JJNY : 5in1 "พี่โทนี่"ชู"ชัชชาติ"│ชัชชาติเบรกเก็บค่าขยะอัตราใหม่│ของขึ้นทุกวัน!│"ธปท."แจงกมธ.│ธ.โลกอนุมัติเงินช่วยยูเครน

"พี่โทนี่" ชู "ชัชชาติ" มีภาวะผู้นำสูง ทำงานขยัน ลงพื้นตรงไหน ไลฟ์สดไปด้วย
https://siamrath.co.th/n/354813
   
 
วันที่ 7 มิ.ย.65 เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย โพสต์ข้อความที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ชื่อ โทนี่ วู๊ดซัม เข้ามาพูดคุยในคลับเฮ้าส์ โดยระบุว่า
 
“...ถ้าคิดจะเป็นผู้นำแล้วคิดแต่จะขโมยคนของคนอื่น แบบนี้เป็นผู้นำไม่ได้หรอก...”
 
ถ้าผู้นำดี รู้ปัญหา ไม่มีข้าราชการคนไหนอยู่เฉยหรอก เขารู้ปัญหา เขารู้เรื่องหมดอยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือเปล่า จะทำแบบรับเงินทอน หรือจะทำแบบตรงไหนตรงมา
 
ผู้ว่าฯ ชัชชาติทำงานแบบขยัน และมีภาวะความเป็นผู้นำ มีความโปร่งใส เวลาลงพื้นที่จุดไหนก็ live ไปด้วยทำให้ประชาชนได้เรียนรู้และรู้ปัญหาไปด้วย ส่วนไหนทำได้ ส่วนไหนทำไม่ได้ประชาชนก็จะได้เข้าใจ
 
เหมือนยุคผมเป็นนายกฯ ผมทำ Workshop ทำงานและถ่ายทอดสดช่อง 11 ตลอดเวลา ทำให้ประชาชนได้เรียนรู้วิธีทำงาน เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ในบ้านเมือง ไม่ใช่ผู้ว่าไม่ทำงาน
 
มันต้องตรงไปตรงมา วันนี้ตัวอย่างคือ “ดูไบ” เขาทำทุกอย่างมันโปร่งใสหมด คนทำมาหากินเขาก็รู้หมดว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพราะทุกอย่างมันชัดเจน นโยบาย ระเบียบ กติกามันต้องชัดเจน
 
เพราะฉะนั้นต่อไปเราต้องเปลี่ยนกติกา อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้ามถือว่าประชาชนทำมาหากินได้หมด กฎหมายไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ต้องให้เขาทำมาหากินได้ มีความคิดริเริ่มใหม่ๆ ไม่ใช่รอแต่จะให้ผ่านกฎหมาย ไม่งั้นง่อยกินหมด
 
แล้วสำคัญภาวะผู้นำของผู้นำต้องดี ถ้าคิดอยากจะเป็นผู้นำแล้วเอาแต่คิดจะขโมยคนของคนอื่น แบบนี้เป็นผู้นำไม่ได้หรอก เอาแต่จะแจกกล้วย "
  

 
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยอมเสียพันล้าน เบรกเก็บค่าขยะอัตราใหม่ ลั่น! ไม่อยากเพิ่มภาระคนกรุง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3389928

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยอมเสียพันล้าน เบรกเก็บค่าขยะอัตราใหม่ ลั่น! ไม่อยากเพิ่มภาระคนกรุง
 
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบัน กทม.ใช้งบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี ในการจัดการขยะ แต่สามารถจัดเก็บค่าขยะได้เพียง 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากหากเทียบกับค่าจัดการขยะ ดังนั้น จึงมีนโยบายทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บขนสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยอัตราใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 โดยการจัดเก็บอัตราใหม่ จาก 20 บาท เป็น 80 บาท ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก เกรงว่าจะไปซ้ำเติมประชาชนที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ และแม้จะเก็บอัตราใหม่ก็ได้ค่าขยะไม่มาก จึงยืนยันว่า จะยังไม่เก็บค่าขยะอัตราใหม่
 
“ยังไม่มีแนวคิดที่จะเพิ่มค่าขยะในตอนนี้ เพราะประชาชนลำบากด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าเลื่อนได้ ให้เลื่อนไปก่อน ส่วนตัวคิดว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะขึ้นตอนนี้ จาก 20 เป็น 80 บาท ถือว่าหนัก ผมว่าชาวบ้านเดือดร้อนอยู่แล้ว อย่าเพิ่งไปเพิ่มภาระให้” นายชัชชาติ กล่าว
 
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ทั้งนี้ มองว่าควรลดต้นทุนในการจัดการขยะ ที่ กทม.ต้องใช้งบประมาณหมื่นล้านต่อปี มากกว่าการไปเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม โดยการรณรงค์แยกขยะ ด้วยแนวคิดขยะเป็นทองคำ โดยการเพิ่มแรงจูงใจ ในการแยกขยะ ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลและใช้ประโยชน์หรือนำไปขายได้ เชื่อว่าหากมีการคัดแยกขยะ จะสามารถลดค่าจัดการขยะที่ กทม.ต้องเสียปีละ 8,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดต่อไป
 
