เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งองค์กรกอล์ฟทัวร์ ต้องถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน พีจีเอ ทัวร์ จะฝ่าฝันวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร โชคชะตาในวันข้างหน้ามันได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หรือว่า การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างดุเดือดจะเป็นผู้กำหนด นี่คือสงครามโลกแห่งโลกกีฬาครั้งใหญ่ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นักวิเคราะห์กอล์ฟคนหนึ่ง ถึงกับคร่ำครวญเมื่อเขาได้เห็น ฟิล ทีออฟหลุมแรกในปฐมรายการของลีกคู่แข่งว่า
นี่คือวันแห่งความโศกเศร้าที่สุดของวงการกอล์ฟอเมริกา
หลายสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในโลกยุคนี้ แต่มันก็เกิดขึ้น ทั้งสถานการณ์โควิด หรือแม้กระทั้งสงคราม
ระหว่างยูเครน-รัสเซีย ที่ปริ่มๆจะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกเต็มรูปแบบ ล่าสุดในวงการกีฬากอล์ฟ กับการ
กำเนิดขึ้นของ Liv Golf ที่ตอนแรกหลายคนสบประมาท รอรี แม็กอิลรอยบอกว่า มันแท้งตายตั้งแต่ยังไม่ลืมตา
มองโลก แต่แล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา LIV Golf Invitational Series London หนึ่งในแปดทัวร์นาเมนต์ของ
ลีฟกอล์ฟซีรีส์ของปีนี้ ก็ตอกเสาเข็มลงพื้น ground breaking แล้วที่สนาม Centurion Club ชานกรุงลอนดอน
เรียบร้อยโรงเรียนอังกฤษไปแล้ว ด้วยปรากฏการณ์ที่สร้างความแปลกใหม่ เรียกเสียงว๊าวจากแฟนกอล์ฟได้พอสมควร
ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และงานด้านโปรดักชั้นในการนำเสนอ ที่เรียกได้ว่าแหวกกฎเกณฑ์เดิมของกอล์ฟไปเลย โดยเฉพาะ
เงินรางวัลจำนวนมหาศาล ที่ว่ากันว่า มันมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าอาวุธใดๆที่โลกนี้มี โดยแชมป์ในประเภทบุคคลจะได้
ไปถึง 4 ล้านเหรียญ แม้อันดับบ๊วยยังได้ไปถึง 1.20 แสนเหรียญ เท่ากับหรือใกล้เคียงกับรางวัลของแชมป์แอลพีจีเอเลย
ทีเดียว
พีจีเอทัวร์ตอนนี้ ไม่แตกต่างอะไรจากกรุงโรมเมื่อเกือบสองพันปีที่แล้ว ที่เมื่อผ่านยุครุ่งเรืองถึงขีดสุด ความเสื่อมถ่อยก็มา
เยือน แม้นักประวัติศาสตร์จะบอกว่า การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันจากสาเหตุหลายๆประการ ทั้งการรุกรานจากภายนอก
การต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายใน การเปลี่ยนแปลงทางศาสนา และสาเหตุที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพของการบริหารราชการงานเมือง
แต่สาเหตุที่หลายคนไม่นับว่ามันเป็นสาเหตุ คือ เวลา เวลาคือตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พีจีเอทัวร์ ก่อตั้งมาแล้วกว่าห้า
สิบปี (ก่อตั้งปี 1968) เดินหน้าเติบโตมาโดยตลอด เป็นทัวร์อันดับหนึ่งของโลก ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกด้านแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถึงจุด
หนึ่ง ย่อมหนีวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลงไม่พ้นเช่นกัน
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า จุดเริ่มต้นมาจากกระแสการก่อตั้ง Super Golf League ที่เชื่อกันว่าคือลีกกอล์ฟ
ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ลงทุน โดยมี LIV Golf Investments ที่ เกร็ก นอร์แมน นักกอล์ฟรุ่นเดอะ
วงการกอล์ฟโลกและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพีจีเอมาเกือบสามทศวรรษ เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ รับหน้าที่
บริหารลีกกอล์ฟใหม่นี้ จากนั้นก็มีกระแสข่าวการซื้อตัวนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของพีจีเอทัวร์ พร้อมการ
เสนอเงินจำนวนมหาศาลเป็นค่าเซ็นสัญญาเข้ามาเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิล มิกเคลสัน ที่จะได้ค่าตัวมาก
ถึง 200 ล้านเหรียญ หรือ ดัสติน จอห์นสันที่ได้รับ 125 ล้านเหรียญ แม้แต่ เควิน นา นักกอล์ฟระดับกลางๆ
ก็จะได้รับถึง 34 ล้านเหรียญ กระแสพลังดูดนี้ยังรวมถึง แจ็ค นิคลอส ซึ่งก็ได้รับทาบทามให้ไปเป็นคอมเมนเตเตอร์
ด้วยเงินร้อยล้านดอลลาร์ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายแหล่งข่าวบอกกันว่า แม้แต่ไทเกอร์ ก็ได้รับการทาบ
ทามเช่นกัน พร้อมกับจำนวนเม็ดเงินที่น่าจะเป็นงบประมาณของโครงการระดับชาติ มากกว่าค่าตัวนักกีฬา นั้นคือ
high nine figure (แปลตามคำ ตัวเลขเก้าหลักและนำหน้าด้วยตัวเลขสูงๆ) ลองประมาณกันเอาเองครับ
ถึงเวลานี้ มีนักกอล์ฟจากพีจีเอทัวร์เข้าร่วม ลีฟกอล์ฟ แล้วทั้งหมด19 คนโดย 17 คนได้ลงแข่งขันในรายการแรกที่
ลอนดอนด้วย ส่วนอีกสองคนก็ประกาศตัวอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะลงในรายการหน้า ที่พอร์ทแลนด์ คือ ดีแชมโบ
และแพททริก รีด นอกจากนี้ยังมีนักกอล์ฟในทัวร์อีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังตัดสินใจ หรือบางคนตัดสินใจแล้ว แต่รอ
ประกาศตัว แต่ส่วนใหญ่กำลังประเมินดูผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งคาดว่าทางพีจีเอทัวร์คงต่อสู้อย่างหนัก ที่จะรักษา
นักกอล์ฟสมาชิก และที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ อนาคตของพีจีเอทัวร์ เอง
ทันทีที่ ฟิล มิกเคลสัน ตีทีช็อตออกไป เจย์ โมนาแฮน ข้าหลวงใหญ่ของพีจีเอทัวร์ ก็ออกประกาศอย่างเป็นทางการ
ว่าด้วยบทลงโทษและมาตรการลงโทษนักกอล์ฟจำนวน 17 คนจากพีจีเอ ทัวร์ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน
LIV Golf Invitational Series London ซึ่งมีชื่อไล่ไปตั้งแต่ ฟิล มิกเคลสัน ดัสติน จอห์นสัน ไปจนถึง เอียน โพลเตอร์
ลี เวสต์วูด และ เซอร์จิโอ การเซีย บทลงโทษมีตั้งแต่ การห้ามเข้าร่วมการแข่งขันรายการของพีจีเอ ทัวร์ทั้งหมด อย่าง
ไม่มีกำหนด รวมไปถึง ห้ามเข้าร่วมรายการ เพรสิเดนท์ คัพด้วย
เมื่อฟิลถูกนักข่าวถามถึงความรู้สึกจากมาตรการลงโทษครั้งนี้ ฟิลถึงกับชะงักไปสิบกว่าวินาที ก่อนเอ๋ยปากตอบว่า
“ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พีจีเอทัวร์ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงในที่สาธารณะ” ในขณะที่เอียนโพลเตอร์ นักกอล์ฟ
ตัวหลักในไรเดอร์คัพของทีมยุโรป ก็ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอนว่าผมจะต้องอุธรณ์ เพราะมันไม่สมเหตุสมผล
มันเป็นสิทธิของผมที่จะไปแข่งขันที่ไหนก็ได้ในโลก ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องมีใครมาห้ามหรือขัดขวาง” หรือ
ล่าสุด การ์เซียก็ออกมาพูดต่อกรณีนี้ว่า ตัวเขาได้ยื่นใบลาออกจากทัวร์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้นประกาศดังกล่าว
