คือผมคบกันมาได้ไม่นานประมาณช่วงที่ผมเรียนซัมเมอร์ แล้วผมกับเพื่อนเป็นกลุ่มที่ชอบเล่นเกมมากๆ ทุกคนเล่นเกมกันทั้งวันทุกวัน จนผมก็ไม่มีเวลาสนใจแฟน ซึ่งข้อนั้นผมก็เข้าใจว่าผมผิดจริงๆ เขาก็เลยบังคับกดดันผม ว่าให้เล่นเกมเป็นเวลานะ กำหนดให้เล่นวัน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งก็ทำไม่ได้หรอกครับ ก็มีแอบๆเล่นบ้าง ช่วงหลังมาเขาจับได้ว่าเล่นเกมก็สั่งให้ลบเกมลบดิสคอร์ด บอกเหตุผลว่าการเรียนจะแย่ (ซึ่งมันก็แย่จริง)ก็ทนมาได้เดือนนึงแล้วเขาก็ให้กลับมาเล่นหลังสอบซัมเมอร์ ซึ่งมันก็แฟร์ดี แต่ช่วงหลังนี่ก็คือ เหมือนเราจะทำอะไร จะไปไหน ต้องรายงานทุกอย่างทุกฝีก้าว ซึ่งมันรู้สึกไม่ใช่ตัวเรา
แล้วไม่ว่าจะหาความสุขอะไรใส่ตัว เขาก็จะเป็นพิจารณาให้ว่าควรทำหรือไม่ เหมือนขอ permission อะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็ยอมได้เพราะรัก แล้วล่าสุดคือช่วงกำลังเปิดเทอม วันนี้เลย เพื่อนชวนไปกินชาบูด้วยกัน ผมถาม เขา เขาก็หาเหตุผลมาบอกว่าไม่ต้องไป คือเขาจะไม่บอกตรงๆว่าห้ามไป แต่เอาเหตุผลมาใส่ในหัวผม เช่น เมื่อวานก่อมผมทำโทรศัพท์ตกเสียแล้วไม่ยอมซ่อมเพราะอยากซื้อใหม่ เลยคุยโทรศัพท์ไม่ได้ ใช้ได้แต่ laptop มาจนถึงวันนี้ เขาก็บอกว่า โทรศัพท์ก็ไม่มีคุย แล้วจริงๆอีกสองวันข้างหน้าก็มีนัดกินชาบูกับรุ่นน้องด้วยกัน ซึ่งมันก็ต้องเลือกเพราะผมไม่มีเงินไปกินสองที่ในอาทิตย์เดียวกัน เขาก็เอาเหตุผลนี้มาใช้ ซึ่งใช่ครับมันดูเมคเซนส์เสมอ และผมก็ไม่อยากปฏิเสธด้วย วันนี้ก็เลยไม่ไปกินชาบูกับกลุ่มเพื่อน ต่อมาในวันเดียวกัน อาจารย์ในคณะก็บอกให้ชวนเพื่อนเข้ากลุ่มเรียนซึ่งก็มีเพื่อนในกลุ่มผมมาคอมเม้นท์ฮาๆตามประสาเด็กนศขี้เล่นอะไรทำนองนั้น แล้วผมก็เข้าไปคอมเมนท์แสดงความสนุกด้วย แต่ก็เป็นคอมเมนต์กร่อยๆ แล้วเพื่อนผมก็บอกผ่านโซเชียลว่าให้ลบเมนท์มันไม่ฮา ผมก็ลบ คือมันอาจจะไม่ฮาจริงๆก็ได้ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เพื่อนให้ลบเมนท์มันคืออะไร เพราะปกติต่อให้ผมเข้าแชทมาคุยด้วยผิดจังหวะ หรือทำความรื่นเริงใดๆกร่อยลง เพื่อนๆผมจะยังรักษาน้ำใจกัน หรืออย่างน้อยก็จะตอบเชิงกวนๆออกมาเลย ไม่ใช่มาบอกแบบส่วนตัวให้ออกไปแบบนี้ ผมก็เลยรู้สึกว่า ผมคงจะความสมดุลความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อนกับแฟนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
จะเลือกอะไรระหว่างแฟน กับ เพื่อน
แล้วไม่ว่าจะหาความสุขอะไรใส่ตัว เขาก็จะเป็นพิจารณาให้ว่าควรทำหรือไม่ เหมือนขอ permission อะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็ยอมได้เพราะรัก แล้วล่าสุดคือช่วงกำลังเปิดเทอม วันนี้เลย เพื่อนชวนไปกินชาบูด้วยกัน ผมถาม เขา เขาก็หาเหตุผลมาบอกว่าไม่ต้องไป คือเขาจะไม่บอกตรงๆว่าห้ามไป แต่เอาเหตุผลมาใส่ในหัวผม เช่น เมื่อวานก่อมผมทำโทรศัพท์ตกเสียแล้วไม่ยอมซ่อมเพราะอยากซื้อใหม่ เลยคุยโทรศัพท์ไม่ได้ ใช้ได้แต่ laptop มาจนถึงวันนี้ เขาก็บอกว่า โทรศัพท์ก็ไม่มีคุย แล้วจริงๆอีกสองวันข้างหน้าก็มีนัดกินชาบูกับรุ่นน้องด้วยกัน ซึ่งมันก็ต้องเลือกเพราะผมไม่มีเงินไปกินสองที่ในอาทิตย์เดียวกัน เขาก็เอาเหตุผลนี้มาใช้ ซึ่งใช่ครับมันดูเมคเซนส์เสมอ และผมก็ไม่อยากปฏิเสธด้วย วันนี้ก็เลยไม่ไปกินชาบูกับกลุ่มเพื่อน ต่อมาในวันเดียวกัน อาจารย์ในคณะก็บอกให้ชวนเพื่อนเข้ากลุ่มเรียนซึ่งก็มีเพื่อนในกลุ่มผมมาคอมเม้นท์ฮาๆตามประสาเด็กนศขี้เล่นอะไรทำนองนั้น แล้วผมก็เข้าไปคอมเมนท์แสดงความสนุกด้วย แต่ก็เป็นคอมเมนต์กร่อยๆ แล้วเพื่อนผมก็บอกผ่านโซเชียลว่าให้ลบเมนท์มันไม่ฮา ผมก็ลบ คือมันอาจจะไม่ฮาจริงๆก็ได้ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เพื่อนให้ลบเมนท์มันคืออะไร เพราะปกติต่อให้ผมเข้าแชทมาคุยด้วยผิดจังหวะ หรือทำความรื่นเริงใดๆกร่อยลง เพื่อนๆผมจะยังรักษาน้ำใจกัน หรืออย่างน้อยก็จะตอบเชิงกวนๆออกมาเลย ไม่ใช่มาบอกแบบส่วนตัวให้ออกไปแบบนี้ ผมก็เลยรู้สึกว่า ผมคงจะความสมดุลความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อนกับแฟนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว