บทประพันธ์ : ศุภร บุนนาค
บทโทรทัศน์ : ศัลยา
กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
อำนวยการสร้าง : ไพรัช สังวริบุตร
ผลิต : ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น
.
หากดาราวิดีโอ หวนให้นึกถึงคู่กรรมหรือสายโลหิต กล่าวถึงอาหลองชวนให้คิดถึงอังกอร์ ดีด้านั้นก็พาให้นึกถึงฟ้าใหม่เช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อปีพุทธศักราช 2547 ละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ ทุ่มทุนมหาศาลทางวิกหมอชิต มีกำหนดฉาย นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้าคับคั่ง เช่น
ป๋อ ณัฐวุฒิ ,
อั้ม พัชราภา ,
ยุ้ย จีรนันท์ ,
บรู๊ค ดนุพร เป็นต้น รังสรรค์เขียนบทโดยบรมครู
ศัลยา
กำกับการแสดงโดยผู้กำกับระดับบิ๊กปรมาจารย์
จรูญ ธรรมศิลป์ ได้รับกระแสตอบรับและเรตติ้งอย่างล้นหลาม
หากย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี 2545 บอสใหญ่แห่งดีด้า
ลอร์ด สยม มี
โปรเจ็คหยิบนวนิยายระดับเฟิร์สคลาสดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ โดยมอบหมายให้ศัลยาเขียนบท ความยากของนวนิยายเรื่องนี้คือการดำเนินเรื่องในช่วงปลายอยุธยา - ต้นรัตนโกสินทร์ นับเป็นละครที่มีช่วงรัชสมัยเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ละครไทย และด้วยตัวนวนิยายมีความหนาถึง 1000+หน้า มีเหตุการณ์สำคัญมากมาย จึงเป็นหน้าที่ของผู้เขียนบทที่จะต้องย่อยเหตุการณ์พวกนี้ผ่านตัวละครและละครที่มีจำนวนตอนเพียง
9 ตอน
ในตัวบทเอง ก็ถือเป็นบทละครระดับคลาสสิค มีการเสนอมุมมองในหลายแง่มุม ยกตัวอย่าง หากเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ข้าศึกพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยา และทำลายเมืองกรุงทั้งเมือง กล่าวคือทำพม่าให้เป็นตัวร้าย แล้วมองตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่สำหรับละครเรื่องนี้ ไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดทั้งสิ้น ฝ่ายอยุธยาก็เลวร้าย ฝ่ายพม่าก็เลวร้ายเช่นเดียวกัน มากันในส่วนของตัวละคร ทุกตัวละครในเรื่องนี้ ไม่มีใครดีหรือชั่ว 100% แต่ทุกคนมี 2 ด้าน มีดีก็ต้องมีร้าย แม้กระทั่งพระเอกนางเอก และเป็นละครเพียงเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่กล้านำเสนอความจริง คือ พระอาการเสียจริตของพระเจ้าตากฯครั้นโดนปราบดาภิเษก อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาประวัติศาสตร์แบบจัดเต็มตั้งแต่ยุคสมัย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑
ในด้านของโปรดักชั่น เรื่องนี้เทียบได้กับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชื่อดัง มีความสมจริงตั้งแต่วิถีแวดล้อม บ้านไม้เรือนไทย ตลาด พระบรมมหาราชวัง ฉากรบยิ่งใหญ่ ทุ่มเททั้งบนบกและในน้ำ ฉากขึ้นครองราชย์สมบัติวิจิตรบรรจงอลังการงานสร้าง เสื้อผ้าคอสตูม งานดีงานละเอียดละเมียดละไม เซ็ทฉากท้องพระโรงได้เสมือนจริง วนถ่ายทั้งลาดหลุมแก้ว ศาลายา เมืองโบราณ และสถานที่จริงตามประวัติศาสตร์ ข้อมูลต่างๆ ทีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักพระราชวัง กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมมาให้คำปรึกษา บางฉากก็ได้มีการทำประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ เช่น ในฉากที่ต้องเผาทองลอกพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์นั้น ได้มีการสร้างพระพุทธรูปศรีสรรเพชญ์จำลองขึ้นมาใหม่ โดยหล่อออกมาด้วยขี้ผึ้ง แล้วปิดทองทับ ซึ่งในฉากนั้นจะพบว่า ในขณะที่พระพุทธรูปพระศรีสสเพชญ์ถูกเผา ทองได้ลอกออกเป็นน้ำตา เพื่อสื่อถึงความหมายของการสูญเสียในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในด้าน cg ระดมกำลังกันเกือบ 50 กว่าชีวิต ทีมงานถ่ายทำกันไม่ได้พักได้ผ่อน บางครั้งต้องกินอยู่หลับนอนกันในกอง ที่สำคัญเรื่องนี้อ.ศัลยา ผู้เขียนบท มีส่วนในการตัดต่อทุกขั้นตอน
นับเป็นละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่บางคนยกให้เป็นอันดับ 1 ในใจ และเป็นหนึ่งในละครที่ติดอันดับละครทุนสูงตลอดกาลครองไทย
ฟ้าใหม่ ที่สุดแห่งละครดีด้า ที่สุดแห่งตำนานความทุ่มทุนทุ่มเท อลังการงานสร้าง
บทประพันธ์ : ศุภร บุนนาค
บทโทรทัศน์ : ศัลยา
กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
อำนวยการสร้าง : ไพรัช สังวริบุตร
ผลิต : ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น
.