จึงไม่มีผลสำหรับเขาแต่อย่างใด
การออกประกาศดังกล่าวของพีจีเอ ทัวร์ ยังครอบคลุมไปถึงการห้ามนักกอล์ฟในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังได้บอกต่อว่า
นักกอล์ฟที่ถูกลงโทษจะถูกถอดชื่อออกจาก อันดับสะสมคะแนนเฟดเอ็กซ์อีกด้วย
ประกาศของพีจีเอดังกล่าว ได้สร้างความลำบากใจให้กับองค์กรกอล์ฟโลกอีกหลายๆภาคส่วนตามมา ไม่ว่าจะเป็นองค์
กรผู้จัด(เจ้าของ)การแข่งขันรายการเมเจอร์ต่างๆ ที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ว่าจะร่วมแบนนักกอล์ฟเหล่านี้หรือไม่
แม้ล่าสุด USGA จะประกาศออกมาแล้วว่า จะไม่แบนนักกอล์ฟเหล่านี้ใน US Open ในสัปดาห์หน้า ส่วนอีกสามเมเจอร์
ก็ยังพอมีเวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แต่สำหรับเดอะมาสเตอร์ของออกัสตา เนชันแนล มีข่าวเล็ดลอดออกมาแล้วว่า
จะร่วมกับพีจีเอ ทัวร์ในการแซงชันนักกอล์ฟเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ ความสับสนอลหม่านยังตกไปถึงอีกหลายๆภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็น OWGR รวมไปถึงภาคธุรกิจเอกชนที่เป็นสปอนเซอร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาบรอดแคสเตอร์
ช่องทีวีต่างๆ หรือแม้กระทั้งองค์กรที่ดูแลด้านสถิติและมาตรฐานต่างๆ
ณ เวลานี้เชื่อว่า ทั้งสององค์กร PGA Tour และ Liv Golf ยังคงพยายามใช้ทุกกลยุทธิ์ในการห้ำหั่นต่อสู้กันครั้งนี้ แม้ลีฟกอล์ฟ
จะมีเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ฝ่ายพีจีเอทัวร์ก็สู้ยิบตา และยังได้ความร่วมมือจากหลายๆฝ่ายในประเทศ โดยเฉพาะบรรดา
อินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย ที่สามัคคีกันมาร่วมปกป้องอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่ในที่สุด หลายประเด็นคงจะต้องตามมา
ด้วยการฟ้องร้องทางกฎหมาย และต้องไปจบกันในศาล
ในฐานะที่เป็นแฟนกอล์ฟคนหนึ่งและไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงแต่อย่างใด ยังมองไม่ออกว่า สุดท้ายแล้วสงครามครั้งนี้จะจบลง
อย่างไร ที่จริงหากจะมองว่า มันคือความงดงามของการแข่งขัน กีฬาก็คือธุรกิจรูปแบบหนึ่ง หรือว่ามันคือการเปิดกว้างทางโอกาส
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักกอล์ฟทั่วโลก ก็มองได้ แต่ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรพีจีเอ ทัวร์ หรือเอาแค่หากเราเป็นคนอเมริกัน
คนหนึ่ง เราย่อมมองได้ว่า PGA Tour คือสมบัติชาติ ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา เพราะมันเป็นสถาบันที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์
ควรค่าแก่การอนุรักษ์ มีตำนาน เกียรติยศ และความยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ถึงวันหนึ่งที่มันจะต้องถูกด้อยค่าลง เป็นเราก็คงทำใจ
ลำบากเช่นกัน
แต่ถึงที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงย่อมชนะทุกสรรพสิ่ง แม้นักประวัติศาสตร์ที่เก่งที่สุด ศึกษาและเข้าใจซากปรักหักพังได้อย่าง
ลึกซึ้งที่สุด แต่นักประวัติศาสตร์จะไม่มีวันเข้าใจถึงความรู้สึกสูญเสียของคนที่อยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงได้
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
PGA Tour vs Liv Golf การแข่งขันที่งดงาม หรือ สงครามทำลายล้าง
เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งองค์กรกอล์ฟทัวร์ ต้องถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน พีจีเอ ทัวร์ จะฝ่าฝันวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร โชคชะตาในวันข้างหน้ามันได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หรือว่า การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างดุเดือดจะเป็นผู้กำหนด นี่คือสงครามโลกแห่งโลกกีฬาครั้งใหญ่ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นักวิเคราะห์กอล์ฟคนหนึ่ง ถึงกับคร่ำครวญเมื่อเขาได้เห็น ฟิล ทีออฟหลุมแรกในปฐมรายการของลีกคู่แข่งว่า
นี่คือวันแห่งความโศกเศร้าที่สุดของวงการกอล์ฟอเมริกา
หลายสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในโลกยุคนี้ แต่มันก็เกิดขึ้น ทั้งสถานการณ์โควิด หรือแม้กระทั้งสงคราม
ระหว่างยูเครน-รัสเซีย ที่ปริ่มๆจะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกเต็มรูปแบบ ล่าสุดในวงการกีฬากอล์ฟ กับการ
กำเนิดขึ้นของ Liv Golf ที่ตอนแรกหลายคนสบประมาท รอรี แม็กอิลรอยบอกว่า มันแท้งตายตั้งแต่ยังไม่ลืมตา
มองโลก แต่แล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา LIV Golf Invitational Series London หนึ่งในแปดทัวร์นาเมนต์ของ
ลีฟกอล์ฟซีรีส์ของปีนี้ ก็ตอกเสาเข็มลงพื้น ground breaking แล้วที่สนาม Centurion Club ชานกรุงลอนดอน
เรียบร้อยโรงเรียนอังกฤษไปแล้ว ด้วยปรากฏการณ์ที่สร้างความแปลกใหม่ เรียกเสียงว๊าวจากแฟนกอล์ฟได้พอสมควร
ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และงานด้านโปรดักชั้นในการนำเสนอ ที่เรียกได้ว่าแหวกกฎเกณฑ์เดิมของกอล์ฟไปเลย โดยเฉพาะ
เงินรางวัลจำนวนมหาศาล ที่ว่ากันว่า มันมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าอาวุธใดๆที่โลกนี้มี โดยแชมป์ในประเภทบุคคลจะได้
ไปถึง 4 ล้านเหรียญ แม้อันดับบ๊วยยังได้ไปถึง 1.20 แสนเหรียญ เท่ากับหรือใกล้เคียงกับรางวัลของแชมป์แอลพีจีเอเลย
ทีเดียว
พีจีเอทัวร์ตอนนี้ ไม่แตกต่างอะไรจากกรุงโรมเมื่อเกือบสองพันปีที่แล้ว ที่เมื่อผ่านยุครุ่งเรืองถึงขีดสุด ความเสื่อมถ่อยก็มา
เยือน แม้นักประวัติศาสตร์จะบอกว่า การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันจากสาเหตุหลายๆประการ ทั้งการรุกรานจากภายนอก
การต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายใน การเปลี่ยนแปลงทางศาสนา และสาเหตุที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพของการบริหารราชการงานเมือง
แต่สาเหตุที่หลายคนไม่นับว่ามันเป็นสาเหตุ คือ เวลา เวลาคือตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พีจีเอทัวร์ ก่อตั้งมาแล้วกว่าห้า
สิบปี (ก่อตั้งปี 1968) เดินหน้าเติบโตมาโดยตลอด เป็นทัวร์อันดับหนึ่งของโลก ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกด้านแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถึงจุด
หนึ่ง ย่อมหนีวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลงไม่พ้นเช่นกัน
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า จุดเริ่มต้นมาจากกระแสการก่อตั้ง Super Golf League ที่เชื่อกันว่าคือลีกกอล์ฟ
