JJNY : 6in1 อุ๊ย!พิธาตั้งข้อสังเกต│จาตุรนต์ชี้กกต.│สองแถวเตรียมขึ้นราคา│สับปะรดราคาตก│ดีเซล ก๊าซขึ้น│11ขวบฟ้องชัชชาติ

อุ๊ย! พิธา ตั้งข้อสังเกต ปี2566 มีเลือกตั้งใหญ่ ทำไมกกต.ไม่ได้รับงบจัดเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3374269
 
อุ๊ย! พิธา ตั้งข้อสังเกต ปี2566 มีเลือกตั้งใหญ่ ทำไมกกต.ไม่ได้รับงบเลือกตั้ง
 
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับงบประมาณปี66 โดยระบุว่า

[ ข้อสังเกตเบื้องต้นจากเอกสารงบประมาณ: ปี 66 มีเลือกตั้งใหญ่ ไฉน กกต. ไม่ได้รับงบจัดเลือกตั้ง? ]
 
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้จัดกิจกรรมให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วม Hackathon งบประมาณ โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก จากกิจกรรม มีข้อค้นพบ ข้อสังเกต ต่องบประมาณที่น่าสนใจมากมายครับ
 
หนึ่งในข้อสังเกตที่น่าสนใจจากพี่น้องประชาชน ที่ผมได้ให้ทีมงานเช็คกับเอกสารงบประมาณจากสำนักงบประมาณก็คือ งบประมาณของ กกต. ที่ไม่ได้รับจัดสรรสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในปีงบประมาณ 2566 นี้
 
ในปีงบประมาณ 66 นี้ ไม่ว่าอย่างไร รัฐบาลประยุทธ์ก็ต้องลงจากอำนาจ จะลงแบบยุบสภาหรือลงแบบหมดวาระแล้วเลือกตั้งใหม่ก็ตาม แต่ทั้งที่รู้ว่า ยังไงก็ต้องมีการเลือกตั้งตามวาระ รัฐบาลกลับตัดงบประมาณที่ กกต. ของบมา 9,000 ล้านบาทสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ เหลือเพียงแค่ 1,700 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้วที่ไม่มีการเลือกตั้ง
 
ยิ่งเมื่อย้อนไปดูเอกสารงบประมาณย้อนหลัง เทียบกับตอนปี 2562 ที่มีการเลือกตั้งครั้งก่อน กกต. ได้งบประมาณถึง 8,228 ล้านบาท ย้อนไปในปี 2554 กกต. ก็คาดการณ์งบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าสำหรับการเลือกตั้งตามวาระไว้กว่า 5,385 ล้านบาท แต่เมื่อมีการยุบสภาในปี 2554 กกต. จึงต้องทำเรื่องของบกลางมาใช้จัดเลือกตั้งแทนไปก่อน จะเห็นได้ว่า กกต.จะตั้งงบไว้มากเป็นพิเศษสำหรับปีที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งรัฐบาลก็จะอนุมัติไปตามความเหมาะสม
 
แต่การตัดงบในปีที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ของรัฐบาลในครั้งนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลของการจัดงบประมาณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับหากพี่น้องประชาชนจะเห็นการจัดงบประมาณเช่นนี้แล้วเกิดคำถามว่า “ปี 2566 คนไทยจะได้เลือกตั้งหรือไม่?”
 
ผมเข้าใจว่าในท้ายที่สุดรัฐบาลก็คงต้องหางบประมาณมาจัดการเลือกตั้งให้ได้ครับ (หากไม่ได้กำลังส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเลือกตั้งอยู่) โดยอาจจะต้องไปเอามาจากงบกลาง แต่หากท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลต้องโอนงบกลางให้ กกต. จึงจะจัดการเลือกตั้งตามวาระได้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
 
โดยเฉพาะเมื่อในรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 ได้กำหนดเอาไว้ว่า “รัฐต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระของรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอัยการ”
 
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หมวด 12 มาตรา 215 ว่าด้วยองค์กรอิสระ ที่ระบุว่า “องค์กรอิสระเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่… การใช้อำนาจขององค์กรอิสระต้องเป็นไปโดย สุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวง”
 
