ย้อนปม ‘ไม้ล้างป่าช้า’ GT200 กับ “ค่าซื้อความรู้..ซึ่งแพงไปหน่อย” ที่คนไทยยังจ่ายกันไม่จบ
https://thematter.co/brief/177030/177030
เชื่อว่าหลายคนอาจนึกว่า เรื่องนี้จบกันไปนานแล้ว แต่เพิ่งมารู้ว่า มันยังไม่จบ
สำหรับกรณีมหากาพย์เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ปลอม) GT200 ที่เสียเงินหลายร้อยล้านบาทซื้อมาแล้วใช้ไม้ได้จริง เป็นเพียงกล่องพลาสติกเปล่าๆ ไม่มีแผงวงจร ไม่มีแหล่งพลังงาน กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเรียกว่าเป็น ‘ไม้ล้างป่าช้า’
หลังจาก
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระแรก เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ว่า กองทัพบกได้ทำสัญญาจ้าง มูลค่ารวม 7,570,000 บาท ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 จำนวน 757 เครื่อง ตกเครื่องละ 10,000 บาท
“จะเอาเงินภาษี 7,570,000 บาท ไปจ้างตรวจสอบกล่องพลาสติกเปล่าสีดำ ในราคาชิ้นละ 1 หมื่นบาท ทั้งหมด 757 ชิ้น เพื่ออะไร ทั้งโลกเขารู้กันว่าข้างในไม่มีอะไร” ส.ส.ฝ่ายค้านรายนี้ตั้งคำถาม
กรณีเครื่องตรวจสอบวัตถุประเบิด (ปลอม) ที่ 15 หน่วยงานราชการของไทยเคยซื้อมาใช้ระหว่างปี 2548-2553 จะมีอยู่ 2 ยี่ห้อหลัก คือ GT200 และ Alpha6 จำนวนรวมกัน 1,398 เครื่อง เป็นเงินกว่า 1,134 ล้านบาท ในราคาตั้งแต่เครื่องละ 4.26 แสนบาท – 1.38 ล้านบาท ซึ่งหลักการทำงานไม่ต่างกัน คือไม่มีอะไรเลย
ถ้านับเฉพาะ GT200 มี 10 หน่วยงานราชการของไทยเคยจัดซื้อ รวม 836 เครื่อง เป็นเงินกว่า 759 ล้านบาท โดย 90% จัดซื้อโดยกองทัพบก สมัยที่ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ.
ในปี 2553 รัฐบาล
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยจัดการทดสอบ GT200 พบว่า ใน 20 ครั้ง ตรวจหาวัตถุระเบิดเจอเพียง 4 ครั้ง บทสรุปคือความแม่นยำไม่ต่างจาก
‘เดาสุ่ม’ จึงสั่งให้ทุกหน่วยงานราชการของไทยยุติการจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้ทันที
หลังทราบผลการทดสอบดังกล่าว วันถัดมา พล.อ.
อนุพงษ์พร้อมด้วยนายทหารที่เกี่ยวข้อง จัดแถลงข่าวถ่ายทอดสดผ่านช่อง 5 ยืนยันความเชื่อมั่นในการทำงานของ GT200 โดยอ้างประสบการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ – ก่อนจะกลับลำไม่ใช้ ในเวลาต่อมา
การใช้งาน GT200 ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ เคยสร้างปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายกรณี เมื่อมันถูกนำไปใช้ชี้เป้าผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบหลายๆ ครั้ง ทั้งที่โดยตัวของมันเอง ไม่มีกลไก วงจรใดๆ เลย
ระหว่างปี 2556-2557 ผู้ชาย GT200 และอุปกรณ์คล้ายคลึงกันถูกศาลอังกฤษตัดสินจำคุกฐาน ‘ฉ้อโกง’ เช่น แกรี่ โบลตัน (ผู้ขาย GT200) ถูกจำคุก 7 ปี เจมส์ แม็คคอร์มิค (ผู้ขาย ADE-651) ถูกจำคุก 10 ปี และคู่สามีภรรยา ซามูเอล-โจน ทรี (ผู้ขาย Alpha6) ถูกจำคุก 3 ปีครึ่ง
สำหรับการดำเนินคดีในไทย สำนักงานอิศรารายงานข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2564 ว่า จาก 25 คดีเกี่ยวกับการจัดซื้อ GT200 – Alpha6 มีผู้เกี่ยวข้องนับร้อยราย ทาง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว 20 คดี ส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างฯ และคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างฯ ของหน่วยงานนั้น ซึ่งมีมูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย มีทหารยศสูงจำนวนมาก รวมถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ว.แต่งตั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. โดยเฉพาะเรื่องโทษทางอาญา ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุด ต้องไปพิสูจน์ความถูกผิดในชั้นศาลต่อไป