ที่มีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ลงทุน โดยมี LIV Golf Investments ที่ เกร็ก นอร์แมน นักกอล์ฟรุ่นเดอะ
วงการกอล์ฟโลกและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพีจีเอมาเกือบสามทศวรรษ เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ รับหน้าที่
บริหารลีกกอล์ฟใหม่นี้ จากนั้นก็มีกระแสข่าวการซื้อตัวนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของพีจีเอทัวร์ พร้อมการ
เสนอเงินจำนวนมหาศาลเป็นค่าเซ็นสัญญาเข้ามาเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิล มิกเคลสัน ที่จะได้ค่าตัวมาก
ถึง 200 ล้านเหรียญ หรือ ดัสติน จอห์นสันที่ได้รับ 125 ล้านเหรียญ แม้แต่ เควิน นา นักกอล์ฟระดับกลางๆ
ก็จะได้รับถึง 34 ล้านเหรียญ กระแสพลังดูดนี้ยังรวมถึง แจ็ค นิคลอส ซึ่งก็ได้รับทาบทามให้ไปเป็นคอมเมนเตเตอร์
ด้วยเงินร้อยล้านดอลลาร์ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายแหล่งข่าวบอกกันว่า แม้แต่ไทเกอร์ ก็ได้รับการทาบ
ทามเช่นกัน พร้อมกับจำนวนเม็ดเงินที่น่าจะเป็นงบประมาณของโครงการระดับชาติ มากกว่าค่าตัวนักกีฬา นั้นคือ
high nine figure (แปลตามคำ ตัวเลขเก้าหลักและนำหน้าด้วยตัวเลขสูงๆ) ลองประมาณกันเอาเองครับ
ถึงเวลานี้ มีนักกอล์ฟจากพีจีเอทัวร์เข้าร่วม ลีฟกอล์ฟ แล้วทั้งหมด19 คนโดย 17 คนได้ลงแข่งขันในรายการแรกที่
ลอนดอนด้วย ส่วนอีกสองคนก็ประกาศตัวอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะลงในรายการหน้า ที่พอร์ทแลนด์ คือ ดีแชมโบ
และแพททริก รีด นอกจากนี้ยังมีนักกอล์ฟในทัวร์อีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังตัดสินใจ หรือบางคนตัดสินใจแล้ว แต่รอ
ประกาศตัว แต่ส่วนใหญ่กำลังประเมินดูผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งคาดว่าทางพีจีเอทัวร์คงต่อสู้อย่างหนัก ที่จะรักษา
นักกอล์ฟสมาชิก และที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ อนาคตของพีจีเอทัวร์ เอง
ทันทีที่ ฟิล มิกเคลสัน ตีทีช็อตออกไป เจย์ โมนาแฮน ข้าหลวงใหญ่ของพีจีเอทัวร์ ก็ออกประกาศอย่างเป็นทางการ
ว่าด้วยบทลงโทษและมาตรการลงโทษนักกอล์ฟจำนวน 17 คนจากพีจีเอ ทัวร์ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน
LIV Golf Invitational Series London ซึ่งมีชื่อไล่ไปตั้งแต่ ฟิล มิกเคลสัน ดัสติน จอห์นสัน ไปจนถึง เอียน โพลเตอร์
ลี เวสต์วูด และ เซอร์จิโอ การเซีย บทลงโทษมีตั้งแต่ การห้ามเข้าร่วมการแข่งขันรายการของพีจีเอ ทัวร์ทั้งหมด อย่าง
ไม่มีกำหนด รวมไปถึง ห้ามเข้าร่วมรายการ เพรสิเดนท์ คัพด้วย
เมื่อฟิลถูกนักข่าวถามถึงความรู้สึกจากมาตรการลงโทษครั้งนี้ ฟิลถึงกับชะงักไปสิบกว่าวินาที ก่อนเอ๋ยปากตอบว่า
“ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พีจีเอทัวร์ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงในที่สาธารณะ” ในขณะที่เอียนโพลเตอร์ นักกอล์ฟ
ตัวหลักในไรเดอร์คัพของทีมยุโรป ก็ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอนว่าผมจะต้องอุธรณ์ เพราะมันไม่สมเหตุสมผล
มันเป็นสิทธิของผมที่จะไปแข่งขันที่ไหนก็ได้ในโลก ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องมีใครมาห้ามหรือขัดขวาง” หรือ
ล่าสุด การ์เซียก็ออกมาพูดต่อกรณีนี้ว่า ตัวเขาได้ยื่นใบลาออกจากทัวร์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้นประกาศดังกล่าว
