สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ยื่นกู้บ้านเดี่ยว 110% กับธ.เกียรตินาคิน และ ธ.กรุงไทย หน่อยนะคะ เนื่องจากตอนที่เราหาข้อมูลเพื่อจะเลือกธนาคารพบว่าข้อมูลในนี้มีค่อนข้างน้อย จึงอยากแชร์ข้อมูลส่วนหนึ่งเผื่อให้ผู้ที่กำลังสนใจจะกู้ขอสินเชื่อบ้านแบบ 110% ได้เข้ามาศึกษาเพิ่มเติม
เรากับแฟนอายุ 30 ปี เราทั้งคู่ทำงานประจำ ตัวเราเองมีรายได้ 35K+ ต่อเดือน ส่วนแฟนมีรายได้ 20K ต่อเดือน (แฟนไม่มี OT เลย)
ตัวเราเองไม่มีหนี้สิน (ก่อนหน้านี้มีประมาณ 200K เคลียร์หมดแล้วทั้งหนี้รถและบัตรเครดิต) ตอนยื่นกู้มีภาระหนี้อย่างเดียวคือรถของแฟนที่ผ่อนเดือนละ 8500 บาท (เหลืออีก 2 ปี ครึ่ง)
บ้านที่เรายื่นกู้ขอสินเชื่อ 3.6x ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่แถวสมุทรปราการ
ก่อนจะตัดสินใจเลือกธนาคาร เรามีโจทย์ว่าต้องเลือกธนาคารที่ให้ 110% เพราะเราทั้งคู่ไม่มีเงินเก็บ (เนื่องจากเราต้องนำไปปิดรถยนต์และบัตรเครดิต) ถ้าได้แค่ 100% เราจะมีแค่บ้านเปล่าๆ ไม่มีเงินตกแต่งหรือซื้อเฟอร์เลย เราก็ได้สอบถามไปทางเซลล์โครงการว่าธนาคารไหนให้ 110% บ้าง ก็ได้คำตอบมาว่ามีธนาคารไหนบ้าง ประมาณ 4-5 ธนาคาร เราก็ไปหาข้อมูล (ที่มีให้หาอยู่น้อยนิด) ว่าเงื่อนไขแต่ละธนาคารมีข้อดีข้อเสียยังไง บางธนาคารเราก็เข้าไปถามถึงสาขาเลย จนเหลือ 2 ตัวเลือกคือ กรุงไทย กับ เกียรตินาคิน จึงได้แจ้งกับเซลล์ไปว่าจะขอยื่นกู้กับ 2 ธนาคารนี้ และที่สำคัญทั้งสองธนาคารนี้ไม่ได้บังคับให้ทำประกัน (MRTA)
หลังนัดยื่นเอกสารกับทางธนาคาร 1 สัปดาห์ถัดมาก็ทราบผลว่าสินเชื่ออนุมัติ (ผ่าน) ทั้งสองธนาคาร (กรุงไทยแจ้งผลอนุมัติไวกว่าเกียรตินาคิน 2-3 วัน) ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้ฟังว่าทั้งสองธนาคารที่อนุมัติสินเชื่อบ้าน 110% แตกต่างกันอย่างไร
1. วงเงินสินเชื่อ
KTB : 110% (วงเงินบ้าน 100% + วงเงินอเนกประสงค์ 10%)
KKP : 110% (วงเงินบ้าน 100% + วงเงินอเนกประสงค์ 10%)
2. รูปแบบของวงเงิน 10% ที่จะได้รับ
KTB : เราต้องซื้อหรือจ่ายค่าสินค้าหรือค่าตกแต่งต่อเติมไปก่อน (จ่ายได้ทั้งเงินสดหรือรูดบัตรเครดิต) แล้วค่อยนำใบเสร็จไปเบิกเงินในวงเงิน 10% ที่อนุมัติ โดยต้องนำไปเบิกที่ธนาคาร (ข้อดีคือใช้ไปเท่าไหร่ เสียดอกเบี้ยแค่ยอดนั้น ใช้ไปไม่ครบ 10% ก็เสียดอกเบี้ยน้อยลง)
KKP : ให้เป็นเงินก้อน 10% ตามที่ควรได้ โดยวงเงินนี้ให้เราไปบริหารจัดการเอง ทำให้เรามีเงินสดไปจ่ายค่าตกแต่งต่อเติม หรือนำไปซื้อเฟอร์ได้เลย ไม่ต้องนำใบเสร็จไปยื่น (ข้อดีคือได้เป็นเงินก้อนเข้าบัญชีมาเลย)
3. ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม
KTB : ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม 10% = MRR-1% (แพงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 100% ค่อนข้างมาก)
KKP : ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม 10% เป็นดอกเบี้ยเรทเดียวกับตัวบ้าน 100%
4. การโปะเงินต้น
KTB : ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สามารถจ่ายเพิ่มในแอปพลิเคชั่นได้ ต้องแจ้งจ่ายเพิ่มผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคาร
KKP : จ่ายเพิ่มผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย ตามแต่สะดวก ไม่ต้องเข้าไปที่ธนาคาร
5. ความน่าเชื่อถือ / การเป็นที่รู้จักของธนาคาร / สาขา
KTB : เชื่อถือได้ 100% เป็นธนาคารใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ได้ยินมาตั้งแต่เกิด สาขามีเยอะมากทั่วทั้งประเทศ
KKP : ความน่าเชื่อถือแล้วแต่คนจะมอง ขอสารภาพว่าเพิ่งรู้จักธนาคารนี้ตอนที่เซลล์บอก สาขาไม่ค่อยเยอะ บางจังหวัดไม่มีธนาคารนี้เลย
จากข้อมูลข้างต้น ถ้าเป็นเพื่อนๆจะเลือกธนาคารไหนกันคะ ส่วนตัวเราเลือกแล้ว และนัดทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่นัดโอนกรรมสิทธิ์
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามอะไรเพิ่มเติม คอมเม้นต์มาได้นะคะ ถ้าเราตอบได้จะมาตอบให้ค่ะ
แชร์ประสบการณ์ยื่นกู้บ้านเดี่ยววงเงิน 110% กับธ.เกียรตินาคิน (KKP) และ ธ.กรุงไทย (KTB)
เรากับแฟนอายุ 30 ปี เราทั้งคู่ทำงานประจำ ตัวเราเองมีรายได้ 35K+ ต่อเดือน ส่วนแฟนมีรายได้ 20K ต่อเดือน (แฟนไม่มี OT เลย)
ตัวเราเองไม่มีหนี้สิน (ก่อนหน้านี้มีประมาณ 200K เคลียร์หมดแล้วทั้งหนี้รถและบัตรเครดิต) ตอนยื่นกู้มีภาระหนี้อย่างเดียวคือรถของแฟนที่ผ่อนเดือนละ 8500 บาท (เหลืออีก 2 ปี ครึ่ง)
บ้านที่เรายื่นกู้ขอสินเชื่อ 3.6x ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่แถวสมุทรปราการ
ก่อนจะตัดสินใจเลือกธนาคาร เรามีโจทย์ว่าต้องเลือกธนาคารที่ให้ 110% เพราะเราทั้งคู่ไม่มีเงินเก็บ (เนื่องจากเราต้องนำไปปิดรถยนต์และบัตรเครดิต) ถ้าได้แค่ 100% เราจะมีแค่บ้านเปล่าๆ ไม่มีเงินตกแต่งหรือซื้อเฟอร์เลย เราก็ได้สอบถามไปทางเซลล์โครงการว่าธนาคารไหนให้ 110% บ้าง ก็ได้คำตอบมาว่ามีธนาคารไหนบ้าง ประมาณ 4-5 ธนาคาร เราก็ไปหาข้อมูล (ที่มีให้หาอยู่น้อยนิด) ว่าเงื่อนไขแต่ละธนาคารมีข้อดีข้อเสียยังไง บางธนาคารเราก็เข้าไปถามถึงสาขาเลย จนเหลือ 2 ตัวเลือกคือ กรุงไทย กับ เกียรตินาคิน จึงได้แจ้งกับเซลล์ไปว่าจะขอยื่นกู้กับ 2 ธนาคารนี้ และที่สำคัญทั้งสองธนาคารนี้ไม่ได้บังคับให้ทำประกัน (MRTA)