หากดาราวิดีโอ หวนให้นึกถึงคู่กรรมหรือสายโลหิต กล่าวถึงอาหลองชวนให้คิดถึงอังกอร์ ดีด้านั้นก็พาให้นึกถึงฟ้าใหม่เช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อปีพุทธศักราช 2547 ละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ ทุ่มทุนมหาศาลทางวิกหมอชิต มีกำหนดฉาย นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้าคับคั่ง เช่น ป๋อ ณัฐวุฒิ , อั้ม พัชราภา , ยุ้ย จีรนันท์ , บรู๊ค ดนุพร เป็นต้น รังสรรค์เขียนบทโดยบรมครู ศัลยา
กำกับการแสดงโดยผู้กำกับระดับบิ๊กปรมาจารย์ จรูญ ธรรมศิลป์ ได้รับกระแสตอบรับและเรตติ้งอย่างล้นหลาม
หากย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี 2545 บอสใหญ่แห่งดีด้า ลอร์ด สยม มี
โปรเจ็คหยิบนวนิยายระดับเฟิร์สคลาสดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ โดยมอบหมายให้ศัลยาเขียนบท ความยากของนวนิยายเรื่องนี้คือการดำเนินเรื่องในช่วงปลายอยุธยา - ต้นรัตนโกสินทร์ นับเป็นละครที่มีช่วงรัชสมัยเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ละครไทย และด้วยตัวนวนิยายมีความหนาถึง 1000+หน้า มีเหตุการณ์สำคัญมากมาย จึงเป็นหน้าที่ของผู้เขียนบทที่จะต้องย่อยเหตุการณ์พวกนี้ผ่านตัวละครและละครที่มีจำนวนตอนเพียง 9 ตอน
ในตัวบทเอง ก็ถือเป็นบทละครระดับคลาสสิค มีการเสนอมุมมองในหลายแง่มุม ยกตัวอย่าง หากเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ข้าศึกพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยา และทำลายเมืองกรุงทั้งเมือง กล่าวคือทำพม่าให้เป็นตัวร้าย แล้วมองตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่สำหรับละครเรื่องนี้ ไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดทั้งสิ้น ฝ่ายอยุธยาก็เลวร้าย ฝ่ายพม่าก็เลวร้ายเช่นเดียวกัน มากันในส่วนของตัวละคร ทุกตัวละครในเรื่องนี้ ไม่มีใครดีหรือชั่ว 100% แต่ทุกคนมี 2 ด้าน มีดีก็ต้องมีร้าย แม้กระทั่งพระเอกนางเอก และเป็นละครเพียงเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่กล้านำเสนอความจริง คือ พระอาการเสียจริตของพระเจ้าตากฯครั้นโดนปราบดาภิเษก อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาประวัติศาสตร์แบบจัดเต็มตั้งแต่ยุคสมัย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑
ในด้านของโปรดักชั่น เรื่องนี้เทียบได้กับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชื่อดัง มีความสมจริงตั้งแต่วิถีแวดล้อม บ้านไม้เรือนไทย ตลาด พระบรมมหาราชวัง ฉากรบยิ่งใหญ่ ทุ่มเททั้งบนบกและในน้ำ ฉากขึ้นครองราชย์สมบัติวิจิตรบรรจงอลังการงานสร้าง เสื้อผ้าคอสตูม งานดีงานละเอียดละเมียดละไม เซ็ทฉากท้องพระโรงได้เสมือนจริง วนถ่ายทั้งลาดหลุมแก้ว ศาลายา เมืองโบราณ และสถานที่จริงตามประวัติศาสตร์ ข้อมูลต่างๆ ทีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักพระราชวัง กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมมาให้คำปรึกษา บางฉากก็ได้มีการทำประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ เช่น ในฉากที่ต้องเผาทองลอกพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์นั้น ได้มีการสร้างพระพุทธรูปศรีสรรเพชญ์จำลองขึ้นมาใหม่ โดยหล่อออกมาด้วยขี้ผึ้ง แล้วปิดทองทับ ซึ่งในฉากนั้นจะพบว่า ในขณะที่พระพุทธรูปพระศรีสสเพชญ์ถูกเผา ทองได้ลอกออกเป็นน้ำตา เพื่อสื่อถึงความหมายของการสูญเสียในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในด้าน cg ระดมกำลังกันเกือบ 50 กว่าชีวิต ทีมงานถ่ายทำกันไม่ได้พักได้ผ่อน บางครั้งต้องกินอยู่หลับนอนกันในกอง ที่สำคัญเรื่องนี้อ.ศัลยา ผู้เขียนบท มีส่วนในการตัดต่อทุกขั้นตอน
นับเป็นละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่บางคนยกให้เป็นอันดับ 1 ในใจ และเป็นหนึ่งในละครที่ติดอันดับละครทุนสูงตลอดกาลครองไทย