เพราะฉะนั้นองค์กรอิสระจึงควรได้งบประมาณประจำอย่างเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ ไม่ใช่ให้องค์กรอิสระอย่าง กกต. ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ต้องไปขอเงินจากรัฐบาลที่เป็นฝ่ายบริหารในระหว่างปีงบประมาณ ถึงจะจัดการเลือกตั้งตามวาระ ตามระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็นได้ครับ
 
https://www.facebook.com/100044273537483/posts/pfbid02LSYkYnoy7sBFxdH6k8ErY2wXRmyuSb1fLzZ2vRUEHkDJvKJ7KcXvCRsfTfg9B8Ncl/?d=n
 

 
จาตุรนต์ ชี้ กกต.ไทยลงโทษไม่สมเหตุสมผลนานจนชิน เตือนสติอย่าซ้ำรอย ใบส้ม 70 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3374180

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางทวิตเตอร์แสดงความเห็นถึงกรณีการรับรองผล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังถูกวิจารณ์ว่า กกต.ทำงานล่าช้า โดยถูกร้องเรียนด้วยข้อหาที่ไม่สมเหตุผล โดยระบุว่า
 
“กกต.อยู่กับการใช้อำนาจลงโทษผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบไม่เป็นเหตุเป็นผล และไม่ได้หลักสัดส่วนมานานเกินไป คือ ประมาณ 20 กว่าปี มาถึงกรณีผู้ว่าฯกทม. จึงยังปรับเปลี่ยนความเคยชินไม่ได้ ทั้งๆ ที่ต้องปรับแล้ว”
 
“แต่ถ้า กกต.ชุดนี้ความจำไม่สั้นเกินไป น่าจะจำได้ว่าเคยให้ใบส้มผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยสาเหตุจากการกล่าวหาว่าใส่ซองถวายพระ 3,000 บาท แล้วต่อมาศาลก็ตัดสินว่าคำสั่ง กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
 
“ไม่น่าจะอยากลองอีกเรื่องนะ” นายจาตุรนต์กล่าว
 
https://twitter.com/chaturon/status/1531217926690205696
 

 
รถสองแถว แบกรับค่าน้ำมันไม่ไหว เตรียมขึ้นราคา หวังผู้โดยสารเข้าใจ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7084488
 
คนขับรถสองแถว จ.กำแพงเพชร เตรียมรับมือกับค่าน้ำมันดีเซล ที่จะเพิ่มสูงขึ้น หวังว่าผู้โดยสารเข้าใจ เมื่อต้องเพิ่มราคาค่าโดยสาร
  
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีรับส่งผู้โดยสารกำแพงเพชร ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จากวิกฤตน้ำมันพุ่งสูงขึ้นคาดว่าจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบว่ารถสองแถวแต่ละคันเงียบเหงามีผู้โดยสารเบาบาง โดยบางสายคนขับรถสองแถวบอกว่า มีผู้โดยสารรอขึ้นรถเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
นายสิทธิชัย มีนรินทร์ อายุ 50 ปี คนขับรถสองแถว เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมรับมือกับราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันได้รับผลกระทบวิกฤตราคาน้ำมันดีเซลแพงอยู่แล้วและผู้โดยสารน้อยลง หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงไปอีกก็มีความจำเป็นต้องขอขึ้นราคาค่าโดยสารเช่นกัน หวังว่าผู้โดยสารจะเข้าใจ เพราะแบกรับภาระค่าน้ำมันไม่ไหว
 
ทุกวันนี้นอกจากที่จะรับผู้โดยสารแล้วยังต้องวิ่งส่งสิ่งของอีกด้วย เพื่อทดแทนผู้โดยสารที่หายไป เพราะแต่ละวันต้องเติมน้ำมันรถวันละ 350 บาท วิ่งรถสายกำแพงเพชร วังเจ้า ตาก อย่างเช่นวันนี้ มีผู้โดยสารมารอขึ้นรถเพียงคนเดียว หากจะต้องไปส่งผู้โดยสารตามสายที่กำหนดก็จะขาดทุนกับค่าน้ำมันอย่างแน่นอน
 
จึงต้องทำความเข้าใจกับผู้โดยสาร ให้รอรถจากจังหวัดตากที่วิ่งมาส่งผู้โดยสารที่กำแพงเพชร แล้วรอขึ้นรถสายจังหวัดตากกลับไป แต่ก็ทำให้ผู้โดยสารเสียเวลาไปอยู่บ้าง โดยปกติรถโดยสารที่จ.กำแพงเพชร จะมี 12 คัน ตอนนี้เหลือเพียง 4 คันเท่านั้น เพราะสู้ราคาน้ำมันแพงไม่ไหว
 
ตนขับรถสองแถวมากว่า 30 ปี หากจะให้เลิกขับรถไปประกอบอาชีพอื่นก็ไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไร จึงต้องรับบทบาทหน้าที่เป็นคนขับรถต่อไป หวังว่าราคาน้ำมันจะไม่แพงสูงขึ้นไปกว่านี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการรับส่งผู้โดยสารและผู้โดยสาร
 

 
ย่ำแย่ที่สุด! เกษตรกรโอด สับปะรดราคาตกต่ำ หนี้ท่วม วอนรัฐช่วยเหลือ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7084013
 
ลำปาง พ.ค.-มิ.ย. ผลผลิต สับปะรด ออกสู่ตลาดจำนวนมาก ผู้ค้า เกษตรกรเจ้าของสวน บ่นขายของรายได้น้อย ราคาถูก มีปัญหาหนี้ ธ.ก.ส.ต้องจ่าย อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือการตลาด เพื่อความอยู่รอด
 
นางกาญจนา สืบใจ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด บ้านทรายทอง ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันปลูกสับปะรดจำนวน 30 ไร่ เป็นที่ของตนเอง 10 ไร่และพื้นที่เช่าอีก 20 ไร่ ทำมานานได้กำไรบ้างขาดทุนบ้าง
 
ช่วงเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมา ผลผลิตขายได้ขาดทุนมาตลอดทำให้เป็นหนี้สินทั้งในระบบ ของ ธ.ก.ส และหนี้สินนอกระบบ กู้งเงินมาลงทุนและใช้จ่ายค่าเทอมลูกเรียนหนังสือ ถ้าให้ไปทำอาชีพอื่นจะให้ไปทำอะไร เพราะอาชีพทำการเกษตรมาตลอดชีวิต ปีนี้การค้าขายย่ำแย่ที่สุด เพราะราคาสับปะรดตกต่ำมาก ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ธ.ก.ส. และค่าเทอมลูกไปเรียนหนังสือ
 
ส่วนค่าใช้จ่ายในการปลูกสับปะรดเกษตรกรเองต้องลงทุนจำนวนมาก โดยเฉลี่ย 1 ไร่ลงทุนหลายหมื่นบาท เริ่มตั้งแต่ค่าจ้างรถไถ่พรวนดินไร่ละ 800 บาท ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้ง 2,400 บาท ค่าหน่อสับปะรดหน่อละ 1 บาท 1ไร่ปลูกได้ 8,000 หน่อราคา 8,000 บาท ค่าจ้างปลูกหน่อละ 1 บาท จำนวน 8,000 บาท
 
ค่าปุ๋ยใส่ 2 รอบ ปุ๋ยราคากระสอบละ 2,000 บาทรวม 4,000 บาท พ่นยาฆ่าหญ้า 2 ครั้งๆละ 2,000 บาทรวมเงิน 4,000 บาทและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก รวมแล้วปลูกสับปะรด 1 ไร่ เสียค่าใข้จ่ายในการปลูกดูแลรักษาเป็นเงินเฉลี่ย 26,400 บาท
 
ด้านเก็บเกี่ยวผลผลิตเฉลี่ยน้ำหนักลูกละ 1.5 กก.ปลูกสับปะรด 1 ไร่จำนวน 8,000 ต้น หักลูกเน่าลูกเสียออก เหลือประมาณ 6,000 ลูก ได้ 9,000 กก.หรือ 9 ตัน มีพ่อค้ามารับซื้อขายส่งหน้าโรงงาน กก.ละ 6.40 บาท แต่รับซื้อเกษตรในราคา กก.ละ 3.20 บาท
 