หลังนัดยื่นเอกสารกับทางธนาคาร 1 สัปดาห์ถัดมาก็ทราบผลว่าสินเชื่ออนุมัติ (ผ่าน) ทั้งสองธนาคาร (กรุงไทยแจ้งผลอนุมัติไวกว่าเกียรตินาคิน 2-3 วัน) ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้ฟังว่าทั้งสองธนาคารที่อนุมัติสินเชื่อบ้าน 110% แตกต่างกันอย่างไร
1. วงเงินสินเชื่อ
KTB : 110% (วงเงินบ้าน 100% + วงเงินอเนกประสงค์ 10%)
KKP : 110% (วงเงินบ้าน 100% + วงเงินอเนกประสงค์ 10%)
2. รูปแบบของวงเงิน 10% ที่จะได้รับ
KTB : เราต้องซื้อหรือจ่ายค่าสินค้าหรือค่าตกแต่งต่อเติมไปก่อน (จ่ายได้ทั้งเงินสดหรือรูดบัตรเครดิต) แล้วค่อยนำใบเสร็จไปเบิกเงินในวงเงิน 10% ที่อนุมัติ โดยต้องนำไปเบิกที่ธนาคาร (ข้อดีคือใช้ไปเท่าไหร่ เสียดอกเบี้ยแค่ยอดนั้น ใช้ไปไม่ครบ 10% ก็เสียดอกเบี้ยน้อยลง)
KKP : ให้เป็นเงินก้อน 10% ตามที่ควรได้ โดยวงเงินนี้ให้เราไปบริหารจัดการเอง ทำให้เรามีเงินสดไปจ่ายค่าตกแต่งต่อเติม หรือนำไปซื้อเฟอร์ได้เลย ไม่ต้องนำใบเสร็จไปยื่น (ข้อดีคือได้เป็นเงินก้อนเข้าบัญชีมาเลย)
3. ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม
KTB : ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม 10% = MRR-1% (แพงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 100% ค่อนข้างมาก)
KKP : ดอกเบี้ยวงเงินที่กู้เพิ่ม 10% เป็นดอกเบี้ยเรทเดียวกับตัวบ้าน 100%
4. การโปะเงินต้น
KTB : ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สามารถจ่ายเพิ่มในแอปพลิเคชั่นได้ ต้องแจ้งจ่ายเพิ่มผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคาร
KKP : จ่ายเพิ่มผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย ตามแต่สะดวก ไม่ต้องเข้าไปที่ธนาคาร
5. ความน่าเชื่อถือ / การเป็นที่รู้จักของธนาคาร / สาขา
KTB : เชื่อถือได้ 100% เป็นธนาคารใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ได้ยินมาตั้งแต่เกิด สาขามีเยอะมากทั่วทั้งประเทศ
KKP : ความน่าเชื่อถือแล้วแต่คนจะมอง ขอสารภาพว่าเพิ่งรู้จักธนาคารนี้ตอนที่เซลล์บอก สาขาไม่ค่อยเยอะ บางจังหวัดไม่มีธนาคารนี้เลย
จากข้อมูลข้างต้น ถ้าเป็นเพื่อนๆจะเลือกธนาคารไหนกันคะ ส่วนตัวเราเลือกแล้ว และนัดทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่นัดโอนกรรมสิทธิ์
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามอะไรเพิ่มเติม คอมเม้นต์มาได้นะคะ ถ้าเราตอบได้จะมาตอบให้ค่ะ