ปี 2559
วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ขณะนั้น (และขณะนี้) เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า งบประมาณที่เสียไปกับการใช้ซื้อ GT200 อย่าไปเรียกว่าค่าโง่ แต่เป็น
“ค่าซื้อความรู้ ที่แพงไปหน่อย”
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
https://www.youtube.com/watch?v=K-rfTgIpzDc
https://ordnance.rta.mi.th/images/imagefoenewtemplate_ed/Invita_img/Wittayakarn_Aun/011264/1053.pdf
https://govspending.data.go.th/budget?project_id=64097756696&year=2564
https://thaipublica.org/2016/06/gt200-29-6-2559/
https://thaipublica.org/2016/07/gt200-2-7-2559/
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/100762-invesisrra-191.html
อ.อ๊อด เผยภาพด้านใน GT200 บอก ‘ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี’
https://www.matichon.co.th/social/news_3382136
อ.อ๊อด เผยภาพด้านใน GT200 บอก ‘ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี’
จากกรณีที่ นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ถึงการใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ไม่ปรากฏในเอกสารงบประมาณว่า ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองทัพบกทำสัญญาจ้าง มูลค่ารวม 7,570,000 บาท ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 จำนวน 757 เครื่อง ตกเครื่องละ 10,000 บาท ซึ่งถ้ายังจำกันได้ มันคือไม้ล้างป่าช้าลวงโลก ที่พอแงะดูข้างในมันว่างเปล่านั้น
นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ และจากนักวิชาการจำนวนไม่น้อย อาทิ อ.
เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า
“รู้ทั้งรู้ว่าทุกเครื่องมันก็เป็นกระป๋องพลาสติกเปล่าๆ แกะดูข้างในก็ไม่มีอะไร จะไปเสียเวลาตรวจทีละเครื่องทำไม นอกเสียจากว่าจะรับเศษเงินไม่กี่ล้าน แลกกับชื่อเสียงขององค์กร และวงการวิทยาศาสตร์ไทย”
ล่าสุด รศ.ดร.
วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ
อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยภาพเครื่อง GT200 พร้อมว่า
“ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี”
https://www.facebook.com/phutdhawong/posts/5181805398576395
ที่ดินเปล่า กทม. แสนแปลง ป่วน “ชัชชาติ” บี้ภาษีที่ปลูกกล้วย
https://www.prachachat.net/property/news-946767
“ชัชชาติโมเดล” บริหาร กทม.ยุคใหม่ เดินหน้านโยบายสวน 15 นาทีทั่วกรุง เปิดบิ๊กดาต้าเศรษฐีถือครองที่ดินเปล่าทะลัก 1.22 แสนแปลงในเขตกรุงเทพฯ งานนี้มีหนาว กทม.หาช่องปรับขึ้นภาษีเกษตรกรรมชนเพดานสูงสุด 0.15% จัดเก็บล้านละ 1,500 บาท กดดันแลนด์ลอร์ดเลิกปลูกกล้วย หันมาทำ MOU ให้ กทม.ทำสวนสาธารณะ-ลานเตะบอล พร้อมศึกษาแนวทางดึงกฎหมายผังเมืองควบคุมการนำที่ดินเปล่าทำเกษตรกรรมในเขตเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำงานของนาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คนที่ 17 ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 1.38 ล้านเสียง มีรูปแบบทำงานสไตล์ “
ชัชชาติโมเดล” ที่คาดว่าจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีนับจากนี้
โดยหนึ่งในไฮไลต์มาจากนโยบาย “
สวน 15 นาทีทั่วกรุงฯ” เป้าหมายสร้างสวนสาธารณะใกล้บ้าน สามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที ส่วนวิธีการมาจากบิ๊กดาต้าที่ยังมีที่ดินเปล่าทั้งแปลงเล็กแปลงใหญ่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนแปลง กระจายตัวทั่วกรุงเทพฯ
แนวนโยบายกำลังต่อจิ๊กซอว์การจัดหาที่ดินเพื่อทำพื้นที่สาธารณะเพิ่มเติม โดยมีแนวทางที่จุดประกายมาจากการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีที่ดินเปล่า เพื่อกดดันให้แลนด์ลอร์ดหรือเจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีความต้องการพัฒนาที่ดินในปัจจุบัน มีการนำที่ดินให้ กทม.เช่า หรือให้ กทม.ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะมากขึ้น
เดินหน้าสวน 15 นาทีทั่วกรุง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่สำรวจที่ดินเอกชนขนาด 2 ไร่เศษ บริเวณสี่แยกวงศ์สว่าง ติดกับสถานีวงศ์สว่าง รถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) ซึ่งทางเจ้าของที่ดินแจ้งความประสงค์ให้สำนักงานเขตบางซื่อเช่าทำสวนสาธารณะ และให้สัมภาษณ์ว่า หนึ่งในแนวทางเพิ่มพื้นที่สีเขียวคือการอาศัยกลไกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจูงใจให้เอกชนมอบที่ดินให้ กทม. พัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่องดเว้นการเสียภาษี
ทั้งนี้ นาย
ชัชชาตินำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีตามโซนผังเมือง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่ต้องดูอำนาจ กทม.ว่า สามารถทำได้มากน้อยเพียงใด ต้องมีการพิจารณาโดยละเอียดในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นผังเมืองสีอะไร เช่น พื้นที่การเกษตรจะขึ้นภาษีมากไม่ได้ ต้องพยายามทำให้ภาระภาษีต่ำที่สุด
ยกเว้นการนำที่ดินมาทำการเกษตรในพื้นที่กลางเมือง เช่น ผังเมืองสีแดง มีข้อกำหนดเป็นพื้นที่ย่านการค้าเชิงพาณิชย์, ผังเมืองสีส้มกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะในการทำการเกษตร ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ในอนาคตอาจมีการพิจารณานำสีผังเมืองเข้ามาร่วมเป็นองค์ประกอบมาตรการในการกำหนดภาษี เป็นต้น
“ต้องดูข้อกฎหมายก่อนว่าเราสามารถเอาผังสีไปกำหนดร่วมกับอัตราภาษีได้หรือไม่ เพราะใน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ปี 2562 ยังเขียนไว้ไม่ชัดเจน โดยเขียนไว้ว่า กทม.มีอำนาจในการปรับอัตราภาษีให้ไม่เกิดอัตราสูงสุด (ไม่เกินเพดานภาษี) แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเอาเงื่อนไขอื่นมากำกับได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น ยังไม่ได้สรุปว่าจะมีการขึ้นภาษี แต่คาดว่าเราต้องไปดูว่าสุดท้ายแล้ววิธีการไหนที่ กทม.มีอำนาจ ไม่ต้องเปลี่ยนกฎหมาย เอาอำนาจที่มีอยู่เดิมมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนที่อยู่ในเมือง หาช่องทางในการเอาพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ (ที่ดินรกร้างว่างเปล่า) มาทำให้เป็นพื้นที่สาธารณะของประชาชนมากขึ้น”
หาช่องปรับภาษีเกษตรกรรม
นาย
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ในการแจ้งชำระภาษีที่ดินฯ มีประกาศของกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับนิยามพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่ง กทม.ไม่มีอำนาจแก้ไขประกาศตัวนี้ แต่กฎหมายภาษีที่ดินฯเปิดช่องให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดภาษีเองได้ เพียงแต่ห้ามไม่ให้เก็บภาษีเกินเพดานที่กำหนดในกฎหมาย
“ข้อเท็จจริงในเขตเมืองกรุงเทพฯ ถ้าเราเห็นว่าพื้นที่บางแห่งไม่ควรเป็นแปลงเกษตร ไม่ควรปลูกกล้วย ก็อาจจะใช้อำนาจที่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้มาปรับอัตราภาษีเกษตรให้สูงกว่าอัตราแนะนำที่กระทรวงการคลังกำหนด ผมจะไปดูตรงนี้ว่าทำยังไงให้ที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ แทนที่จะทำเกษตรกรรม ก็เอามาทำสวนสาธารณะ หรือลานเตะบอล เพื่อให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมใช้ประโยชน์ ถือเป็นวิธีการทางภาษีที่เราไปเพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนมีแรงจูงใจในการนำที่ดินเปล่ามาทำเป็นพื้นที่สาธารณะ”