ซึ่งก็เห็นใจพ่อค้าส่งที่มีรายจ่ายเยอะเช่นกัน ค่าน้ำมันก็แพง บางวันรอคิวรถขนส่งไม่ว่าง ก็ต้องเน่าทิ้งวันละ 3-4 ตัน ซึ่งก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย จาก 1 ไร่ขายได้เงิน 28,8000 บาท ลบค่าใช้จ่าย 26,400 บาท เหลือกำไร 2,400 บา ท จะอยู่กันได้อย่างไร ต้องลงทุน 4-3 เดือนกว่าจะได้ขาย ชาวบ้านจึงต้องช่วยเหลือตัวเอง
 
“ตอนนี้นั่งขายปลีกเอง นำลูกที่สุกเหลืองมาขายปลีก ก็จะคัดลูกที่สุกมาขาย ลูกสีเขียวคัดส่งโรงงานที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อส่วนลูกที่สุกทานได้ทันที จะนำมานั่งปลอกขายบนเพลิงริมถนนสายลำปาง-งาว บ้านทรายทอง ขายเป็นลูกธรรมดา 4-5 ลูก 100 บาท ถ้าเป็นลูกรสน้ำผึ้งขาย กก.ละ 25 บาท ถ้าเป็นพันธุ์ตราดสีทอง จะขาย กก.ละ 20 บาท
 
ซึ่งมีรสชาดหวานอมเปรียว กลมกล่อม กรอบ น้ำไม่เยอะ ซึ่งเป็นพันธุ์เก่าแก่ที่ปลูกในไร่ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน เพราะค่าใช้จ่ายลูกต้องเรียนหนังสือ หนี้ ธ.ก.ส.ก็ต้องจ่าย แต่ปีนี้ยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายต้องทบหนี้ไปเรื่อยๆ”
 
นางกาญจนา กล่าวอีกว่า หากเป็นแบบนี้ ชาวบ้านเเกษตรกร ผู้ค้าขายก็อยู่ลำบาก เพราะทำอะไรก็ขาดทุน เป็นหนี้เป็นสิน ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้จ่ายคงลำบากกันไปหมด อยากให้ทางรัฐบาล ราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย
 
หากจะให้ไปทำอย่างอื่นมีอาชีพอะไรให้ชาวบ้านทำก็ทำไม่ได้ เพราะทำการเกษตรมาตลอดชีวิต หรือไปปลูกพืชอย่างอื่น ต่อไปก็จะเป็นปัญหาแบบเกียวกัน จึงอยากให้สับปะรดมีราคาสูงประมาณ กก.ละ 7-8 บาทถึงจะอยู่ได้และมีตลาดให้ชาวบ้านไปค้าขาย และช่วยเหลือผู้ปลูกกลุ่มย่อยอีกหลายร้อยรายทำให้มีที่หารายได้ด้วย
 
ทั้งนี้ สถานการณ์สับปะรด จ.ลำปางมีปลูกในพื้นที่ 7 อำเภอได้แก่ อ.เมืองลำปาง แจ้ห่ม แม่เมาะ งาว เมืองปาน เสริมงาม และ อ.เถิน มีพื้นที่เพาะปลูก 21,013.75 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต จำนวน 20,444.75 ไร่ ประมาณผลผลิตจำนวน 46,729.28 ตัน ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในกลางเดือน พ.ค.-ก.ค.จำนวน 35,823 ตัน ช่วงตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.-กลางเดือน มิ.ย.จำนวน 10,906 ตัน
 
โดยผลผลิตสับปะรด จ.ลำปางส่วนมากจำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลาง (แผง) ในพื้นที่เพื่อส่งจำหน่ายโรงงานแปรรูปผลไม้กระป๋องใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี ชลบุรี ราชบุรี และ จ.ระยอง นอกนั้นจะจำหน่ายให้กับพ่อค้าขายส่งในรูปผลสด และจำหน่ายปลีกในพื้นที่
 
ดังนั้น ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. จะเป็นช่วงที่ผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งของจังหวัดอื่นด้วย อาจส่งผลกระทบ ต่อการระบายผลผลิตสับปะรดของ จ.ลำปางและราคาผลผลิตตกต่ำ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่