อีกไม่กี่ปี จะเกิดการโอนมรดกครั้งยิ่งใหญ่ พวกเราจะทำยังไงกันต่อครับ?

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เริ่มมีการพูดถึงการโอนมรดกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติกันแล้วนะครับ
ไม่เฉพาะแค่ในไทย กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ทั่วโลกกำลังเริ่มทยอยโอนสินทรัพย์ให้ลูกหลาน ที่เป็น Gen X Gen Y และ Gen Z กันแล้ว

อายุเฉลี่ยคนไทย คือประมาณ 75 ปี ไม่ช้าก็เร็ว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็จะตกอยู่ในกำมือพวกเรา ฮ่า ๆ ๆ
ลองนึกดูนะครับ สมบัติสมัยเจ้าคุณปู่ บางคนหลักแสน บางคนหลักสิบล้าน ร้อยล้าน โอย...จะเป็นลม

กลุ่มเบบี้บูมเมอร์เป็นพวกเก็บเงินเก่ง แต่ใช้ไม่เก่ง
พวกเค้าเก็บเงินกันเป็นสิบ เป็นร้อยล้าน เพราะกลัวไม่มีเงินใช้ยามแก่ แต่ดันใช้เงินไม่ทัน
สุดท้ายทรัพย์สมบัติก้อนโต ตกกับทายาทอย่างพวกเราเต็มๆ
 
รู้มั้ยครับว่าที่ดินแพงขึ้น 72 เท่า นับจากปี 2528
ส่วนทองบาทละ 800 เมื่อ 40 ปีก่อน แต่ตอนนี้ ปาเข้าไป 30,000 !! แม่เจ้า
ผมก็เพิ่งรู้จากกูเกิ้ลเหมือนกันนี่แหละคร้าบ

ผมไม่รู้ตัวเลขของไทย คือกี่เปอร์เซ็นต์นะ
แต่ดูจากเว็บฝรั่ง เค้าบอกว่า เบบี้บูมเมอร์แค่ 19% เท่านั้น ที่ไม่เหลือมรดกใดๆ ให้ลูกหลานเลย
นี่แปลว่า คนส่วนใหญ่จะได้รับมรดกไม่มากก็น้อยนะครับ

บางคนโชคดี ได้มรดกมากพอ จนอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน (เพราะเบบี้บูมเมอร์ใช้แต่ดอกเบี้ย เงินต้นเลยอยู่ครบ)
หรือบางคน อยู่ได้โดยแค่ทำงานพาร์ทไทม์
ไม่ว่ายังไง พวกเราหลายคน จะมีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น
แถมพวกเราหลายคนไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ที่ใช้เงินกระมิดกระเมี้ยน
Gen Y Gen Z หลายคน ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก
พวกเราใช้เงินปรนเปรอกิเลส แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจผ่านกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
ส่วนคนที่มีลูก ก็มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้

พวกเราคิดยังไงกันบ้างครับ?
หลังรับมรดก จะทำอะไรกันต่อดีครับ?

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
วันนี้ ดิฉันอายุ 77 ปี  โอนทรัพย์สินทั้งหมดเป็นชื่อลูกชายคนเดียวหมดแล้ว

บัญชีที่ยังไม่ได้โอน  ลูกชายถือบัตรเอทีเอ็มกดได้ตามสบาย  ตายไปคงไม่ต้อง

แต่งตั้งผู้จัดการมรดก  เวลานี้ลูกคือผู้จัการชีวิต อยากได้อะไรก็บอกเขาเท่านั้นเอง

สาวแว่น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
การคาดหวังเงินที่เราไม่ได้หาเอง ผมถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีครับ
หรือจะว่าเป็นบาป ก็ได้ครับ
จะทำให้ลดศักยภาพของเราลง

สำหรับผมหาเอง ได้มากกว่ามรดกเยอะครับ
แถมยังภูมิใจ ไม่ต้องไปแย่งกับพี่น้องอีกด้วย

เงินของเรา เราหาเอง
พ่อแม่ เราเอง เราก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุดครับ
จะได้ไม่มีสิ่งใดตกค้างใจในภายหลังนะครับ
ความคิดเห็นที่ 24
ทำไมผมรู้สึกว่า คุณไม่ได้รู้สึกขอบคุณ หรือ แสดงความเคารพ หรือ อะไรก็ตามที่เค้าลำบากเก็บมาเพื่อคุณเลย
บางมุม ผมอ่านแล้วรู้สึกว่า เหมือนสื่อในทาง เอาแต่หา แต่ไม่รู้จักใช้แสวงหาความสุขให้ตัวเองบ้างเลย คิดได้ไงที่ทำแบบนี้?
ถ้าผมหลงประเด็น ต้องขออภัยด้วยนะครับ อ่านแล้วจินตนาการตาม มันได้แนวนี้จริงๆ

จะบอกว่าสมบัติเยอะมั้ย ผมว่า กลุ่มคนรุ่นก่อนผ่านวิกฤติมา บางคนก็ล้ม บางคนก็ลุก
ส่วนคนที่มาล้มวิกฤติสุดท้ายก็อาจจะแย่หน่อยครับ
หลายคนนะครับ ที่มาล้มตอนโควิด อาจจะไม่เหลืออะไรก็ได้นะ

แต่ผมเห็นด้วยอย่างนึงนะ ดูจากตัวเองและเทียบกันคนรุ่นก่อนๆ ในครอบครัวคือ
"พวกเราหลายคนไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ที่ใช้เงินกระมิดกระเมี้ยน" สำหรับตัวผมเนี่ย ใช่เลย
ผมว่าคนรุ่นใหม่ มีความกล้าได้กล้าเสีย กล้าใช้มากกว่า ไม่ห่วงเรื่องส่งต่อในรุ่นต่อๆ ไปซักเท่าไร
(ตัวผมเองก็ไม่ได้คิดว่า จะเอามรดกจากพ่อแม่อยู่แล้ว แกหาก็อยากให้แกใช้ปรนเปรอความสุขตัวเองให้เต็มที่)
ความคิดเห็นที่ 3
ออกจากกงสี แล้วไปหาเองเห่อะ.....

เซียนเหลา ออกมานานแล้ว.... สบายใจ.... ทำด้วยมือเราเอง

ถ้าดกตกถึงมือ ก็รักษาไว้ เงินทองรุ่นเก่าก่อนสั่งสมมาด้วยความยากลำบาก....

แบ่งสี่ส่วน ลงทุนสองส่วน ใช้หนึ่งส่วน บริจาคทำทานหนึ่งส่วน..... ทำได้ตามนี้ จะเจริญต่อ ทำผิดจากนี้.... เรือหาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่