กับเตรียม ค่าเดินทาง จาก Maun ไป สารพัดแคมป์ นี่ ใช้เครื่องบินเล็กลูกเดียว ซึ่งตก รอบละ $US300 ได้ เพราะเดินทาง ทางรถลำบากมาก บางทีก็ไปไม่ได้ด้วย เพราะ มีนํ้าล้อมรอบ หรือไปได้ ก็เสียเวลาอ้อม มากๆ
เวลาต่อเครื่องบินเล็ก ที่ Botswana นี่เขาให้ แค่ คนละ 20kg รวม carry-on นะครับ อย่างผม แบกกล้องไป กระเป๋ากล้อง ก็ 15 kg+ แล้ว ต้องซื้อตั๋วใบที่สอง เพิ่มไว้ ดูกฎ สายการบิน ใครหนักเกิน 100kg นี่ อาจจะโดนบังคับให้ ซื้อตั๋วใบที่สองก็ได้ เขาเตือนเอาไว้ ทีนี้ ช่องเก็บของในเครื่องบิน มันเล็ก เขาเลยบังคับว่า ทุกอย่างต้องใส่ใน duffel bag เท่านั้น กระเป๋าเดินทางแข็งจะใช้ไม่ได้ ผมเลยใช้วิธี เดินทาง ด้วยกระเป๋าแข็ง มาถึง Cape Town แล้ว เอาของทุกอย่างใส่ duffel bag บิน จาก Cape Town ไป Maun แล้วไปเที่ยวต่อ ทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ที่ รร ที่ Cape Town ขากลับ มาพักที่ รร เดิม อีกคืนค่อยเอากระเป๋าคืน จริงๆ SQ บินถึง Cape Town เช้า จะต่อ เข้า Maun เลยก็ได้ แล้วเอากระเป๋าไปฝาก เอเยนต์ ที่ Maun แต่ มันจะวุ่นวาย ไปรื้อกระเป๋าถ่ายเทของกลางสนามบินลง duffel bag แล้วบิน ทั้งหมด รวม lay over ที่สิงคโปร์ 2 ชม แวะจอด Johannesburg อีก ชม ก็ เดินทาง 18 ชม ผมว่า ลุยเข้า Maun ไปเลย แล้วเที่ยวเลยหนื่อยไปหน่อย เลยแวะ Cape Town เที่ยวสบายๆ ปรับเวลาอีกวันนึงก่อน ดีกว่า
หน้าตาเครื่องบิน รอบแรก มี 6 ที่นั่ง ชอ่งแคบๆที่เขามุดอยู่นั่นแหละที่เก็บกระเป๋า กระเป๋ากล้องของแตกง่าย เขามีที่วางท้ายเครื่องหลังที่นั่งอีกหน่อย
พูดมาตั้งนาน เริ่ม เที่ยวเลยดีกว่า บินจาก Cape Town มา Maun ก็ สอง ชม หน่อยๆ ลงแล้ว ผม ต้องรอที่สนามบิน 45 นาที เพราะเพื่อน ชาว อเมริกัน ที่นัดกันไว้ ไปเที่ยว Tanzania ก่อน อาทิตย์นึงแล้วบินมา Johannesburg แล้วบินเข้า Maun มา ถึงหลังผมหน่อย นึง เจอกันปุ๊ปก็บินเครื่องบินเล็กต่อ ไป แคมป์แรก คือ Mapula Lodge เลย อยู่กลางๆ Okavango Delta เลย บนเกาะเล็กๆ เหนือ Mombo Camp เจ้าดังขึ้นมากอีกหน่อย
สนามบินสุดหรู รวมถึง terminal 555555
รถที่ใช่ในการเดินทางและ game drive หน้าตาแบบนี้
รถสูงแล้วยกท่อไอเสียขึ้นอีก เพื่อลุยนํ้าแหลก แต่ที่ Mapula ตอนนี้นํ้าบางจุดค่อยข้างสูง เขาเลยใช่วิธี ขับรถไปท่าเรือ แล้ว นั่งเรือ อีก 20 นาที ไปที่แคมป์ แทน
ได้ยินมาแว่วๆ ว่า Prince Harry เคยพา Meghan Markle มาพักที่นี่ด้วย ตอน เป็นแฟนกัน จริงหรือ ปล่าวไม่รู้ แต่แว่วๆมา ประกาศว่า หมั้นกันเป็นทางการที่อังกฤษ แต่ propose กันจริงๆ Meno a Kwena อีกแคมป์นึง ของ Natural Selection ที่ Botswana แต่จริงหรือปล่าวไม่ทราบนะครับ
แคมป์ ที่นี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องหิว ตราบใดที่ ไม่ติดอาหารไทย มาก อาหารฝรั่งเป็นหลัก แต่ผสมชาตินั้นชาตินี้ บ้าง ที่นี่ ออกเที่ยวตั้งแต่ 6.30 เช้าพระอาทิตย์ ยังไม่ขึ้น จะได้เป็นเก็บแสงเช้าทัน มีกาแฟ ชาเสริฟก่อน แพ๊ค อาหารเช้าไปกินระหว่างทาง กลับมากินเที่ยงบ่ายโมง นอนพักบ่าย บ่ายสี่ มีของว่าง แล้วออกไปเที่ยว ต่อ มี sunset drink แล้วกลับเข้าแคมป์ กินอาหารเย็น ที่นี่ เครื่องดื่ม และเหล้ามีสารพัด กินฟรีตลอดวัน เพื่อน ชอบ gin and tonic เขาก็จัดให้ ทุกวันตอน sunset drink ให้ ผมไม่กิน เหล้านะ ขาดทุนมาก อาหารเย็นมีสารพัดไวน์ให้เลือก
วันแรกมาถึงเย็นแล้ว เขาเลยพาไปนั่งเรือเล่น ดื่ม sunset drink ดู ฮิปโป หน้าที่พักนั่นแหละ
ที่นี่กลางคืนมืดสนิท มีเสียงสัตว์ร้องตลอด ข้างหน้าข้างหลัง บางทีใต้ถุนห้องพัก ก็มีเสียง
คืนแรก ตื่นมา ตี 3 ถ่ายดาว บนระเบียงเล่น ถ่ายไปเสียวไป ทำไมมีเสียงสารพัด รอบตัวตลอด 555 ไม่กลัวผี แต่กลัวเสือย่องมางาบ เนื่อง
จากที่นี่ไม่เหมือนเคยย่าที่มีรั้วไฟฟ้าล้อมรอบแคมป์ คือเปิดโล่งเลย แต่เขาบอกในห้อง บนระเบียงปลดภัยสัตว์ไม่เข้า แต่ กลางคืนห้ามออกมาเดินทางเดินทางข้างหลังที่เชื่อม ทุกห้องกะ ห้องอาหารท่าเรือ กลางคืนต้องมีคนเดินนำทางให้ตลอดคืนนึงเพื่อน เดินกลับห้องเจอ cape buffalo มาด้อมๆมองๆแถวๆ ห้องเขา
จากระเบียงนี่แหละ ถ่ายช้าง ท่ามกลางเสียงฮิปโปเสียง ลิง เสียงสารพัดตัวอะไร ก็ไม่รู้