JJNY : ย้อนปม ‘ไม้ล้างป่าช้า’ GT200│อ.อ๊อดบอก‘ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี’│“ชัชชาติ”บี้ภาษีที่ปลูกกล้วย│ฝนหนักทำต้นหอมเน่าขาดตลาด
https://thematter.co/brief/177030/177030
เชื่อว่าหลายคนอาจนึกว่า เรื่องนี้จบกันไปนานแล้ว แต่เพิ่งมารู้ว่า มันยังไม่จบ
สำหรับกรณีมหากาพย์เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ปลอม) GT200 ที่เสียเงินหลายร้อยล้านบาทซื้อมาแล้วใช้ไม้ได้จริง เป็นเพียงกล่องพลาสติกเปล่าๆ ไม่มีแผงวงจร ไม่มีแหล่งพลังงาน กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเรียกว่าเป็น ‘ไม้ล้างป่าช้า’
หลังจาก จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระแรก เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ว่า กองทัพบกได้ทำสัญญาจ้าง มูลค่ารวม 7,570,000 บาท ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 จำนวน 757 เครื่อง ตกเครื่องละ 10,000 บาท
“จะเอาเงินภาษี 7,570,000 บาท ไปจ้างตรวจสอบกล่องพลาสติกเปล่าสีดำ ในราคาชิ้นละ 1 หมื่นบาท ทั้งหมด 757 ชิ้น เพื่ออะไร ทั้งโลกเขารู้กันว่าข้างในไม่มีอะไร” ส.ส.ฝ่ายค้านรายนี้ตั้งคำถาม
กรณีเครื่องตรวจสอบวัตถุประเบิด (ปลอม) ที่ 15 หน่วยงานราชการของไทยเคยซื้อมาใช้ระหว่างปี 2548-2553 จะมีอยู่ 2 ยี่ห้อหลัก คือ GT200 และ Alpha6 จำนวนรวมกัน 1,398 เครื่อง เป็นเงินกว่า 1,134 ล้านบาท ในราคาตั้งแต่เครื่องละ 4.26 แสนบาท – 1.38 ล้านบาท ซึ่งหลักการทำงานไม่ต่างกัน คือไม่มีอะไรเลย
ถ้านับเฉพาะ GT200 มี 10 หน่วยงานราชการของไทยเคยจัดซื้อ รวม 836 เครื่อง เป็นเงินกว่า 759 ล้านบาท โดย 90% จัดซื้อโดยกองทัพบก สมัยที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ.
ในปี 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยจัดการทดสอบ GT200 พบว่า ใน 20 ครั้ง ตรวจหาวัตถุระเบิดเจอเพียง 4 ครั้ง บทสรุปคือความแม่นยำไม่ต่างจาก ‘เดาสุ่ม’ จึงสั่งให้ทุกหน่วยงานราชการของไทยยุติการจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้ทันที
หลังทราบผลการทดสอบดังกล่าว วันถัดมา พล.อ.อนุพงษ์พร้อมด้วยนายทหารที่เกี่ยวข้อง จัดแถลงข่าวถ่ายทอดสดผ่านช่อง 5 ยืนยันความเชื่อมั่นในการทำงานของ GT200 โดยอ้างประสบการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ – ก่อนจะกลับลำไม่ใช้ ในเวลาต่อมา
การใช้งาน GT200 ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ เคยสร้างปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายกรณี เมื่อมันถูกนำไปใช้ชี้เป้าผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบหลายๆ ครั้ง ทั้งที่โดยตัวของมันเอง ไม่มีกลไก วงจรใดๆ เลย
ระหว่างปี 2556-2557 ผู้ชาย GT200 และอุปกรณ์คล้ายคลึงกันถูกศาลอังกฤษตัดสินจำคุกฐาน ‘ฉ้อโกง’ เช่น แกรี่ โบลตัน (ผู้ขาย GT200) ถูกจำคุก 7 ปี เจมส์ แม็คคอร์มิค (ผู้ขาย ADE-651) ถูกจำคุก 10 ปี และคู่สามีภรรยา ซามูเอล-โจน ทรี (ผู้ขาย Alpha6) ถูกจำคุก 3 ปีครึ่ง
สำหรับการดำเนินคดีในไทย สำนักงานอิศรารายงานข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2564 ว่า จาก 25 คดีเกี่ยวกับการจัดซื้อ GT200 – Alpha6 มีผู้เกี่ยวข้องนับร้อยราย ทาง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว 20 คดี ส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างฯ และคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างฯ ของหน่วยงานนั้น ซึ่งมีมูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย มีทหารยศสูงจำนวนมาก รวมถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ว.แต่งตั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. โดยเฉพาะเรื่องโทษทางอาญา ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุด ต้องไปพิสูจน์ความถูกผิดในชั้นศาลต่อไป
