UPDATE: ปูตินเทียบภาพที่ไม่ต่างจากซาร์ปีเตอร์มหาราช กับภารกิจพิชิตดินแดนที่เป็นของรัสเซียคืนมา
.
วานนี้ (9 มิถุนายน) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เปรียบเทียบภาพที่ไม่ต่างจากซาร์ปีเตอร์มหาราช หรือจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย (Peter the Great)
กับภารกิจพิชิตดินแดนที่เป็นของรัสเซียคืนมา ในโอกาสครบรอบ 350 ปีชาตกาลของพระองค์
.
โดยซาร์ปีเตอร์มหาราชปกครองจักรวรรดิรัสเซียในช่วงปี 1682-1725 (ราว 43 ปี) มีความสามารถในด้านการทำศึกสงคราม ยึดครอง และแผ่ขยายอำนาจได้เป็นวงกว้างในช่วงเวลานั้น
รวมถึงพระนามของพระองค์ก็ได้รับการนำไปตั้งเป็นชื่อเมืองหลวงใหม่ในขณะนั้นว่า เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บนพื้นที่ที่พิชิตคืนมาได้จากจักรวรรดิสวีเดน
.
“ในช่วงเวลานั้นไม่มียุโรปประเทศไหนรับรองดินแดนนี้ว่าเป็นของรัสเซีย ทุกคนล้วนแล้วแต่มองว่าดินแดนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดน แต่ในยุคโบราณกาล ชาวสลาฟเคยอาศัยอยู่ที่นั่น ใกล้กับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาฟินโน-ยูกริก
.
“ซาร์ปีเตอร์มหาราชทำสงครามครั้งใหญ่ทางตอนเหนือเป็นเวลา 21 ปี ดูเหมือนว่าเขาจะทำสงครามกับสวีเดน เขาพิชิตบางอย่างจากพวกเขา ซาร์ปีเตอร์มหาราชไม่ได้เอาอะไรมาจากพวกเขา พระองค์แค่นำสิ่งที่เป็นของรัสเซียกลับคืนมา
.
“และเห็นได้ชัดว่า ภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่ตกทอดมาสู่พวกเราในการนำสิ่งที่เป็นของรัสเซียกลับคืนมาและเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศนี้
หากเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่า ค่านิยมพื้นฐานเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของเรา เราก็จะประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาที่เราเผชิญอยู่อย่างแน่นอน”
.
ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิสวีเดนในศึกสงคราม Great Northern War (1700-1721) เปิดโอกาสให้รัสเซียก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแถบทะเลบอลติก และกลายเป็นตัวแสดงที่สำคัญอย่างมากในกิจการต่างๆ ของทวีปยุโรปในช่วงเวลานั้น
.
ขณะนี้สงครามยูเครนโดยกองทัพรัสเซียดำเนินมานานกว่า 106 วันแล้ว ขอบเขตความเสียหาย รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้อพยพลี้ภัยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกองทัพรัสเซียมีหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการปลดปล่อยดอนบาสหรือดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนให้เป็นอิสระ ซึ่งเชื่อว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวผูกพันกับรัสเซียมากกว่ายูเครน
จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัสเซียที่จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยผู้คนเหล่านั้นจากการกดขี่ข่มเหงของรัฐบาลยูเครน
ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความพยายามสร้างความชอบธรรมในการทำศึกสงครามของรัสเซีย ภายใต้การนำของปูตินในช่วง 23 ปีที่ผ่านมาที่เขาอยู่ในอำนาจและตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของรัสเซีย
.
ภาพ: Sputnik / Mikhail Metzel / Kremlin via Reuters
.
#TheStandardNews #รัสเซีย
ครบรอบ350ปี พระเจ้าปีเตอร์มหาราช แห่งรัสเซีย กับ"ภารกิจพิชิตดินแดนของรัสเซียคืนมา"
.
วานนี้ (9 มิถุนายน) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เปรียบเทียบภาพที่ไม่ต่างจากซาร์ปีเตอร์มหาราช หรือจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย (Peter the Great)
กับภารกิจพิชิตดินแดนที่เป็นของรัสเซียคืนมา ในโอกาสครบรอบ 350 ปีชาตกาลของพระองค์
.
โดยซาร์ปีเตอร์มหาราชปกครองจักรวรรดิรัสเซียในช่วงปี 1682-1725 (ราว 43 ปี) มีความสามารถในด้านการทำศึกสงคราม ยึดครอง และแผ่ขยายอำนาจได้เป็นวงกว้างในช่วงเวลานั้น
รวมถึงพระนามของพระองค์ก็ได้รับการนำไปตั้งเป็นชื่อเมืองหลวงใหม่ในขณะนั้นว่า เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บนพื้นที่ที่พิชิตคืนมาได้จากจักรวรรดิสวีเดน
.
“ในช่วงเวลานั้นไม่มียุโรปประเทศไหนรับรองดินแดนนี้ว่าเป็นของรัสเซีย ทุกคนล้วนแล้วแต่มองว่าดินแดนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดน แต่ในยุคโบราณกาล ชาวสลาฟเคยอาศัยอยู่ที่นั่น ใกล้กับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาฟินโน-ยูกริก
.
“ซาร์ปีเตอร์มหาราชทำสงครามครั้งใหญ่ทางตอนเหนือเป็นเวลา 21 ปี ดูเหมือนว่าเขาจะทำสงครามกับสวีเดน เขาพิชิตบางอย่างจากพวกเขา ซาร์ปีเตอร์มหาราชไม่ได้เอาอะไรมาจากพวกเขา พระองค์แค่นำสิ่งที่เป็นของรัสเซียกลับคืนมา
.
“และเห็นได้ชัดว่า ภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่ตกทอดมาสู่พวกเราในการนำสิ่งที่เป็นของรัสเซียกลับคืนมาและเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศนี้
หากเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่า ค่านิยมพื้นฐานเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของเรา เราก็จะประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาที่เราเผชิญอยู่อย่างแน่นอน”
.
ความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิสวีเดนในศึกสงคราม Great Northern War (1700-1721) เปิดโอกาสให้รัสเซียก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแถบทะเลบอลติก และกลายเป็นตัวแสดงที่สำคัญอย่างมากในกิจการต่างๆ ของทวีปยุโรปในช่วงเวลานั้น
.
ขณะนี้สงครามยูเครนโดยกองทัพรัสเซียดำเนินมานานกว่า 106 วันแล้ว ขอบเขตความเสียหาย รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้อพยพลี้ภัยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกองทัพรัสเซียมีหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการปลดปล่อยดอนบาสหรือดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนให้เป็นอิสระ ซึ่งเชื่อว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวผูกพันกับรัสเซียมากกว่ายูเครน
จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัสเซียที่จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยผู้คนเหล่านั้นจากการกดขี่ข่มเหงของรัฐบาลยูเครน
ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความพยายามสร้างความชอบธรรมในการทำศึกสงครามของรัสเซีย ภายใต้การนำของปูตินในช่วง 23 ปีที่ผ่านมาที่เขาอยู่ในอำนาจและตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของรัสเซีย
.
ภาพ: Sputnik / Mikhail Metzel / Kremlin via Reuters
.
#TheStandardNews #รัสเซีย