ด้านนายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. กล่าวว่า หากเก็บอัตราใหม่ กทม.จะได้ค่าขยะ 1,000 ล้านบาท สำหรับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 และได้มีการเลื่อนการบังคับใช้จำนวน 3 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 อย่างไรก็ตาม หากผู้บริหารจะเลื่อนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม จะต้องเสนอร่างข้อบัญญัติฉบับใหม่ โดยขอแก้ไขเพียงกำหนดระยะเวลาบังคับใช้ต่อสภากรุงเทพมหานคร พิจารณา เพื่อความเห็นชอบก่อน จึงจะประกาศเลื่อนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมได้
 

 
ของขึ้นทุกวัน! ไก่สด พุ่งอีก 5บาท ไข่เป็ด ขึ้น 10 สตางค์ ผัก-ปลา พาเหรดขึ้นต่อเนื่อง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7100014
 
ของขึ้นทุกวัน! ไก่สด พุ่งอีก 5บาท –ไข่เป็ด ขึ้น 10 สตางค์ เนื่องจากอากาศแปรปรวนร้อนจัด อาหารสัตว์แพง ผัก-ปลา ยังพาเหรดขึ้นต่อเนื่อง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจราคาอาหารสด ในเขตกรุงเทพมหานคร ของ กรมการค้าภายใน ประจำวันที่ 7 มิ.ย.2565 เมื่อเปรียบเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้าคือวันที่ 6 มิ.ย.2565 พบว่ามีสินค้าหลายรายการปรับราคาสูงขึ้น ได้แก่ ไก่มีชีวิต-ทั่วไป หน้าโรงฆ่า กทม. ราคาปรับขึ้น 1 บาท/ก.ก. เป็น 41 – 43บาท/ก.ก. เนื่องจากผลผลติออกสู่ตลาดลดลง ในขณะความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และมีการบริโภคทดแทนเนื้อสุกร ที่มีราคาสูงขึ้น
 
ส่งผลให้ ไก่สดชำแหละ น่อง สะโพก ปรับขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 80-58บาท/ก.ก. ขณะที่ไข่เป็ดขนาดกลาง ปรับขึ้น 10 สตางค์/ฟอง เป็น 4.80-4.90 บาท/ฟอง เนื่องจากอากาศแปรปรวนร้อนจัด สลับพายุฝนทำให้อัตราการให้ไข่ลดลง ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยลดจำนวนลง เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนการเลี้ยงทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นได้
 
ขณะที่สัตว์น้ำมีการปรับราคาเช่นกัน โดย ปลาสวาย ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 55-60 บาท/ก.ก. และปลาทับทิม ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 100-110 บาท/ก.ก.
 
นอกจากนี้ ราคาผักสดหลายรายการยังปรับขึ้นราคา เช่น พริกขี้หนูจินดา ปรับขึ้น10 บาท/ก.ก. เป็น120-130 บาท/ก.ก. เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มีพายุทำให้ดอกร่วงผลผลิตเสียหาย ส่วนแตงกวา คัด ปรับขึ้น5บาท/ก.ก. เป็น 40-45 บาท/ก.ก.
 
สำหรับ ผลปาล์มทะลาย คุณภาพเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ราคายังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดปรับขึ้น 0.15-1.6บาท/ก.ก. เป็น 9.30 – 10.65บาท/ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดไม่มากขณะที่โรงสกัดยังคงแข่งขันรับซื้อผลปาลม์ในราคาสูง เพื่อส่งมอบน้ำมันปาลม์ ดิบ ที่มีการซื้อขายล่วงหน้าแล้ว
 


"ธปท." แจง กมธ.งบฯ ประเมิน2จุดเสี่ยง ทำภาวะเงินเฟ้อฟุ่งถึงปี66
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1008901

ธนาคารแห่งประเทศไทย แจง กมธ.งบฯ ประเมินสถานการณ์ไทย มี2จุดเสี่ยง ต้นทุนการผลิต ค่าครองชีพ และขาดแคลนอาหาร-พลังงานภาคการผลิต ทำภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ต่อเนื่องถึงปี 2566

         นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 แถลงผลการประชุมนัดแรก  เมื่อ วันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งเชิญพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ งบประมาณรายจ่าย และการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับงบประมาณในภาพรวม 5 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2565 และปี 2566 ซึ่งกลไกหลักที่เป็นปัจจัยของการฟื้นตัวคืออุปสงค์ภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยว
 
         นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่าสำหรับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ ที่จะทำให้เกิดปัญหาต่อการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19  ธปท.ประเมินว่าการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า
 
         "ธปท. ประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือ GDP จะสามารถกลับฟื้นตัวอยู่ในระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ขณะที่อัตราผู้ว่างงานจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงต่อจากนี้ และเรื่องของการท่องเที่ยวได้มีการคาดการณ์ว่าทั้งปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนประมาณ 5.6 ล้านคน" นายเผ่าภูมิ กล่าว
 
           โฆษกกมธ.งบฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ยังระบุว่า ในอนาคตมี 2 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจที่ไทยจะต้องเจอ คือ เรื่องของต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพในประเทศที่สูงขึ้น และปัญหาการขาดแคลนอาหาร วัตถุดิบและพลังงานในภาคการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ และยังได้มีการคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อต่อจากนี้อาจจะสูงขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป และจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงปี 2566 
 
         โฆษกกมธ.งบฯ แถลงด้วยว่า คณะกรรมาธิการได้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือปัญหาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จัดการกับเงินเฟ้อ ที่มีการใช้มาตรการที่รุนแรงในการขึ้นดอกเบี้ย จึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และส่งผลต่อการส่งออกของประเทศไทยที่จะเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศในระยะต่อไป.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่