ปี 2559 วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ขณะนั้น (และขณะนี้) เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า งบประมาณที่เสียไปกับการใช้ซื้อ GT200 อย่าไปเรียกว่าค่าโง่ แต่เป็น “ค่าซื้อความรู้ ที่แพงไปหน่อย”
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
https://www.youtube.com/watch?v=K-rfTgIpzDc
https://ordnance.rta.mi.th/images/imagefoenewtemplate_ed/Invita_img/Wittayakarn_Aun/011264/1053.pdf
https://govspending.data.go.th/budget?project_id=64097756696&year=2564
https://thaipublica.org/2016/06/gt200-29-6-2559/
https://thaipublica.org/2016/07/gt200-2-7-2559/
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/100762-invesisrra-191.html
อ.อ๊อด เผยภาพด้านใน GT200 บอก ‘ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี’
https://www.matichon.co.th/social/news_3382136
อ.อ๊อด เผยภาพด้านใน GT200 บอก ‘ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี’
จากกรณีที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ถึงการใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ไม่ปรากฏในเอกสารงบประมาณว่า ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองทัพบกทำสัญญาจ้าง มูลค่ารวม 7,570,000 บาท ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 จำนวน 757 เครื่อง ตกเครื่องละ 10,000 บาท ซึ่งถ้ายังจำกันได้ มันคือไม้ล้างป่าช้าลวงโลก ที่พอแงะดูข้างในมันว่างเปล่านั้น
นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ และจากนักวิชาการจำนวนไม่น้อย อาทิ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า
“รู้ทั้งรู้ว่าทุกเครื่องมันก็เป็นกระป๋องพลาสติกเปล่าๆ แกะดูข้างในก็ไม่มีอะไร จะไปเสียเวลาตรวจทีละเครื่องทำไม นอกเสียจากว่าจะรับเศษเงินไม่กี่ล้าน แลกกับชื่อเสียงขององค์กร และวงการวิทยาศาสตร์ไทย”
ล่าสุด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยภาพเครื่อง GT200 พร้อมว่า
“ช่วยแกะให้ ย้ำ ฟรี”
https://www.facebook.com/phutdhawong/posts/5181805398576395
ที่ดินเปล่า กทม. แสนแปลง ป่วน “ชัชชาติ” บี้ภาษีที่ปลูกกล้วย
https://www.prachachat.net/property/news-946767
“ชัชชาติโมเดล” บริหาร กทม.ยุคใหม่ เดินหน้านโยบายสวน 15 นาทีทั่วกรุง เปิดบิ๊กดาต้าเศรษฐีถือครองที่ดินเปล่าทะลัก 1.22 แสนแปลงในเขตกรุงเทพฯ งานนี้มีหนาว กทม.หาช่องปรับขึ้นภาษีเกษตรกรรมชนเพดานสูงสุด 0.15% จัดเก็บล้านละ 1,500 บาท กดดันแลนด์ลอร์ดเลิกปลูกกล้วย หันมาทำ MOU ให้ กทม.ทำสวนสาธารณะ-ลานเตะบอล พร้อมศึกษาแนวทางดึงกฎหมายผังเมืองควบคุมการนำที่ดินเปล่าทำเกษตรกรรมในเขตเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำงานของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คนที่ 17 ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 1.38 ล้านเสียง มีรูปแบบทำงานสไตล์ “ชัชชาติโมเดล” ที่คาดว่าจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีนับจากนี้
โดยหนึ่งในไฮไลต์มาจากนโยบาย “สวน 15 นาทีทั่วกรุงฯ” เป้าหมายสร้างสวนสาธารณะใกล้บ้าน สามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที ส่วนวิธีการมาจากบิ๊กดาต้าที่ยังมีที่ดินเปล่าทั้งแปลงเล็กแปลงใหญ่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนแปลง กระจายตัวทั่วกรุงเทพฯ