จึงไม่มีผลสำหรับเขาแต่อย่างใด
การออกประกาศดังกล่าวของพีจีเอ ทัวร์ ยังครอบคลุมไปถึงการห้ามนักกอล์ฟในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังได้บอกต่อว่า
นักกอล์ฟที่ถูกลงโทษจะถูกถอดชื่อออกจาก อันดับสะสมคะแนนเฟดเอ็กซ์อีกด้วย
ประกาศของพีจีเอดังกล่าว ได้สร้างความลำบากใจให้กับองค์กรกอล์ฟโลกอีกหลายๆภาคส่วนตามมา ไม่ว่าจะเป็นองค์
กรผู้จัด(เจ้าของ)การแข่งขันรายการเมเจอร์ต่างๆ ที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ว่าจะร่วมแบนนักกอล์ฟเหล่านี้หรือไม่
แม้ล่าสุด USGA จะประกาศออกมาแล้วว่า จะไม่แบนนักกอล์ฟเหล่านี้ใน US Open ในสัปดาห์หน้า ส่วนอีกสามเมเจอร์
ก็ยังพอมีเวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แต่สำหรับเดอะมาสเตอร์ของออกัสตา เนชันแนล มีข่าวเล็ดลอดออกมาแล้วว่า
จะร่วมกับพีจีเอ ทัวร์ในการแซงชันนักกอล์ฟเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ ความสับสนอลหม่านยังตกไปถึงอีกหลายๆภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็น OWGR รวมไปถึงภาคธุรกิจเอกชนที่เป็นสปอนเซอร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาบรอดแคสเตอร์
ช่องทีวีต่างๆ หรือแม้กระทั้งองค์กรที่ดูแลด้านสถิติและมาตรฐานต่างๆ
ณ เวลานี้เชื่อว่า ทั้งสององค์กร PGA Tour และ Liv Golf ยังคงพยายามใช้ทุกกลยุทธิ์ในการห้ำหั่นต่อสู้กันครั้งนี้ แม้ลีฟกอล์ฟ
จะมีเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ฝ่ายพีจีเอทัวร์ก็สู้ยิบตา และยังได้ความร่วมมือจากหลายๆฝ่ายในประเทศ โดยเฉพาะบรรดา
อินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย ที่สามัคคีกันมาร่วมปกป้องอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่ในที่สุด หลายประเด็นคงจะต้องตามมา
ด้วยการฟ้องร้องทางกฎหมาย และต้องไปจบกันในศาล
ในฐานะที่เป็นแฟนกอล์ฟคนหนึ่งและไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงแต่อย่างใด ยังมองไม่ออกว่า สุดท้ายแล้วสงครามครั้งนี้จะจบลง
อย่างไร ที่จริงหากจะมองว่า มันคือความงดงามของการแข่งขัน กีฬาก็คือธุรกิจรูปแบบหนึ่ง หรือว่ามันคือการเปิดกว้างทางโอกาส
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักกอล์ฟทั่วโลก ก็มองได้ แต่ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรพีจีเอ ทัวร์ หรือเอาแค่หากเราเป็นคนอเมริกัน
คนหนึ่ง เราย่อมมองได้ว่า PGA Tour คือสมบัติชาติ ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา เพราะมันเป็นสถาบันที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์
ควรค่าแก่การอนุรักษ์ มีตำนาน เกียรติยศ และความยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ถึงวันหนึ่งที่มันจะต้องถูกด้อยค่าลง เป็นเราก็คงทำใจ
ลำบากเช่นกัน
แต่ถึงที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงย่อมชนะทุกสรรพสิ่ง แม้นักประวัติศาสตร์ที่เก่งที่สุด ศึกษาและเข้าใจซากปรักหักพังได้อย่าง
ลึกซึ้งที่สุด แต่นักประวัติศาสตร์จะไม่มีวันเข้าใจถึงความรู้สึกสูญเสียของคนที่อยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงได้
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