แนวนโยบายกำลังต่อจิ๊กซอว์การจัดหาที่ดินเพื่อทำพื้นที่สาธารณะเพิ่มเติม โดยมีแนวทางที่จุดประกายมาจากการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีที่ดินเปล่า เพื่อกดดันให้แลนด์ลอร์ดหรือเจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีความต้องการพัฒนาที่ดินในปัจจุบัน มีการนำที่ดินให้ กทม.เช่า หรือให้ กทม.ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะมากขึ้น
เดินหน้าสวน 15 นาทีทั่วกรุง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่สำรวจที่ดินเอกชนขนาด 2 ไร่เศษ บริเวณสี่แยกวงศ์สว่าง ติดกับสถานีวงศ์สว่าง รถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) ซึ่งทางเจ้าของที่ดินแจ้งความประสงค์ให้สำนักงานเขตบางซื่อเช่าทำสวนสาธารณะ และให้สัมภาษณ์ว่า หนึ่งในแนวทางเพิ่มพื้นที่สีเขียวคือการอาศัยกลไกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจูงใจให้เอกชนมอบที่ดินให้ กทม. พัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่องดเว้นการเสียภาษี
ทั้งนี้ นายชัชชาตินำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีตามโซนผังเมือง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่ต้องดูอำนาจ กทม.ว่า สามารถทำได้มากน้อยเพียงใด ต้องมีการพิจารณาโดยละเอียดในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นผังเมืองสีอะไร เช่น พื้นที่การเกษตรจะขึ้นภาษีมากไม่ได้ ต้องพยายามทำให้ภาระภาษีต่ำที่สุด
ยกเว้นการนำที่ดินมาทำการเกษตรในพื้นที่กลางเมือง เช่น ผังเมืองสีแดง มีข้อกำหนดเป็นพื้นที่ย่านการค้าเชิงพาณิชย์, ผังเมืองสีส้มกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะในการทำการเกษตร ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ในอนาคตอาจมีการพิจารณานำสีผังเมืองเข้ามาร่วมเป็นองค์ประกอบมาตรการในการกำหนดภาษี เป็นต้น
“ต้องดูข้อกฎหมายก่อนว่าเราสามารถเอาผังสีไปกำหนดร่วมกับอัตราภาษีได้หรือไม่ เพราะใน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ปี 2562 ยังเขียนไว้ไม่ชัดเจน โดยเขียนไว้ว่า กทม.มีอำนาจในการปรับอัตราภาษีให้ไม่เกิดอัตราสูงสุด (ไม่เกินเพดานภาษี) แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเอาเงื่อนไขอื่นมากำกับได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น ยังไม่ได้สรุปว่าจะมีการขึ้นภาษี แต่คาดว่าเราต้องไปดูว่าสุดท้ายแล้ววิธีการไหนที่ กทม.มีอำนาจ ไม่ต้องเปลี่ยนกฎหมาย เอาอำนาจที่มีอยู่เดิมมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนที่อยู่ในเมือง หาช่องทางในการเอาพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ (ที่ดินรกร้างว่างเปล่า) มาทำให้เป็นพื้นที่สาธารณะของประชาชนมากขึ้น”
หาช่องปรับภาษีเกษตรกรรม
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ในการแจ้งชำระภาษีที่ดินฯ มีประกาศของกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับนิยามพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่ง กทม.ไม่มีอำนาจแก้ไขประกาศตัวนี้ แต่กฎหมายภาษีที่ดินฯเปิดช่องให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดภาษีเองได้ เพียงแต่ห้ามไม่ให้เก็บภาษีเกินเพดานที่กำหนดในกฎหมาย
“ข้อเท็จจริงในเขตเมืองกรุงเทพฯ ถ้าเราเห็นว่าพื้นที่บางแห่งไม่ควรเป็นแปลงเกษตร ไม่ควรปลูกกล้วย ก็อาจจะใช้อำนาจที่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้มาปรับอัตราภาษีเกษตรให้สูงกว่าอัตราแนะนำที่กระทรวงการคลังกำหนด ผมจะไปดูตรงนี้ว่าทำยังไงให้ที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ แทนที่จะทำเกษตรกรรม ก็เอามาทำสวนสาธารณะ หรือลานเตะบอล เพื่อให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมใช้ประโยชน์ ถือเป็นวิธีการทางภาษีที่เราไปเพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนมีแรงจูงใจในการนำที่ดินเปล่ามาทำเป็นพื้นที่สาธารณะ”